หายใจเข้า ให้แน่ใจว่าใจเราใส่ใจลมหายใจทุกละอองละเอียดอ่อนและทุกจังหวะหายใจเข้าช้า เร็ว
รับรู้การเดินทางมาถึง จวบจนไหลลงสู่ร่างกาย ผ่านอวัยวะและส่วนต่างๆ เราติดตามการเดินทางของเขา หรือเพียงต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู
หายใจออก อำลาพวกเขากลับคืนสู่บ้านอันกว้างใหญ่ ให้แน่ใจว่าเราได้ใช้เวลากับเขาอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว เพื่อมิให้หม่นหมองไขว่คว้ายามลมหายใจลับลาเลือน
เมื่อเรารู้สึก เนื่องด้วยเหตุการณ์กระทบใจ หรือสิ่งใดมาผูกพันใจเรา ลองสำรวจภายในตน ถามจิตใจว่า ฉันรู้สึกอะไร รับรู้ความรู้สึกนั้น แต่อย่าเพิ่งปักใจเชื่อสนิทใจ
เบื้องหลังของดอกไม้หอม และกลีบงาม ย่อมมีลำต้นผิวกร้านหยาบ มีรากหยั่งลงดิน ได้สารอาหารจากใบไม้และธาตุนานา เบื้องหลังอารมณ์ที่เรารับรู้ อาจมีความรู้สึกอื่นๆ ซ่อนอยู่ และมีความต้องการเบื้องหลังอันเป็นที่มาผลิความรู้สึกให้รู้สา
หายใจเข้า ที่มาแห่งดอกไม้หอม อาจเป็นปุ๋ยอันเปื่อยเน่าในดิน ที่มาแห่งดอกไม้กลีบงามสวย อาจเพราะด้วยซากพืชซากสัตว์อันมิน่าดูชมที่หมักหมมอยู่ภายใน
ความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังการกระทำต่างๆ ของเรา ย่อมมีที่มาเหมือนดอกไม้ของต้นไม้ เพราะมีบางสิ่งบางอย่างแอบซ่อนหรือหมักหมมภายใน
หายใจออก กลับมารับรู้ความรู้สึกของเราในยามหวั่นไหว เมื่อเราโกรธจนตัวสั่นเทา หรือเขินอายหน้าแดง หรือยามดีใจโลดเต้น ลึกๆ แล้วเรายังรู้สึกอะไร เบื้องหลังหัวใจมีความรู้สึกที่แอบซ่อน ความโกรธอาจปกป้องความกลัวไว้เบื้องหลัง เราอาจรู้สึกน้อยใจหรือเปลี่ยวเหงา ความโกรธมักต้องการเรียกร้องให้ผู้อื่นดูแล บางทีในเวลานั้นเราต้องการใครสักคนเคียงข้าง แต่มิมีมือใดแลเหลียว
ยามเราเขินอาย เราอาจรู้สึกมีคุณค่าอยู่ภายใน เราอาจหวังผู้อื่นชื่นชมหรือให้ความรักแก่เรา หรือความอายนี้กำลังบ่งบอกว่าเราได้มาอยู่ตรงขอบของการยึดติดและปิดบังอำพลางตัวเองบางด้านไม่รู้ตัว
บางครั้งเราอาจรู้สึกสับสน ความรู้สึกกระจัดกระจาย ลองอยู่นิ่งลึกกับหัวใจ ให้เวลารับฟังตัวเอง เกลี่ยความคิดและมุมมองจากผู้อื่นออกห่าง เว้นช่องว่างความรู้สึกในอดีตหลีกไกล กลับมาอยู่กับหัวใจในปัจจุบัน หายใจเข้า
สำรวจจิ๊กซอความรู้สึกที่แตกกระจาย ปะติดปะต่อมองภาพใหญ่ และมองลึกลงสู่ความรู้สึกที่ซ่อนเร้น เบื้องหลังความสับสนอาจเป็นความกลัวที่จะถูกทอดทิ้ง อาจเป็นความกลัวว่าเราจะเป็นคนผิดเป็นคนเลวที่ทำร้ายใครอื่น ลึกลงในความสับสน เราอาจกำลังปิดบังอำพลางตัวเองมิให้เห็นความรู้สึกที่แท้จริง เพราะเรากลัวและไม่ไว้วางใจตนเอง
หายใจออก เราจะรักตัวเองอย่างแท้จริงได้ เราต้องเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้มากยิ่งขึ้น รับรู้อารมณ์ที่เกิดและใฝ่ใจมองละเอียดลงไปในภายในว่า หัวใจเอยเราซ่อนความรู้สึกใดไว้เบื้องหลัง ฉันยังรู้สึกอะไร
