“เพศฉันคือเธอ” คอลัมน์ ปัญญามีความรัก #๓

เพศฉันคือเธอ

 

 

เล็ก

เธอเคยบอกว่าพ่อแม่กับตัวเธอเองนั้นมิอาจเข้าใจกันและกัน เพราะความต่างของเพศทำให้เป็นอุปสรรคขัดขวาง ฉันเองก็รับฟังเธอนะ คนที่อยู่ตรงหน้าฉันนี้หรือเบื้องหลังอักษร เพียงรู้ว่าเป็นเธอมิใช่กำหนดจำกัดด้วยเพศคำใด  เธอเคยบอกด้วยว่าในตัวฉันก็มีบางอย่างเหมือนแม่เธอด้วย และตนจะไม่ใส่ใจ ฉันก็ยอมรับสิ่งที่เธอกล่าวและการตัดสินใจนี้ แต่เล็กเอย พระองค์ท่านผู้เป็นเช่นนั้นมิเคยกล่าวเลยว่าเพราะเราเป็นหญิงชายผิดแผกจึงไม่สามารถเข้าใจกัน ท่านไม่ได้บอกเราให้มองใครคนหนึ่งเป็นหญิงหรือชายนะ แล้วเหตุใดที่คนเรามิอาจเข้าใจกันได้ และไยการเป็นเพศใดเพศหนึ่งจึงทำให้เธอและอีกหลายคนบนโลกนี้ทุกข์ใจนัก

เพศ นั้นเป็นเพียงบทบาทสมมติหนึ่งนะคนดี เหมือนที่เราเคยเล่นสวมเป็นโจรบ้าง เป็นตำรวจบ้าง หรือเป็นเจ้าชาย เป็นเจ้าหญิงในวัยเยาว์ เราเพียงสวมบทนี้เพื่อทำหน้าที่ในแต่ละการเกิด เพศยังเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ หมื่นแสนการสมมติบทบาท นอกจากเพศแล้วก็ยังมีอาทิเช่น ตระกูลมีชื่อ ลูกคนนั้นคนนี้ เป็นคนถิ่นใดถิ่นหนึ่ง มีการศึกษา เป็นคนชั้นกลาง และอีกมากมายเลยนะเล็ก

เราต่างเกิดมาเป็นเช่นพระองค์ท่าน คือเป็นผู้เช่นนั้นเอง เป็นเช่นนั้นเอง เป็นไปตามธรรมชาติ ธรรมดา แต่แล้วเจ้าสิ่งหนึ่งก็มาทำให้ใจเราพองฟู หรือเหี่ยวเฉาเกี่ยวกับสิ่งที่เราเป็น

เล็กรู้ไหมสิ่งนั้นเรียกว่า มานะ

เจ้าสิ่งนี้คือความถือคุณค่าและการเปรียบเทียบ เขาเหมือนดวงตามหึมาบนท้องฟ้าที่มืดดำของจิตใจ มีหลายดวงตาเลย ลองนับตามที่ฉันชี้นะ

๑ คือดวงตาที่ชอบกดข่มคนอื่น ๒ ชอบยกตัวเองให้สูง นี่กลุ่มดาวมหึมากลุ่มแรก  อีกหนึ่งมีดวงตามองว่าฉันดีกว่าเธอ มองว่าเราเท่าเทียมกัน หรือฉันแย่กว่าเธอ

ดาวมานะยังมีอีกหลายรูปแบบเลย กลุ่มหนึ่งพวกเขามีอยู่ ๗ ดวง ได้แก่ ความถือตัว  ความดูหมิ่นวิจารณ์  ความถือตัวและวิจารณ์เปรียบ  ความถือคุณค่าต่ำ  ความถือคุณค่าสูง  ความถือคุณค่าว่ามีมาก และความถือคุณค่าผิด  มีอีกกลุ่มหนึ่งมี ๙ เลยนะเล็ก ได้แก่  ๑ ฉันดีกว่าคนที่ดี  ๒ ฉันเท่ากับคนที่ดี  ๓ ฉันแย่กว่าคนที่ดี  ๔ ฉันดีกว่าคนที่เท่าๆกัน  ๕ ฉันเท่ากันกับคนที่เท่าๆกัน  ๖ ฉันเท่ากันกับคนเลว  ๗ ฉันดีกว่าคนเลว ๘ ฉันแย่กว่าคนเลว ๙ ฉันแย่เท่ากับคนเลว เล็กเอย คำว่าฉันนี้มีความหมายคือเธอหรือเขาด้วยนะ

