อ ดี ต จั บ มื อ กั บ วั น นี้…เด็กน้อยภายใน

 

S__21217282

บทความ “สนทนากับเจ้าตัวเล็ก…เด็กน้อยภายใน”

จากบันทึกส่วนตัวอาจารย์ผู้สอน เบื้องหลังหลักสูตร “เด็กน้อยภายใน” ขั้นต้นและขั้นกลาง

เผยแพร่เป็นวิทยาทานและกำลังหัวใจ

อนุรักษ์ เม่นหรุ่ม C.Ht

 

 

นี่คือตอนสุดท้าย ของบทแรก “สนทนากับเจ้าตัวเล็ก…เด็กน้อยภายใน” หนังสือที่ผมตั้งท่าจะเขียนอยู่หลายเดือนและท้ายที่สุด การกลับมาสนทนาภายในกันอย่างซื่อใสได้พาพลังสร้างสรรค์ผมกลับมาอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดอยู่ไม่น้อย แสงสว่างที่กอบเก็บมาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวันนี้ ส่องฉายจุดๆ เล็กๆ ระหว่างทางที่กว้างพอจะวางเท้าให้ก้าวต่อ

 

 

*********

อ ดี ต จั บ มื อ กั บ วั น นี้

*********

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : เธอจะเศร้าไหมถ้าฉันจากไป

ฉัน : ฉันว่าฉันเศร้านะ เธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน และเป็นสิ่งล้ำค่าที่ความเป็นผู้ใหญ่วันนี้จำเป็นต้องมี ฉันทำงานและใช้ชีวิตไป โดยขาดสีสันและรอยยิ้มของเธอไม่ได้หรอก

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : แต่บางทีเราก็ต้องยินยอมให้อดีตได้จากไป ให้ตัวเธอได้เดินทาง ให้ฉันได้เดินทาง ชีวิตคือรถไฟสายออกจากเมือง อดีตคือสายเข้าสู่ตัวเมือง ชีวิตดำเนินต่อและอดีตก็รอเทียบท่าอู่ชรา ฉันและเธอคือเส้นทางที่มุ่งตรงข้าม เพียงบรรจบและจากลา

ฉัน : แต่บางช่วงเส้นทางเราคือทางรถไฟเส้นเดียวกัน แม้ขบวนของเธอจะล่วงลาแล้ว แต่เหล็กกล้าที่ทอดรางบนพื้นยังมีอยู่ให้ฉันระลึกถึง

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : ฉันและเด็กน้อยทั้งหลาย คืออดีตที่มีลมหายใจ แม้เขาหรือใครอื่นไม่รู้ตัวว่าแบกบ่าอดีตไว้กับตัวก็ตาม

ฉัน : เรามักพูดกันว่าควรอยู่กับปัจจุบัน แต่หัวใจนั้นยังแบกอดีตติดตัวอยู่มาก ไม่ว่าจะประสบการณ์เดิม ความผิดพลาด ความเชื่อเก่า ความรู้สึกนึกคิดจากวันวาน เราไม่ได้อยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริง หากขาดความเข้าใจและการรู้เท่าทันสิ่งเหล่านี้

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : พวกเขาต่างพยายามปกป้องเด็กน้อยในตัวเขาอย่างไม่รู้ตัว มุมมอง วิธีคิด และท่าทีที่ทำซ้ำๆ มาตั้งแต่อดีตเก่าก่อน ก็เพื่อปกป้องส่วนที่เปราะบางของตนเอง หลายคนคุยกับพวกฉันไม่ได้ เพราะไม่มั่นใจที่จะสัมผัสด้านนั้นของตนเองอย่างตรงไปตรงมา

ฉัน : เราจะปล่อยวางสิ่งใดได้ เราต้องรู้ก่อนว่าเราถืออะไรไว้ และจะปลอดภัยอย่างไรเมื่อปล่อยมือออกไป วางลงแล้วจะมั่นคงได้ไหม

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : พอพวกเขาลังเล เลยยึดเกาะไว้แน่น สิ่งเหล่านั้นอาจเคยใช้ได้ผลเมื่อนานมา แต่มันอาจใช้ไม่ได้แล้วในตอนนี้ เมื่อก่อนเขาอาจรู้สึกแย่ที่ตัดสินใจบางอย่าง เขาพยายามปกป้องเด็กน้อยในตัวเขาด้วยการไม่ทำมันอีก แต่มันก็ทำให้เขาพลาดโอกาสที่ดีงามของชีวิตในเวลาต่อมา เพราะยังติดอยู่กับความกลัวและความไม่เชื่อมั่น