บางคราบางใคร เราอาจรู้สึกว่าชีวิตมีพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่ไยจึงรู้สึกขาดความมั่นใจ ยังรู้สึกไม่มั่นคง หรือไม่ดีพอ ลึกๆ แล้วเรายังรู้สึกอะไร ความน้อยใจเมื่อก่อนเก่าอาจยังติดตามหลอกหลอนไม่ลดละ อาจเพราะลึกๆแล้ว ชีวิตเราต้องการบางสิ่งที่ล้ำค่ากว่าวัตถุภายนอกที่หาได้ เราอาจมีแฟนที่ดีอยู่แล้ว แต่ไยจึงรู้สึกได้รักไม่มากพอ หัวใจอาจมีความรู้สึกที่เร้นซ่อน เราเองมิยอมใส่ใจดูแลและรัก
เบื้องหลังทุกความรู้สึก มีความต้องการพื้นฐานซ่อนอยู่ ความต้องการพื้นฐานเป็นสิ่งกลางๆ ที่มิผูกพันอยู่กับผู้ใด หรือสิ่งใด หรือวิธีการใด เราอาจรู้สึกโกรธ ด้วยลึกๆ เรารู้สึกเสียใจ เพราะเราต้องการการดูแลเอาใจใส่ เราต้องการความจริงใจซื่อสัตย์ หรือเราอาจต้องการความเคารพ สังเกตความต้องการจะเป็นสิ่งที่กลางๆ และเราทุกคนต่างมั่นหมายได้มาเติมเต็มหัวใจและชีวิต ทุกความต้องการมีความรู้สึกหลายอย่างให้แสดงออก และมีวิธีการมากมายให้เราได้เติมเต็ม
เราอาจซื้อรถยนต์ราคาแพง เพราะรู้สึกอยากได้ แต่ลึกภายในแท้จริงเราต้องการความมั่นคง เราอาจต้องการการมีคุณค่า หรืออาจแค่เพียงความสะดวกสบาย เราสามารถหาวิธีการอื่นเพื่อเติมเต็มความต้องการเหล่านี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ราคาแพงโก้หรู อาจเช่นการมีกิจกรรมยามว่างที่ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า เราอาจมีรถยนต์ราคาพอประมาณเพียงพอต่อความสบายเวลาเดินทาง เพื่อมีเงินเก็บสำหรับความมั่นคงทางครอบครัว
หายใจเข้า เมื่อหัวใจเราไหวสะเทือน ลองสำรวจลงลึก ถามหัวใจว่า ลึกๆ แล้วเราต้องการอะไร ความต้องการนี้ผูกพันกับอะไร แล้วที่จริงสิ่งที่เราต้องการเป็นพื้นฐานคืออะไรแน่ เพื่อเราจะรักและดูแลหัวใจนี้อย่างดีที่สุด
เราต่างก็รักหัวใจตนเอง เฉกเช่นที่เราอาจรักใครสักคนหนึ่ง เรามีวิธีการมากมายเพื่อดูแลคนที่เรารักและหัวใจที่รักนี้ แต่หากเรามิได้ฟังพวกเขาอย่างลึกซึ้ง มิได้ตรวจตราความต้องการที่แท้จริงที่แอบซ่อนอยู่ข้างในหัวใจ เราอาจมิได้ดูแลเขาหรือใจเราเลย แต่เพียงเพื่อเติมเต็มความอยากของตนเอง และไกลห่างจากรักที่เข้าใจ
เราอาจวิ่งไล่ไขว่คว้าบางสิ่ง หมายมั่นเรียนต่อบางคณะมหาวิทยาลัย หรือไล่คว้าบางตำแหน่งการงาน แต่ใจเราเป็นสุขจริงหรือไม่ ช่วงเวลาที่ยากเย็นเราเหมือนเข้าใจความรู้สึกของตนเองแล้ว แต่เราเข้าใจจริงหรือ แน่ใจแล้วหรือไม่ สิ่งที่เราคิดว่าอยากได้หรืออยากมี หายใจออก อาจเป็นเพียงตัณหาหรือวิธีการไปสู่ความต้องการที่แท้จริงเท่านั้น เมื่อได้มาหรือได้มีตามที่คว้าไขว่ เราก็ยังรู้สึกไม่พอใจ หรือว่างเปล่าเหลือเกิน เพราะเราไม่ได้ดูแลและเติมเต็มความต้องการที่แท้จริง มิได้แน่ใจต่อหัวใจ