แต่ละดวงตาท้องฟ้าเหล่านี้อาจมีที่มาต่างกันอย่างเช่น  ถือคุณค่าเพราะทรัพย์สิน ถือคุณค่าเพราะสถานะและตำแหน่ง  ถือคุณค่าเพราะเสียงชื่นชม และถือคุณค่าเพราะความสุขความพอใจ  เท่านี้ไม่หมดนะเล็ก มานะยังเกิดขึ้นเพราะการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การได้ลิ้มรส การได้สัมผัส และการได้รู้สึก เป็นช่องทางทำให้เธอตัวน้อยถือมั่นตั้งคุณค่าต่างๆ

มีขึ้นเพื่ออะไรกันนะดวงตามหึมา ๑ ได้มองสิ่งที่หวัง ๒ ได้ยินเสียงที่พอใจ ๓ ได้กลิ่นชวนดม ๔ ได้รสติดใจ ๕ ได้สัมผัสสิ่งที่ปอง วนเป็นงูกินหางนี่เอง เกิดจากการรับรู้เพื่อหวังได้รับรู้  แสดงว่าเบื้องหลังดวงตาเหล่านั้นก็คือรากของอกุศลนั่นเอง ฉันเล่าในจดหมายฉบับล่าสุดนะ อย่างนี้เราจึงยึดมั่นคุณค่าและถือตัวต่ำ สูง หรือเท่ากัน ด้วยเรื่องเพศ และเรื่องบทบาทใดใด เพราะเราอยากโน่นนี่นั่น ไม่อยากนั่นไม่อยากนี่ และเพราะหลงมัวเมา

ทุกสิ่งเป็นอย่างที่เป็นแล้วนะ เล็กก็เป็นอย่างที่เล็กเป็น แต่ด้วยการเปรียบเทียบและการถือคุณค่าทำให้เราไม่ยอมรับตัวเราและคนอื่นๆ อย่างที่เป็น เมื่อยอมรับไม่ได้เราก็ย่อมเข้าใจกันยากนะคนดี  เพราะเราเองก็ไม่ได้มองตัวเราด้วยใจเปิดกว้างพอด้วย แต่เราอาศัยดวงตามหึมามองแทน ดวงตามหึมาก็อยากให้เราเห็นแบบที่เขาอยาก เธอจึงไม่เข้าใจตัวเองอย่างที่เป็นจริง ดวงตาบอกว่าเพศนี้ไม่ได้ความ เพศนี้ก่อปัญหา เพศนั้นดีกว่า การเป็นคนแบบนั้นมีโอกาสมากกว่า  มองว่าตนเองไร้คุณค่าที่เป็นเพศนี้ มองว่าตนเองอ่อนแอที่เป็นเหมือนแม่หรือพ่อ ดวงตาเหล่านั้นก็ทำให้เธอมองไม่เห็นความรักที่ไร้เงื่อนไขของพ่อแม่ มองไม่เห็นฉันที่ซื่อตรงกับเส้นทางนี้ที่เราเดินร่วมกัน ฉันเข้าใจนะว่าดวงตามหึมาบนฟ้ามืดดำทำให้เธอหวาดระแวงฉันเพียงใด ฉันมองที่ยอดธงกลางใจเธอนะ เศร้าใจที่บางคำพูดทำร้ายกัน แต่มิได้ทำให้ฉันมองเธอแปรเปลี่ยน

เล็กเอย ด้วยดวงตาแห่งมานะทำให้คนเราทุกข์กับสิ่งที่ตัวเองเป็น และเบียดเบียนทำร้ายกันเพราะถือคุณค่าในเองไว้มาก พระองค์นั้นสอนพวกเราว่าทุกสิ่งมีคุณค่า ทุกชีวิตมีคุณค่า แต่มิได้ให้เรามั่นหมายยึดไว้และเปรียบเทียบกับใครอื่น แม้กับพระองค์เองก็ตาม พระองค์ผู้เป็นเช่นนั้นมิเคยโอ้อวดตนว่าประเสริฐกว่าฉันหรือเธอ และไม่ได้กดข่มว่าฉันกับเธอแย่กว่าท่านหรือใครอื่นเลย

