“วนเวียนอยู่กับการหลุด รู้ และเริ่มใหม่ แต่ไม่ต่อว่าตัวเองที่ทำไม่ได้ตลอด เพียงแค่รับรู้ ตามดู และเริ่มใหม่ ทำให้เขียนไปได้แบบไม่กดดันจนเครียดเหมือนครั้งแรก หลังการเขียน รู้สึกสบาย ๆ …เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ได้เห็นว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบปล่อยไปตามใจตัวเองแทบจะตลอดเวลา ถึงแม้เวลาที่มีสติเตือนให้รู้ ว่าควรจะต้องทำอะไรก็ยังไม่ทำ แต่ยังทำตามใจที่สบายแบบนั้นต่อไป ทำให้ชีวิตย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวเองเลย
.
และการเขียนทำให้ได้ฝึกฝนสติตามดูตัวเองในทุก ๆ อริยาบทที่ทำ ทำให้อยู่กับปัจจุบันมากขึ้น”
.
คุณวราภรณ์ อาชีพ เจ้าของกิจการ
: : :
“ได้กลับไปอ่านทวนตั้งแต่ต้นค่ะ ทั้งบันทึก สะท้อนหลังบันทึก และการแลกเปลี่ยนกับครู เห็นภาวะต่างๆ ของกายและใจเราในขณะต่างๆ ตั้งแต่ความอึดอัด ซึ่งเป็นบ่อยในตอนแรกๆ การหลงอยู่ในความคิดซึ่งเป็นตอนช่วงกลางๆ และการภาวะการยอมรับที่เริ่มจะมีมาให้เห็นบ้างในช่วงท้าย ได้เห็นว่าการเรียนในครั้งนี้ค่อยๆ แปรสภาพการเขียนจากการ “ทำการบ้าน” เป็นการ “ทำการสำรวจ” ตัวเอง เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราดึงเกวียนความคิดที่หมุนไม่หยุดนี้ให้ช้าลงได้ด้วยลมหายใจเข้าและออก แต่ละครั้งที่เขียน เราให้เวลาตัวเองมากขึ้นๆ ในการหายใจ ในการฟังลมหายใจ และการฟังคำพูดจากข้างใน ได้เห็นซอกมุมและหล่มความคิดที่เรามักจะลงไปติด เห็นว่าอะไรคือความเคยชิน และอะไรคือสิ่งที่เรารู้สึกแท้จริง เห็นการคลี่คลาย พาตัวเองขึ้นมาจากหล่มความคิดอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการคลี่คลายออก ไม่ใช่การสร้างความรู้สึกอื่นลงไปทับ รู้สึกเราเมตตากับตัวเองมากขึ้น อ่อนนุ่มลง เราคิดช้าลง แต่ชัดเจนมากขึ้น การดึงความคิดให้ช้าลงด้วยลมหายใจและการเขียนด้วยมือ ทำให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆ มากขึ้น ทั้งความรู้สึกทางกายและทางใจ และความคิดที่วิ่งไปวิ่งมา ได้เห็นอกุศลที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเศร้าหมองที่แว่บผ่านไปผ่านมาในใจเราได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเห็นว่ามันเป็นเพียงอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากความเคยชิน เมื่อพักการเขียน และหายใจเข้า อารมณ์นั้นก็หายไปแล้ว เมื่อรวมเข้ากับคำชี้แนะของครูก็ทำให้เราตามเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นประโยชน์กับตัวเองมากขึ้น
.
การเขียนภาวนาจะกลายเป็นเครื่องมือที่จะขอเก็บไว้ใช้ดูแลสติต่อไปค่ะครู และจะกลับมาเข้าอบรมกับครูอีกในโอกาสต่อไปค่ะ”
.
คุณวรารมย์ อาชีพ ศิลปินอิสระ / ครูสอนศิลปะและโยคะ
: : :
“แปลกใจที่การเขียนนอกสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านครั้งแรกกลับดูสงบได้ ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของสิ่งภายนอก การเขียนภาวนาก็สามารถนำมาใช้ให้ภายในกายใจเราสงบลงได้ วันนี้เขียนออกมา ตามลมหายใจออกได้ตามธรรมชาติ มีติดบ้างเล็กๆ น้อยๆ ช่วงสั้นๆ ตามเสียงที่มากระทบดังในบางที แต่ภาพรวมคือโอเค… อ่านบทความที่เขียนออกมา เหมือนตัวเองสอนตัวเอง เข้าใจอะไรมากขึ้น ไม่ติดจมไปกับอารมณ์เท่ากับรอบ ๑ เห็นได้ชัดถึงความมั่นคงภายในตัวเอง ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะธรรมชาติ เขียนได้ลื่นไหล แม้จะมีปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่รบกวนอยู่บ้าง แต่คิดว่าการเขียนภาวนาออกมาได้แบบนี้ จิตต้องสงบพอระดับหนึ่ง
.
บทเรียนครั้งนี้คือ การเข้าใจถึงสภาวะวิภวตัณหา เข้าใจสัจธรรมต่างๆ เช่น ไร้ทวิลักษณ์ ความไม่เที่ยงแท้ เข้าใจความสัมพันธ์อิงอาศัยกัน เข้าใจความเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นต้น ผ่านกระบวนการใคร่ครวญภายใน ออกมาเป็นบทความรอบที่ ๓ ลื่นไหลออกมาบ้าง แม้จะง่วงเล็กๆ ขอขอบคุณครูโอเล่ที่ช่วยชี้แนะ ซึ่งเป็นคำแนะนำอันเป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้เข้าใจกระบวนการทำงานผ่านการเขียนบันทึกภาวนามากขึ้น จนเข้าใจตัวเองมากขึ้น นำมาสู่ความสงบกายใจ ความมั่นคงในใจก็จะช่วยเอื้อให้เกิดความมั่นคงภายนอก และย่อมนำพาสู่สันติสุขในใจเราและทุกคนที่เราไปเกี่ยวข้อง”
.
คุณศรีสุภา อาชีพ อิสระ
: : :
บทเรียนระหว่างการอบรม “เขียนภาวนา” กึ่งออนไลน์ ในหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิตรุ่นที่ ๑๙ สถาบันธรรมวรรณศิลป์
www.dhammaliterary.org