#เราอาจเป็นฆาตกร : คอลัมน์ ไกด์โลกจิต
Dana Plato เป็นนักแสดงเด็กที่มีผลงานโดดเด่นมาตั้งแต่อายุยังน้อย มีผลงานการแสดงนับสิบเรื่อง จนกระทั่งเธอมีปัญหาติดเหล้ายา การแสดงลดน้อยถอยลง เธอตั้งครรภ์ตอนอายุได้ ๒๐ ปี มีลูกชายหนึ่งคนชื่อ Tyler Lambert แล้วโชคชะตาก็ดิ่งลงมา อาชีพผันผวนจากภาพยนต์เกรดเอมารับงานเกรดบีและนิตยสารเพลย์บอย เธอพยายามปรับตัว สู้ชีวิต แม้ถูกคดโกงจนเงินหายสูญ จากนักแสดงเด็กผู้มีแววรุ่งโรจน์ต้องผันเปลี่ยนมาถ่ายแบบนู้ดหาเลี้ยงชีพ
จวบจนเธออายุได้ ๓๕ ปี ได้รับเชิญจากรายการ The Howard Stern Show เพื่อสัมภาษณ์และบอกเล่าเรื่องราวชีวิตตน เล่าความผิดพลาดจากการติดเหล้ายา แต่ได้อธิบายว่าตนเองได้เลิกราห่างหายจากมันแล้วเหลือเพียงต้องใช้ยาแก้ที่ได้อนุญาตตามกฏหมายเพื่อรักษาอาการปวดจากการถอนฟัน เธอถูกกดดันอย่างหนักจากพิธีกรดำเนินรายการหลายคน ทั้งเค้นคั้นให้ตอบคำถามยืนยันการเลิกยา ยั่วยุเธอ ท้าให้พิสูจน์ต่อหน้ารายการ บีบคั้นให้เธอรู้สึกผิด ต่อหน้าผู้ชมทั้งหลาย
คนทำรายการทีวีก็อาจอ้างได้ว่าเขาทำไปดังนั้นเพื่อเรียกความบันเทิงหรือความน่าสนใจของรายการ หรืออยากท้าพิสูจน์อย่างไรก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนึ่งวันต่อมา Dana ฆ่าตัวตายด้วยการใช้ยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อเกินขนาด จบชีวิตอดีตนักแสดงเด็กผู้โดดเด่นและแสดงภาพยนต์ชื่อดังอย่าง Exorcist II: The Heretic และซีรีย์ทีวี Diff’rent Strokes
ต่อมาอีก ๗ ปี Tyler ลูกชายของเธอก็ยิงตัวตาย โดยคนสนิทกับครอบครัวให้สัมภาษณ์ว่า เขาบอกอยู่เสมอว่าต้องการไปอยู่กับแม่
เราอาจกล่าวว่าการตัดสินใจจบชีวิตของเธอ เป็นผลจากการเลือกและจิตใจของเธอเอง แต่เราไม่อาจปฏิเสธว่า คำพูด การประจาน และการบีบคั้นคนให้รู้สึกแย่ หรือการกระทั้งการพูดเล่นๆ ที่มิได้มีเจตนาทำร้าย อาจทำลายชีวิตคนหนึ่งได้อย่างที่เราไม่อาจแก้ไข
มีเด็กจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อการทำให้อับอายและการพูดล้อเลียนหรือหยามเหยียด ในที่บ้านและโรงเรียน ซึ่งนั่นเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันมีเด็กจำนวนไม่น้อยกว่าที่ตกเป็นเหยื่อทางสังคมออนไลน์ ซึ่งให้เสรีภาพในการแสดงความเห็นได้แทบไม่จำกัด
เสรีภาพต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ยิ่งเสรีมาก ยิ่งความรับผิดชอบหน่วงหนัก คนที่ใช้เสรีภาพแต่ปฏิเสธอีกด้านนั้น ย่อมทำร้ายตนเองและคนอื่นๆ ไปอย่างไม่รู้ตัว
ผมเองมีผู้เรียนหรือคนที่มารับคำปรึกษาจำนวนไม่น้อยซึ่งเคยเป็นเหยื่อของคำพูดของคนใกล้ตัว โดยเฉพาะคนในครอบครัว บางคำพูดที่เพียงพูดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ สร้างแผลในใจยาวนานกว่าบรรทัดถ้อยคำนัก บางคนต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดในใจและไม่อาจรักตนเองได้เต็มเปี่ยม เพราะคำพูดของผู้ให้กำเนิดซึ่งเคยบอกว่า “ไม่น่าเกิดมาเลย”
สิ่งที่เราพูดกับคนอื่นมีความสำคัญมหาศาล เราอาจช่วยชีวิตคนหรือฆ่าเขาก็ได้ ด้วยคำพูดที่เราพูดออกมา แม้จะมีเจตนาใดก็ตาม