มิว่าเพศหญิงหรือเพศชายต่างมีคุณค่าอยู่ในตัวนะ คราวหนึ่งพระราชาปเสนทิโกศลทรงทุกข์ใจแสนสาหัสที่บุตรซึ่งเพิ่งคลอดมิใช่เพศชาย พระราชาหวังให้บุตรเป็นชาย เพราะดวงตาแห่งมานะมองว่า เพศหญิงนี้อ่อนด้อย ไร้ราคา ไม่อาจปกครองบ้านเมืองได้ พระพุทธเจ้าทรงสังเกตเห็นพระพักตร์เศร้าหมองขณะสนทนาธรรม จึงตรัสถามได้ความก็ทรงยั้งความคิดและปลอบใจว่า อย่าตรัสเช่นนั้นเลยพระราชา ผู้หญิงนั้นเป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ผู้หญิงมิได้เป็นพระมารดาของพระผู้เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ ท่านทั้งหลายควรเคารพผู้หญิง

ถึงกระนั้น ท่านก็ทรงตรัสสอนมิให้เรายึดมั่นในการเป็นบทบาทใดใด มิให้ยึดว่าฉันเป็นผู้ชาย และเธอเป็นผู้หญิง แม้ยุคสมัยใหม่ พวกเรามีถ้อยคำประดิษฐ์ปรุงแต่งสภาวะทางเพศหลากหลาย สร้างความแตกต่างเปรียบเทียบ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่พ้นการสมมติบทบาทเช่นกัน เล็กเอย ยังคงอยู่ภายใต้ดวงตามหึมา และเป็นการยึดติดและสำคัญผิดว่าเป็นตัวเป็นตนอยู่นะเล็ก

การยึดติดและสำคัญผิดมีอยู่สี่อย่างด้วยกัน หนึ่งคือการหลงในความอร่อยและเพลิดเพลินยินดีทั้งหลาย ทั้งชอบและชัง มองว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้น่ายินดี ไม่น่ายินดี เธอน่ารัก น่าเกลียด ร่างกายสวยไม่สวย เพศนี้น่าหลง สภาวะเพศนั้นน่ายินดี เป็นหญิงสวยงาม หรือชายรูปหล่อ นี่คือการยึดติดแบบแรก แบบที่สองคือการยึดติดในความคิด มุมมองความเชื่อ และความฉลาดเฉลียว ยึดติดว่าคิดดี คิดถูก นั่นคิดผิด เธอฉลาด เธอโง่ หรือเป็นเจ้าของปัญญา  แบบที่สามนะ คือการยึดติดในความดี ประสบการณ์ และการปฏิบัติ รวมทั้งการมองตนเองว่าเลวร้าย มองเพศหนึ่งว่าประพฤติตัวไม่ดีพอ ควรเป็นชายหรือหญิงจะเหมาะสมสำหรับบทบาทนี้ๆ นั้นๆ ก็เป็นการยึดติดและสำคัญผิดเช่นกันนะเล็ก สุดท้ายแบบที่สี่คือการยึดติดว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นชายเป็นหญิง มีคุณค่ามากน้อย เป็นหญิงแกร่ง ชายเท่ และอีกมากมายเลย

เล็ก การยึดติดและสำคัญผิดนี่เองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเรามิอาจเข้าใจกัน เพราะยึดติดจึงไม่มีที่ว่างพอให้เข้าหากันและกัน  เมื่อเธอก็ยึดติด อีกฝ่ายก็ยึดมั่น ถือมานะของตัวเองร่วมก่อเป็นอิฐกำแพงปิดกั้นพวกเธอไว้

เพศสภาพจึงไม่ได้ขวางเธอกับฉัน มิได้กั้นขวางพ่อกับแม่ หรือเธอกับแม่เลย แต่เป็นการยึดติด การสำคัญผิด และการถือคุณค่าที่แบ่งแยกเราจากัน

ฉันจึงรำพึงกับเธอในบางหนว่า เธอเอยแบ่งแยกอีกแล้วนะ แบ่งแยกอีกแล้วนะ

หากเธอมองฉันหรือใครอื่นด้วยยึดติดว่าเป็นเพศใดหรือลักษณะใด เธอย่อมตัดสินตีความไปตามมุมมองและมานะต่อเพศนั้นหรือลักษณะนั้นๆ เธอจึงไม่อาจเข้าใจฉันหรือเขาและเธออย่างที่เป็นได้ เธอจึงหวาดระแวงกังวลใจ แม้คนอื่นจริงใจเพียงใดก็ตาม