ความรักก็เป็นรูปแบบหนึ่งของวิธีการ เพื่อหวังให้เราได้เติมเต็มหัวใจตัวเอง เราหลายคนฉวยคว้าคนรักหรือความรักกันมากมายไม่รู้จบ ต้องการถมความเหงาและด้อยค่าที่เราไม่แน่ใจต่อตนเองว่าเรามีดีอะไร เรามีคุณค่าอะไรกันแน่ เราอาจต้องการใครสักคนเพียงเพื่อแน่ใจต่อตนเองว่า ฉันมีดีพอ ฉันมีคุณค่าพอ ฉันมั่นคงได้ แต่มิได้เติมเต็มสิ่งสำคัญเหล่านี้ด้วยตนเอง
หายใจเข้า รักเช่นนี้จึงเป็นเพียงวิธีการ เราหลบเลี่ยงมิกล้าเผชิญต่อความรู้สึกที่ซ่อนในเงาใจ ละทิ้งความต้องการพื้นฐานของตน แล้วหวังพึ่งพาสิ่งภายนอกตัว เมื่อเรามิได้แน่ใจรักต่อตัวเอง เราจึงมิอาจแน่ใจรักต่อใครแท้จริง
เมื่อจะรักต้องกล้าเผชิญหน้า ก้าวออกมาจากความกลัว หันหน้าหาหัวใจ
หายใจออก เดินเข้ามาสบตาตนเองว่า ฉันยังรู้สึกอะไรอยู่ลึกๆ ภายใน เราอาจรู้ถึงปัญหาอย่างกระจ่างแล้ว แต่ไยมิอาจแก้ไขหาทางออก เบื้องหลังเรายังเกาะกุมสาเหตุของปัญหานี้ไว้แนบแน่น เพราะรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่เร้นลับ เราอาจยึดมั่นมันไว้เพราะมันเป็นวิธีการทำให้เรารู้สึกปลอดภัย หรือไม่โดดเดี่ยวเกินไป เราอาจรู้ว่าการเล่นเกมติดต่อยาวนานหรือนอนดึกดื่นเป็นสาเหตุของความป่วยไข้ แต่เรากลัวที่จะเลิกเพราะใจยังแปลกแยกต่อใจ จะหวังใครรู้ใจก็ไม่มีแท้จริง จึงหันหน้าคุยกับเกมหรือกิจกรรมต่างๆ ละเลยเวลาล่วงเลย
สำหรับผู้มั่นหมายฝึกเขียนหรือบันทึกเพื่อเข้าในตนเองหรือพัฒนาชีวิต ลองบันทึกสำรวจใจตนเองทุกคราวครั้งที่ความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นและเวียนวนเกาะกุมใจ ลองค้นหาค้นลงว่าลึกๆ แล้วเรารู้สึกอะไรกันแน่ ให้แน่ใจว่าเราเข้าใจความรู้สึกที่มีอยู่เร้นลึก ความรู้สึกภายนอกนั้นอาจกลบบังความรู้สึกที่แท้จริงไว้ ลองถามตัวเองซ้ำและบันทึกต่อเนื่องมิให้หยุดและปิดกั้น
ก่อนน้อมใจสะท้อนว่า จากความรู้สึกนี้เรามีความต้องการพื้นฐานใดเบื้องหลัง เราเคยใช้วิธีการใดใดเพื่อเรียกร้องหรือต้องการเติมเต็มความต้องการนี้ มันได้ผลหรือเกิดข้อเสียอย่างไรบ้าง
จะมีวิธีการใดเพื่อดูแลความต้องการที่แท้จริงเหล่านี้
หายใจเข้า ทุกลมหายใจเป็นความรับผิดชอบของเรา ทุกความรู้สึกและความต้องการภายในเป็นความรับผิดชอบที่ตัวเรา เราเลือกให้เกิดความรู้สึกนี้เพื่อหวังเติมเต็มหัวใจ เราเลือกหนีหรือสบตาตัวเองก็เพื่อดูแลตนเองทั้งสิ้น
หายใจออก ให้แน่ใจรักตนเอง แน่ใจคือเข้าใจและสบตาตนได้ว่าลึกลงในใจเราหวังสิ่งใด วิธีการที่เคยยึดถือมาทำให้เกิดทางออกหรือทับถมปัญหาซ้ำ ให้เราแน่ใจรักตนเอง เมื่อเราแน่ใจแล้วจึงดูแลได้อย่างเข้าใจ
เมื่อนั้นแล้วเราจะเข้าใจความรักที่มีต่อผู้อื่นมากยิ่งขึ้น เมื่อนั้นแล้วความรักจะไม่ใช่วิธีการเพื่อเติมเต็มปมด้อยในตัวเอง แต่เป็นเป้าหมาย
ภาพประกอบจากการอบรมเยาวชนที่ได้รับรางวัล ธรรมวรรณศิลป์
คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา #12