บทเรียนและความประทับใจ “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” รุ่นหก

 

จากผู้เรียนคอร์ส “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” รุ่นที่หก

 

“สิ่งที่ได้รับ การฝึกฝน บทเรียนจากคอร์สนี้
– เรียนรู้เรื่องภาพพจน์ในใจของเราที่มีต่อด้านมืดในตัวเป็นภาพทำให้รูว่าเราติดกรอบความคิดมาก แค่ลองทำตัวสบายๆไม่มีกรอบ น่าจะทำให้เราผ่อนคลาย ไม่คาดหวังกับตัวเองมากไป
-สิ่งที่เราเป็น กับ รู้สึกว่าเป็น ขนาดไม่เท่ากัน เพราะอคติ ไม่เห็นตัวเองตามความเป็นจริง เพราะความคาดหวังและความรักตัวเอง อัตตาตัวตนของตัวเอง กลไกการป้องกันตัวเอง
-คุณค่าในตัวเรา มีอยู่แล้ว ไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆฉันจึงจะมีคุณค่า การยึดติดเงื่อนไขซึ่งพอเราทำได้หรือทำไม่ได้ ทำให้เกิดความพอใจ/ไม่พอใจตัวเอง และยิ่งติดกรอบ ซึ่งก็ทำให้เราเลือกทำแต่สิ่งที่ตัวเองทำได้ หลีกหนีกับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ ทำให้กลไกการหนียิ่งใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยอมรับความจริงว่าตัวเองไม่เก่งไม่ได้
-ท่าทีของเรา มักเป็นปกป้อง 8/10 สอนสั่ง 8/10 แต่หล่อเลี้ยงแค่ 2/10 ทำให้เครียด ไม่มีชีวิตชีวา ทำให้ยิ่งยึดติดกับความคิด ความเชื่อ ไม่เผขิญความจริง รวมถึงใจแห้งแล้ง ไม่สร้างสรรค์ ไม่อิ่มใจ
-การสนทนากันระหว่างมือขวา และ มือซ้าย มือซ้ายแนะว่าไม่ต้องฟังสิ่งที่คิดมากเกินไป ให้คิดมุมอื่น และให้เติมสมาธิ จะได้ไม่หิวสุข สุขเกิดได้ในตัวเราเอง ไม่ต้องแสวงหาข้างนอก
-คุยกับความกลัวที่เป็นเด็กน้อย บอกเด็กน้อยว่า มันไม่มี ดี หรือ ไม่ดีจริงๆ มันขึ้นกับมุมมองต่างหากและ เปิดใจโดยไม่’ตัดสิน’
-เรียนรู้การใช้ข้อดีแบบไม่มากเกินไป และ ใช้มุมมองอีกด้านของข้อเสียให้เป็นประโยชน์
-ท่าทีที่มากไป/น้อยไป ในแต่ละจังหวะชีวิต ให้เหมาะกับแต่ละช่วง จะทำให้ชีวิตสมดุลมากขึ้น
-ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง และ สิ่งที่ชีวิตของเราต้องการจริงๆ 2 อย่าง คือ เป้าหมายของการเกิดมา และ การเรียนรู้ ซึ่งครูแนะนำว่า มันอาจบ่งบอกถึงอาชีพ การงานของเราที่เหมาะสมกับเราก็ได้
-เราสามารถเป็นสิ่งที่เราอยากเป็นได้ ไปถึงเป้าหมายได้
-กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆ ว่าเป้าหมายคืออะไร นี่เรากำลังทำอะไรอยู่
-คิดน้อยๆแต่คิดให้ชัดเจน
-ชีวิตคือทางเลือก ตัดสินใจให้ดีแล้วลุยเลย
-จดหมายถึงด้านมืด ขอบคุณที่ให้แง่มุมสว่างของสิ่งที่เรียกว่ามุมมืด ขอโทษที่ตราหน้าว่าเป็นด้านมืด ขออภัยที่เกลียดเพราะมองด้านเดียว ด้านมืดแค่เป็นด้านที่ไม่โดนแสง ให้เดินไปมองอีกด้านของเหรียญที่เป็นด้านสว่างเอามาใช้ประโยชน์
.
“วันสุดท้ายของการอบรม ขณะล้างจานหลังทานข้าวกลางวัน พอล้างเสร็จตัวเองก็พูดขึ้นว่า เฮ้อ สบายใจละ ล้างเสร็จซะที (รู้สึกว่าจะพูดลอยๆกับน้องจ๊ะเอ๋) ตอนพูดออกมา ก็แอบชะงัก ว่า อ่าวเฮ้ย ต้องล้างจานเสร็จ ถึงจะมีความสุขเหรอ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ช่วงเช้านี้เอาคำที่ครูบอก ตอนเดินผ่านแม่น้ำ มาทบทวน เรื่องความมีน้ำใจต่อตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข เพราะไปสร้างเงิ่อนไขต่อตัวเราเองตลอดเวลา เช่น ฉันต้องแซงคันหน้าให้ได้ ฉันถึงจะพอใจ ฉันต้องไปถึงจุดหมายปลายทางเร็วกว่าคนอื่น ถึงจะรู้สึกดี ฉันต้องตากผ้าเสร็จ ฉันถึงจะโล่ง ฉันต้องกินชาไข่มุก ฉันจึงจะผ่อนคลาย ฉันต้องซื้อทาโกะยากิเจ้าโปรดมากิน ชีวิตถึงได้มีรสชาติ ความสุขของฉันรออยู่ข้างหน้าเสมอ ฉันไม่มีความสุขในขณะปัจจุบัน ฉันรอความสุขในอนาคต ที่อาจจะสมหวังก็ดีใจ ไม่สมหวังก็โมโหตัวเอง (ซึ่งฉันมักโฟกัสส่วนที่ไม่สมหวัง มากกว่าที่สมหวัง หลงลืมความสุขง่ายๆจากการกินน้ำเปล่า การมีสุขภาพแข็งแรง การยังมีลมหายใจ การยังมีฟันไว้เคี้ยว ลิ้นยังรับรสอร่อยไป)
.
“เมื่อเช้าลองตากผ้าแบบไม่รอความสุขจากการตากเสร็จ ก็พ บว่าเรามีทางเลือกนี่นา เลือกจะมีความสุขตอนนี้เลยก็ได้ และฉันก็ได้สัมผัสความสุขได้ในตอนนั้นเลย ดีจัง”
.
( อารียา-นุช )
.
.
“ได้รับมิตรภาพและความรักจากคนที่เราไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ จริงๆ โลกนี้มันก็ไม่ ได้โหดร้ายสักหน่อย เนื่องจากคนเรามีความกลัว จึงทําให้เราไม่พอใจในตนเองหรือเกิดด้านมืด ในตัวเอง และความกลัว ความกังวล สิ่งที่รบกวนจิตใจของแต่ละคนก็ต่างกัน ดังนั้นเราจึงมีด้าน มีดที่ต่างกัน จะเห็นได้ว่าแต่ละคนที่เข้าคอร์สมีสิ่งที่รบกวนต่างกันทุกคนเลย แต่สุดท้ายมันก็แค่ ต้องบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไรนะ” เราจะไม่กีดกันด้านมืด แต่เราจะอยู่ร่วมกับมันให้ได้อย่างมีความ สุข จริงๆสิ่งที่เราคิดว่าเป็นด้านมืดของเรา กลับมีข้อดีเยอะแยะเลย
.
“สิ่งที่เราตั้งใจลงมือทําต่อเพื่อดูแลตนเองหรือต่อยอดจากการเรียนรู้ครั้งนี้
พยายามนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน สุดท้ายแล้วการมีสติรู้ตัวคือสิ่งที่เป็นแก่นของทั้งหมด เพราะการที่ เราไม่มีสติ ไม่อยู่กับปัจจุบัน ทําให้ฟุ้งซ่านและความคิดแย่ๆเหล่านั้นก็ย้อนกลับมาทําร้ายเรา จะ พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น ตอนนี้อยากเรียนต่อยมวยกับเต้น55 จะเริ่มทํางานจิต อาสา จะพยายามบอกรักตัวเองทุกวัน ถึงแม้ช่วงแรกๆมันจะไม่อิน แต่คิดว่าสักวันมันต้องเข้าไป
.
“สิ่งที่เราต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมกับครูหรือเพื่อนร่วมเรียน
คิดว่าทุกคนก็คงมีเรื่องฝังใจอะไรเยอะแยะมากมาย แต่มัดหมี่อยากให้ทุกคนบอกกับตัวเอง ว่า”สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอเพราะอดีตที่ผ่านมา มันทําให้เราเป็นเราในวันนี้ “เรา”ที่ไม่เหมือน ใคร ถึงแม้มันอาจจะคิดยากก็เถอะว่ามันจะดีได้ไง(วะ) แต่เชื่อเถอะ มันดีที่สุดสําหรับตอนนั้นแล้ว อีกอย่างคิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์ขึ้นมา อย่าคิดถึงมันเลยดีกว่า มัดหมี่อยากแนะนําให้นั่งสมาธิกัน จังเลย มันช่วยให้เรามีสติมากขึ้นและช่วยให้ตัดความคิด(แย่ๆ)เร็วขึ้นค่ะ มีความเห็นอะไรก็บอก มาได้นะคะ เป็นกําลังใจให้ทุกคนเสมอค่ะ
.
( สรานันท์ – มัดหมี่ )
.
.
“เป็นเวลาสามวันเต็มที่หนีจากโลกที่วุ่นวายมาอยู่ถ้ำเพื่อเรียนรู้จิตวิญญาณ ฝึกวิชากับท่านโยดา ยอมรับว่าก่อนมาที่นี้ได้ยึดถืออยู่กับกิจวัตรประจำวันที่ในที่สุดพาเข้าสู่วงจรอุบาทอย่างเต็มตัว วงจรที่ความต้องการสูญหายไป เเละถูกเเทนที่ด้วยความอยาก เป็นช่วงเวลาที่ตกอยู่ในกำมือของคุณพรั่นพรึงและมนุษย์ชุดเทา เพราะสู้เเละหนีจนหมดพลังจึงนอนเป็นผัก, ผัดวันประกันพรุ่ง, ได้เเต่พุ่งตัวลงโซฟา และขออย่ามีวันพรุ่งนี้อีก เหลือเชื่อว่าการมาที่นี้ได้พาไปเจอสมบัติล้ำค่า แน่นอนว่าท่านโยดาไม่ได้ปล่อยให้เดินทางล่าสมบัติตามลำพัง ท่านได้ให้ทั้งอาวุธซึ่งคือเจ้าสมุดดำ, ไพ่วิเศษ และลายแทงนอกจากนี้ท่านยังไม่ลืมให้เสบียงติดตัวหลายอย่างเล่นเอากินจนอ้วนกลมกลิ้งได้ซึ่งเป็นเรื่องดีอย่างนึง
.
“เมื่ออิ่มท้องก็พร้อมสู้ต่อ ระหว่างการเดินทางได้พบกับผู้ร่วมชะตากรรมจำนวนไม่น้อย เราใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการทำความรู้จักกันจนเกิดความไว้วางใจซึ่งกันเเละกัน ด้วยความที่มีจุดร่วมเดียวกันคือมาค้นหาตัวตน เเละสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่ เราค่อยๆไขปริศนาทีล่ะข้อ ทีล่ะข้อ ก่อนที่อยู่ดีกลับคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก จนนึกได้ว่าท่านโยดาได้กำชับไว้ว่า “จะไขปริศนาใดๆให้ได้ต้องตามหาคำใบ้ก่อน” คำใบ้ที่ว่าไม่ได้มาจากที่ไหนไกล เเต่เเปลกที่กลับซ่อนอยู่ในตัวของเด็กน้อยสีเทาที่ถูกพลัดพรากจากพ่อเเม่ มาเดินเร่ร่อนอยู่ หลังจากได้พูดคุยกับเธอไม่นาน เธอก็ยื่นคำใบ้ให้ ส่งยิ้มเล็กๆแล้วจากไป
.
“ความจริงนึงที่แทบช็อคคืออันที่จริงเเล้วท่านโยดาไม่ได้ให้การ์ดเเปลงร่างติดตัวมาด้วย เดิมที่จินตนาการว่าจะเเปลงร่างเป็นยักษ์ตัวใหญ่ เป็นหุ่นยนต์ที่มีสมองกลคิดกลวิธีไปต่อสู้กับเจ้าปีศาจมืดมน เห้อ ตอนนี้ไม่มีทางเลือกนั้นเเล้ว ไม่มั่นใจเอาซะเลย หลังจากผิดหวังเพราะผิดคาดอยู่สักพัก ท่านโยดาเดินเข้ามาจับมือเเล้วบอกว่า “ทุกตัวตนที่ท่านต้องการเป็นอยู่ในตัวท่านเเล้ว” หลังจากที่ได้ลองสงบนิ่งสักพัก เจ้าตัวตนมากมายก็พากันส่งเสียงเชียร์ว่า “เราจะอยู่เคียงข้างท่านๆ”
.
“พักจากความเหนื่อยล้าจากการตามล่าหาสมบัติมาลองใช้ชีวิตติสๆเเบบศิลปินเเบบที่ท่านโยดาเเนะนำให้ เป็นวิธีผ่อนคลายเเละเยียวยาจิตใจที่มหัศจรรย์ ทำให้ได้ทบทวนตัวเอง นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมชะตา ทั้งเเลกภาพวาดให้คนอื่นลองตีความซึ่งก็พบว่าบางการตีความก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง, พากันเต้นไปรอบๆเเบบสุดเหวี่ยง, ผลัดกันนำเสนอผลงานปั้น ,เล่นละครสั้นประโลมใจ เเละสุดท้ายคือผลัดกันทำลายภาพวาดชิ้นเเรกของทุกคน ทั้งหมดนี้โยดาคิดมาเเล้วว่า
นอกจากจะช่วยเสริมสร้างจินตนาการ ได้ปลดปล่อยจากความเคร่งเครียด ยังได้รู้จัก ยอมรับ เเละเข้าใจตัวเองมากขึ้นอีกด้วย
.
“ต่อมาได้เจอกับเหตุการณ์ที่สะเทือนใจไม่น้อย ตอนที่ต้องจำใจทิ้งไพ่วิเศษไปหลายใบ แรกก็หวาดหวั่นว่าจะไม่มีอาวุธไปเผชิญหน้ากับเจ้าปีศาจร้าย แต่สุดท้ายก็พบว่าเจ้าปีศาจมืดมนไม่ได้ร้ายกาจเเละมาเพื่อทำลายล้างอย่างที่คิดไว้ หากเเต่ปรากฏตัวมาขอความเห็นใจ ความเข้าใจเเละการยอมรับ มันได้เเต่ส่งเสียงกระซิบกระซาบว่า “กอดหน่อยๆ” ทันทีเมื่อเอื้อมมือเข้าไปโอบกอดเจ้าปีศาจมืดมน มนตร์ดำก็ได้สลายไปกลายเป็นคาถาเวทมนต์ที่หน้าตาเหมือนไม้บาตองของวาทยากร ฉันยืนงงอยู่พักใหญ่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีบทเพลงอีกมากที่ต้องกลับไปสะสาง อันที่จริงที่มีอยู่มันก็ฟังไม่เเย่เเต่น่าเบื่อเกินไป บางที่ยังไม่ได้ขัดเกลาให้สวยงาม บางช่วงเหมือนขาดอะไรไปต้องเติมเต็ม หรือบางท่อนก็ต้องarrangeใหม่กันอีกยาว
.
“เเม้งานจะกองเท่าภูเขาเเต่คราวนี้มันกลับดูน่าสนุก มีอะไรให้ทดลองอีกมากมาย เวลาเเละกำลังก็มากขึ้น เพราะไม่ต้องคอยวิตกจริตกับปีศาจที่ไหน ไม่ต้องกระเสือกกระสนตามหาขุมทรัพย์อีก สุดท้ายอยากขอบคุณท่านโยดา ขอบคุณเพื่อนร่วมชะตาทุกคน เเละขอบคุณเจ้ามืดมนตร์ขุมทรัพย์เเห่งตัวตน ต่อไปนี้จะรักอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อนกันตลอดไป! ????”
.
( นาฏวดี – ออม )
.
.
“ได้รับความรู้ว่าภายในตัวตนของเรามีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ต่างก็มีประโยชน์และมีโทษเช่นกัน ควรจัดให้สมดุล ด้วยการตระหนักรู้ให้ทันและตรงกับภาวะด้านในที่เป็นอยู่ สื่อสารกับภายใน การยอมรับภาวะนั้น หากเป็นด้านไม่ดี ด้านมืด ความกลัว และการตำหนิติเตียน ควรรู้ถึงที่มาของความคิด ความรู้สึกนั้น
.
“สิ่งที่ตั้งใจทำต่อไปเพื่อดูแลตัวเอง คือ การมีสติในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น การนำการเต้น 5 จังหวะไปใช้ในการออกกำลังกาย ทั้ง ไหลลื่น ชัดเจน ปลดปล่อยและชวนฝัน จะทำให้ออกกำลังกายได้ครบทุกส่วนและมีความสนุกสนานไปด้วย
.
“ขอบคุณครูโอเล่ที่สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ได้ดีร่วมทั้งเพื่อนทุกคนด้วย ที่ร่วมกันสร้างบรรยากาศนั้นและการมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน”
.
( ดำรง – ชาย )

 

ติดตามการอบรม สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ได้ที่
www.dhammaliterary.org/คอร์สการอบรม/