ความรักจึงมิอาจงอกงาม เมื่อถูกปิดกั้นไว้มิให้ได้รับการหล่อเลี้ยง บนเส้นทางแห่งความรักนี้ สิ่งที่เธอเป็นมิว่าเพศหรือเรื่องใด มิได้กีดขวางทางเลย แต่เป็นการยึดมั่น สำคัญผิด และการถือคุณค่าที่แบกไว้จนเหนื่อยกายใจ ปิดบังหัวใจมิให้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งรัก ฉันกับเธอต้องรู้วางการยึดมั่นเหล่านี้ลง ทั้งในตนและคนอื่น เพื่อพลิกกะลา ให้เมล็ดพันธุ์แห่งรักงอกงามจากเนื้อดินใจด้วยธรรม

เล็กเอย ฉันมิได้มีโอกาสมากกว่าเธอ มิได้มีคุณค่าเพราะเป็นเพศนี้ มิได้สำคัญน้อยกว่า หรือเสมอกัน แต่เป็นเธอและเป็นฉัน เป็นดั่งกันและกันในกงล้อแห่งธรรมอันกว้างใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ของเธอมิว่าไกลหรือต่างจากกันเพียงใดก็อยู่ใกล้เพียงนี้

ฉันเขียนจดหมายนี้ยากไปไหมนะคนดี จากที่เราคุยกันหลายครั้งครา ฉันเห็นความตั้งใจเธอที่จะละวางการถือมั่นว่าเป็นเพศใด เพราะเธอก็ผ่านพบความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และมีความรู้สึกที่แปลกแยกต่อตนเองมาก จึงฉวยคว้าบางภาวะที่แลดูน่าสนใจเข้าตัว ยึดมั่นไว้เป็นตัวตนให้รู้สึกมีที่พึ่งพา  เพราะลึกลงในใจมีรากแห่งอกุศลเติบโตเป็นมานะผูกปมยุ่งเหยิง ปิดบังการเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างที่เป็นจริง เพศก็เป็นเพียงเช่นนั้นเอง หากเรามองด้วยมานะและการยึดติดแล้ว เราย่อมหวั่นไหวต่อคุณค่าในตัวเองเพราะเฝ้าเปรียบเทียบด้วยแรงเร้าจากความทะยานอยาก ความไม่พอใจขุ่นข้อง และความหลงมัวเมา

พระผู้เป็นเช่นนั้นมิได้กล่าวแนะนำตนว่าเป็นเพศใด แต่มิได้สอนเราปฏิเสธเพศกายใจ เพียงเป็นเช่นนั้น มิได้ให้คุณค่าเปรียบเทียบด้วยดวงตามานะ ทรงให้เราไม่ยึดติดและสำคัญผิดในเพศ ทั้งแบบที่หนึ่งคือการลุ่มหลงในเพศรส หรือรังเกียจเดียดฉันท์ผลักไสเพศภาวะ แบบที่สองคือการยึดมั่นมุมมองและอคติต่อเพศต่างๆ แบบที่สามคือการถือว่าเพศใดต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และทำอย่างไรดีไม่ดีกว่ากัน  และแบบที่สี่ก็คือการยึดว่าตนเองหรือคนอื่นเป็นชายเป็นหญิงตายตัว เหล่านี้มิให้ยึดไว้ เพราะมิใช่ความจริง แต่เป็นการยึดมั่นและมุมมอง

เพศฉันก็คือเธอ เล็ก มีผู้หญิงและชายในตัวฉัน เรามีเพศแต่ไม่ต้องยึดมั่น เพศก็คือเพศ เป็นเพียงบทบาทหนึ่ง เป็นเพียงคุณสมบัติหนึ่ง มิได้แบ่งแยกฉันหรือใครอื่นจากเธอเลย มิได้เป็นสิ่งที่จะทำร้ายกันได้ เธอปลอดภัย ทุกเพศคือความบริสุทธิ์อยู่ในตนเอง ทุกเพศภาวะมีพรหมจริยา คือกริยาแห่งรักที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ แต่การยึดมั่นทั้งสี่และมานะที่ทำให้เพศเรามัวหมอง

เพศฉันก็คือเธอ เพราะฉันเชื่อในความดีงามที่เธอมี โดยมิต้องเปรียบเทียบหรือชั่งตวงวัดใดใด

 

 

รุณา

รุ่งเช้าวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ ตีสี่ยี่สิบเจ็ดนาที
แก้เกลา วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