เช่นกันกับตัวเราเอง สิ่งที่เราคิดหรือพูดในใจให้ตนเองได้ยิน เหล่านั้นล้วนมีผลต่อระบบประสาท วิธีคิด และความเชื่อต่อตนเอง เราไม่อาจมีชีวิตที่ดี หากในหัวเรามีแต่คำพูดแย่ๆ ที่บอกแก่ตนเองทุกวันคืน
เราอาจอ้างว่าเราต้องการให้อีกฝ่ายเข้มแข็ง จึงพูดจาสาดเสียเทเสียใส่ แต่คนที่ต้องเข้มแข็งจริงๆ คือตัวเรา เพราะผู้ที่เข้มแข็งจริงนั้นย่อมไม่ทำร้ายผู้อื่น ย่อมกล้าที่จะรักผู้อื่นอย่างที่เขาเป็นจริง มิใช่พยายามเปลี่ยนให้เป็นไปตามที่ต้องการ ผู้ที่มักพูดลบต่อคนอื่น สิ่งเหล่านั้นสะท้อนว่าตัวเขาเองก็มีเสียงแย่ๆ มากมายที่ตอกย้ำตนเอง หรือเคยมีคนพูดกับเขาเช่นนั้นมาก่อน การพูดอย่างไม่เคารพในคุณค่าอีกฝ่าย เท่ากับเราเองก็ไม่เคารพตัวเราอยู่เช่นกัน
คำพูดเป็นเหมือนของขวัญและอาวุธร้ายที่เราส่งมอบให้แก่กัน คนหนึ่งคนที่ถูกเราทำร้ายด้วยคำพูด อาจนำอาวุธเดียวกันนี้ทำร้ายคนเป็นทอดๆ เราจึงไม่แปลกใจที่เด็กน้อยผู้ซึ่งเติบโตในครอบครัวที่ทำร้ายกันด้วยวาจาหรือทางร่างกาย จะมีแนวโน้มทำเช่นเดียวกันนี้ต่อตนเองหรือคนรอบตัว
การประจานผู้อื่นนั้นล้วนแต่เป็นการย่ำยีความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายซึ่งมีสิทธิเสรีภาพไม่ต่างจากเรา
ผมเองเป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกประจานและกล่าวอ้างทางลบในบางหัวข้อโดยไม่มีการไตร่หาข้อเท็จจริงอย่างใด ผมเองไม่เคยตอบโต้หรือฟ้องร้องกลับ แต่ก็ไม่ทราบว่ามีผลต่อคนอื่นที่รู้จักผมมากเท่าใด นอกไปจากครอบครัวผมเอง ซึ่งก็แย่พอแล้ว แต่ผมเลือกที่จะสู้ด้วยความนิ่ง เพราะเมื่อพูดมากตอบกลับแล้วตนเองก็อาจเผลอตกร่องการย่ำยีคนอื่นไม่ต่างจากพวกเขาได้ เพราะตราบใดเรายังมีทิฐิมานะอยู่ คำพูดและความคิดของเราก็เอาตนเป็นศูนย์กลางได้เสมอ
การพูด ในทางพุทธศาสนา คือ วจีกรรม เป็นกรรมอย่างหนึ่งในสามแบบ ทุกกรรมที่เรากระทำย่อมมีผลต่อตัวเราเอง เราทำร้ายใครด้วยวาจา ท้ายที่สุดแล้ววาจานั้นก็จะทำร้ายเรา อย่างน้อยในตอนที่พูดนั้น จิตเราก็คิดตามไปด้วย สิ่งที่ว่าคนอื่นก็แปรเปลี่ยนเป็นความคิดและพลังด้านลบ ฝังในจิตใจของตนเอง เป็นขยะในหัวใจ
เราหวังให้ชีวิตเราดี ต้องเริ่มที่ วจีกรรม ทั้งคำพูดที่บอกแก่คนอื่นและคำพูดที่พูดแก่ตนเอง
การพูดนั้นคือการให้อย่างหนึ่ง เราหวังให้ตนเองและสิ่งแวดล้อมเราเป็นอย่างไร เราต้องให้คำพูดเช่นนั้น
ต้นไม้ไม่เคยพูดหยาบคายแก่แมลงและสัตว์อื่นใด มีแต่กลิ่นหอมของดอกไม้ที่แผ่กำจายไปทั่ว หมู่ภมรก็ช่วยขนเกสร เผยแพร่พันธุ์งอกงาม สัตว์มาร่วมอยู่อาศัยมิมีตัวใดอยากทำลาย มนุษย์เองได้เยี่ยมเยือนสัมผัสธรรมชาติของผืนป่าและทิวทุ่ง ก็รู้สึกเปรมปรีด์และผ่อนคลาย ธรรมชาติสอนเราอยู่เสมอว่า วาจาแบบใด จึงยังความสุขแก่ตนและคนรอบข้าง
หากเราต้องการให้พื้นที่สังคมออนไลน์หรือบ้านเรามีสีสันอย่างใด ระลึกถึงการวาดภาพไว้ เราลงสีใด ภาพก็จะเป็นดังนั้น หากเราลงสีในสังคมด้วยสีดำและสีอันมืดหมองแล้ว สิ่งที่เราจะได้เห็นก็มาจากสีในหัวใจเรานั่นเอง แล้วนี่คือสิ่งที่เราปรารถนาจริงๆ หรือไม่
อนุรักษ์ ครูโอเล่
๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
เรือนการุณยพร
คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต
อ่านบทความอื่น ๆ ในคอลัมน์นี้ได้ที่ :