ฉัน : เขาพยายามปกป้องเด็กน้อยในตัวเอง แม้กระทั่งวันนี้เขาก็อาจยังทำอยู่ มันสั่นไหวถ้าเราจะปล่อยสิ่งที่เราไว้ใช้ปกป้องตัวเองมาโดยตลอด

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : เหมือนคนหลบพายุอยู่ในห้องใต้ดิน พายุสงบลงแล้ว เวลาผ่านมานานมากแล้ว ก็ยังไม่ยอมกลับขึ้นมา ทั้งๆ ที่เสียงหัวใจและการสัมผัสรับรู้ต่างบอกว่าพายุล่วงลับแล้ว แต่อยู่เฉยๆ ข้างล่างนี้ปลอดภัยแน่นอนกว่า

ฉัน : เธอกำลังบอกว่า เขากำลังกักขังตัวเอง ด้วยสิ่งที่พยายามสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : เขาหลงลืมความกล้าหาญที่แท้จริงไป เขาลืมว่าตนเองสามารถเติบโตได้ เหมือนต้นไม้น้อยใหญ่เติบโตเข้าหาแสง

ฉัน : แล้วที่เธอถามฉัน ด้วยคำถามแรกนั้น หมายถึง ต้องการให้ฉันปล่อยวางเธอหรือ หรือปล่อยมือจากการยึดมั่นอะไร

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : จากความกลัวที่จะเข้าหาคน

ฉัน : ทั้งๆ ที่ฉันก็ทำงานกับคนจำนวนมากๆ สอนคน เข้าถึงหัวใจพวกเขา แต่เธอก็รู้สึกได้ใช่ไหมว่า ลึกๆ ฉันก็กลัวคนอยู่บ้าง

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : บางทีเธอก็กลัวฉันมีอันตรายและขาดพื้นที่ส่วนตัว เธอจึงชอบอยู่เงียบๆ เลือกคนคบหา และละเลยติดต่อสื่อสารกับคนหลายๆ คน ระยะยาว

ฉัน : บางทีฉันก็รู้สึกเหนื่อยที่จะดูแลใครใคร กลัวอยู่กับคนอื่นมากเกินไปจะหมดแรง ไม่มีพื้นที่และเวลาของตนเอง

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : หลายครั้งเธอก็รู้สึกว่า อยู่ลำพังห่างๆ คนแล้ว สบายใจดี ไม่มีอะไรรบกวน แต่ถึงเวลาที่เธอต้องสื่อสารข่าวสารออกไป เธอก็ไม่อาจมีช่องทางที่กว้างขวางนัก บางทีเธอก็พูดกับคนแค่เรื่องงานหรือความรู้สึกลึกซึ้งต่างๆ แต่พูดเรื่องส่วนตัวและละเอียดอ่อนแค่กับบางคนเท่านั้น

ฉัน : ฉันพยายามเลือกพื้นที่ให้แก่ตนเองและเธอ ฉันไม่ชอบการเข้าใจผิดและการเบียดเบียนพื้นที่กัน เธอก็เคยเจ็บปวดกับเรื่องพวกนี้ แม้แผลจะหายลงแต่ความกลัวนั้นยังพอมี ฉันพยายามดูแลให้ดีที่สุด

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : การพยายามมากเกินไปของเธอก็ทำให้ฉันอดเล่นสนุกกับผู้คนด้วยเช่นกัน อดให้เราเล่นสนุกกับการสื่อสารเนื้อหาของงานและความรู้สึกลึกซึ้งต่างๆ คนรู้จักงานเราก็เลยยิ่งอยู่ในวงแคบ วงจำกัด

ฉัน : มีอีกหลายๆ คนที่เป็นผู้เรียนเรา มิตรสหายเรา ช่วยกระจายข่าวสารต่างๆ จากฉัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฉันก็เป็นหนี้พวกเขา ฉันก็เห็นว่าตนเองทำได้ไม่เก่งเรื่องนี้นัก แต่…เอ้อ… ความคิดว่าทำได้ไม่เก่งในเรื่องนี้ก็คือความเชื่อจากอดีต เช่นกัน

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : ฉันหรือเธอในเวลานั้น นานมาแล้ว พยายามบอกข่าวแก่เพื่อนๆ ให้ทำตาม ให้รับฟัง แต่ไม่มีใครฟังเธอตอนนั้น เธอเสียงดังไม่พอ เสียงเธอถูกละเลย เธอขาดความมั่นใจที่จะสื่อสารคนกลุ่มมากๆ กลัวทำไม่ได้ หรือคนอื่นฟังแล้วตีความผิด

