พรของความไม่สมบูรณ์แบบ

 

ไม่ใช่เพราะความสุข ที่ทำให้เราเห็นความหมายของชีวิต แต่เป็นเพราะความทุกข์ที่ทำให้เราเห็นความหมายของการมีชีวิตอยู่

ไม่ใช่เพราะเราเกิดมาในโลกที่ดีเลิศเลอ เราจึงมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี แต่เพราะโลกนี้ช่างเต็มไปด้วยบาดแผลและความทุกข์เข็ญ เราจึงต้องลุกขึ้นมาทำสิ่งที่แตกต่าง

ความบกพร่อง ที่ทำให้เรามีช่องว่างในการเติมเต็ม มิเช่นนั้นแล้วเราก็จะเป็นเพียงน้ำเต็มแก้ว ของล้นห้อง เติมสิ่งดีๆ ใดๆ มิได้อีก

พรของการมีความสุขและชีวิตที่สุขสมหวัง อาจไม่ใช่พรที่ดีที่สุด ในเมื่อเราอยู่บนโลกที่ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน มีความทุกข์ ความพลัดพราก ความไม่สมหวัง ฯ อยู่เป็นธรรมดา และหาได้มีสิ่งใดที่เราจะหยิบติดตัวเป็นของตนไปได้ตลอดกาล

แม้เรารู้อยู่แก่ใจว่า ชีวิตเราในปีเก่า ปีหน้า หรือปีถัดไปถัดไป เราก็มิอาจหนีความจริงของโลกพ้น

พรที่ดีที่สุด คือการยอมรับความจริงว่าเราเป็นคนธรรมดาที่มีทุกข์อยู่เป็นธรรมดา อยู่ในโลกที่มีความไม่สมบูรณ์แบบอยู่เป็นธรรมดา

เพราะเป็นธรรมดานี่เอง จึงพิเศษ ในโลกที่คนมากมายอยากได้ความพิเศษและอยากเอาชนะความเป็นจริงของชีวิต

เพราะความไม่สมบูรณ์แบบจึงสมบูรณ์แบบ เพราะปล่อยวางชีวิตเป็นไปตามกฎแห่งกรรมและทำวันนี้อย่างดีที่สุด

แผนปีหน้าที่จริงแท้ที่สุดคือ… “ลมหายใจที่มีอยู่ในตอนนี้”
ความตั้งใจปีหน้าที่จริงใจกับความจริงที่สุดคือ… “สุขก็รับ ทุกข์ก็รับ”
เป้าหมายปีหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือ… “ผ่านมาและผ่านไป”
คำอวยพรใดจะประเสริฐยิ่งไปกว่า… “ทุกสิ่งจะเป็นอย่างที่เป็น”

ไม่ใช่ความสุขและความสมหวังที่จะทำให้ปีหน้า ดีกว่าปีนี้หรือปีที่ผ่านมา แต่เป็นการยอมรับความเป็นจริงด้วยสติรู้เนื้อรู้ตัว และจิตใจอันเปิดกว้าง

ความสวยงามของชีวิตไม่ใช่ตอนที่เรายิ้มเวลาสมหวัง แต่ชีวิตงดงามเมื่อเรายิ้มได้แม้ในยามล้มเหลว ความผิดหวังก็เป็นความสวยงามของชีวิต เพราะตอนนั้นหัวใจของเรา ปลดปล่อยจากความคาดหวังและเงื่อนไขที่มัดหัวใจ

การไม่สำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งใจ ก็สอนให้เราเห็นถึงความไม่สมบูรณ์แบบที่ล้ำค่า เพราะชีวิตไม่จำเป็นต้องมีคำตอบเดียว ไม่จำเป็นต้องมีหนทางหรือประตูเพียงหนึ่งเดียว

การอยากให้ชีวิตสมบูรณ์แบบและมีคำตอบที่ตายตัว คือการทำร้ายตัวเองและสร้างความทุกข์เกินจำเป็นให้ชีวิต เพราะเรากำลังฝืนความเป็นจริงและทำให้ชีวิตเสียความงดงามไป

ต้นไม้ที่รู้จักการทิ้งใบให้ร่วงหล่น จึงเป็นต้นไม้ที่เข้าใจถึงการเติบโต ชีวิตที่ยินยอมให้ความทุกข์เกิดแก่ตัวเองได้ และยินยอมให้ความสุขร่วงหล่นไปตามธรรมชาติ จึงเข้าใจความหมายของการมีชีวิต

ส.ค.ส. ในที่นี้ หมายถึง “สติคือสุข” และ “สงบคือสุข” เพราะสองสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งพิเศษอย่างสุขอื่นๆ ที่น่าลิงโลดใจ แต่เป็นสิ่งธรรมดาๆ ที่ชวนใจเราให้อยู่กับความเป็นธรรมดาอันไม่สมบูรณ์ ด้วยใจที่บริบูรณ์เสียยิ่งกว่าความสุขแบบอื่นใดจะช่วยใจเราได้

 

ขอส่ง ส.ค.ส. นี้แก่ทุกๆ คน
เพื่อนร่วมโลกที่มีด้านสว่างและมืดอยู่เป็นธรรมดา

 

ครูโอเล่
คอลัมน์ “ไกด์โลกจิต”
ตอน “พรของความไม่สมบูรณ์แบบ”

 

“เพราะชีวิตไม่สมบูรณ์แบบ
จึงมีคำตอบของชีวิตที่มากมาย
เพราะยังต้องสุขทุกข์เวียนวนไป
ชีวิตจึงเป็นดอกไม้หลากสีสัน
เพราะไม่มีสิ่งใดที่ดีพร้อม
ฉันจึงมีเป้าหมายทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น
เพราะร่างกายพร้อมป่วยไข้
ฉันจึงต้องรักตัวเอง
เพราะฉันยังมีด้านมืดและสว่าง
ฉันจึงมีเพื่อนมากมายบนโลกนี้
เพราะชีวิตยังไม่ดีมากพอ
จึงมีพื้นที่ว่างให้ทำสิ่งที่ดีไม่จำกัด”

จากกิจกรรม “บทกวี ลมหายใจ ปล่อยวาง”
วันที่ 18 – 19 ธันวาคม 2567

 

ติดตามกิจกรรมและหลักสูตรที่เปิดรับสมัคร

https://www.dhammaliterary.org/open-course/