ฉัน : ใช่ คุยกันแล้ว ฉันก็เห็นภาพเหตุการณ์นั้นเลยล่ะ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนประถมแล้ว และฉันก็สู้กับปมนี้มาจนพูดต่อหน้าคนสามพันกว่าคนบนเวทีได้ แต่ลึกๆ ฉันก็กลัว ความกลัวก็ทำให้ฉันหาลีลาและเทคนิคต่างๆ แต่พอไม่ใช่เรื่องงานหรือเหตุจำเป็นแล้ว ฉันก็ปิดกั้นการพูดคุย อยู่เงียบๆ สบายใจ

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : เธอทำได้ดีกว่านั้น เราเคยทำได้ดีกว่านั้น ฉันเจ็บปวดกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น แต่ช่วงเวลาแห่งการบ่มเพาะที่ผ่านมา โดยเฉพาะเจ็ดปีนี้ ฉันภูมิใจที่เธอคอยดูแลฉัน ฉันภูมิใจในตัวเรา

ฉัน : ฉันเองก็เช่นกัน เธอพูดถูก และขอบคุณที่ชวนคุย ทั้งวันนี้และหกครั้งที่ผ่านมา แม้จะพัฒนาตนเองมากเท่าไหร่ เราก็ต้องย้อนมองไตร่ตรองตนเป็นช่วงๆ เราพลาดได้เสมอ เธอก็เตือนฉัน ให้ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังพลาดอะไร

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : ที่สำคัญ เมื่อรู้แล้ว เราต้องช่วยกัน หาแรงบันดาลใจเพื่อจะก้าวข้ามผ่านการลงมือทำ เธอต้องทำได้ ฉันต้องทำได้ ทีละน้อย และขยายกว้างใหญ่ขึ้น ก้าวเล็กๆ คืองานใหญ่เสมอ

ฉัน : การคุยกันของเราคือการจับมือกันระหว่างอดีตและปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ก่อนหน้าการเขียนบันทึกหกครั้งที่ผ่านมา ฉันพยายามเขียนถึงเรื่องของพวกเธอ “เด็กน้อยภายใน” ผ่านทฤษฏีทางจิตวิทยาและกระบวนการเยียวยา แต่ฉันเขียนไม่ออกเลย เริ่มต้นไม่ขึ้นเลย จนเธอชวนคุยกันนี่แหละ แรงบันดาลใจของฉันก็บังเกิด ฉุกคิดว่า จะเขียนเกี่ยวกับเด็กน้อย แต่ดันทิ้งพลังสร้างสรรค์ไป การคุยกันของเราชวนฉันก้าวออกจากกรอบการเขียนเดิมที่พยายามเคี่ยวเข็ญ ให้หารูปแบบวิธีการใหม่ เพื่อเยียวยาตนเองไปด้วย และดูแลคนอื่นไปพลาง

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : เธอกลับมาฟังฉันอีกครั้ง ฉันก็ยิ้มดีใจมากแล้ว หัวใจเราแต้มสุขด้วยปลายปากกา มันอยู่ในมือเธอเสมอ แม้ฉันจะแล่นขบวนออกจากท่าวันนี้ คืนสู่กับอดีตทีละน้อยแล้วก็ตาม ขบวนความเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์กำลังแล่นขบวนเดินทางมา

ฉัน : ฉันจะต้อนรับเขา และส่งเธอ เดินทางต่อ บนเส้นทางของตนเอง ขบวนถัดไปนี้คงมีคนโดยสารมามากมายเลย ฉันชอบทำตลกขำขันเวลาสอนคนอื่น ที่แท้ก็เป็นความต้องการลึกๆ ที่หวังข้ามพ้นความกลัวคนมากนี่เอง

เ ด็ ก น้ อ ย ภ า ย ใ น : ฉันจะรออ่านบทต่อไปของหนังสือเกี่ยวกับเรื่องของฉัน เธอเขียนชมเยอะแล้ว บทต่อไปคงเป็นด้านลบของฉันและปมภายในที่เราดูแลกันและกันมาบ้างนะ

ฉัน : แน่นอน ฉันได้วิธีเขียนเรื่องยากๆ ซับซ้อนนี้ให้ง่ายลงแล้ว เห็นแวบๆ ขึ้นมาในใจ ฉันคงต้องปรึกษาเธอเป็นพักๆ แล้วล่ะ

*********

๑๖ เมษายน ๒๕๕๙

อ่านตอนที่ผ่านมาได้ที่ https://www.dhammaliterary.org/?page_id=3357