5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนแรก)
ชีวิตที่ไม่รู้จักการเริ่มต้น นั้นไม่ใช่ชีวิต เพราะแม้แต่ลมหายใจ เรายังเริ่มต้นใหม่ทุกวันและแทบทุกนาที ชีวิตจึงเป็นการเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ ทุกเช้าเราตื่นขึ้นด้วยความหวังหรือความเบื่อหน่าย แต่ใจเรานี่แหละที่จะเป็นตัวยืนยันว่าเราได้ใช้โอกาสเริ่มต้นใหม่ในทุกๆ วันอย่างมีค่าแล้วหรือยัง
.
การเริ่มต้นใดใดย่อมพบเจออุปสรรคและความท้อใจได้เป็นธรรมดา แล้วคนเราจำนวนมากก็มักท้อใจ ตัดสินตน เสียแต่ยังไม่เริ่มต้นก็มีมาก ปิดประตูตายเสียตั้งแต่ยังไม่ก้าวขาออก บ้างเพียงสองสามก้าวก็พลอยหมดกำลังใจเสียแล้ว
.
ในธรรมชาตินั้นมีบทเรียนของการเริ่มต้นอยู่มากมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่ไร้การเปลี่ยนแปลง ฤดูกาลก็หมุนเวียน ต้นไม้ผลัดใบและงอกงามใหม่ มดแมลงโยกย้ายหาที่อยู่เมื่อบ้านเก่าวอดวาย ชีวิตคนเรามีจังหวะก้าวเดินแตกต่างกัน แต่ย่อมมีจุดเปลี่ยนจุดเลี้ยวเพื่อตั้งต้นใหม่ หากเราใช้ช่วงเวลานั้นได้ดี ชีวิตก็เหมือนติดปีกบินออกไปจากจุดเดิม แต่บางครั้งเราก็กลัวและกังวลจนลืมว่าเรามีปีกอยู่ในตนเอง
.
บทความนี้จะนำเสนอข้อคิดจากการสังเกตผีเสื้อ ซึ่งสอนใจเราและแนะนำแนวทางเกี่ยวกับเริ่มต้นใหม่และการริเริ่มต่างๆ ของชีวิตคน ซึ่งผู้อ่านหากมีความคิดเห็นหรือแรงบันดาลใจเพิ่มเติมก็สามารถแลกเปลี่ยนแบ่งปันได้ตามช่องทางที่สะดวก
.
.
ข้อที่ 1 ช้าก่อนแล้วจึงเร็ว : กว่าผีเสื้อจะเป็นผีเสื้อได้นั้น เขาจะต้องเป็นหนอนเสียก่อน คลานต้วมเตี้ยม เชื่องช้า ดูไม่มีวี่แววจะบินได้เลย การเริ่มต้นใหม่และการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ของเราก็เช่นเดียวกัน
.
เมื่อเราเริ่มต้นสิ่งใหม่ในชีวิตหรือกระทั่งเริ่มต้นชีวิตใหม่ เราอาจพบว่าสิ่งต่างๆ มันช่างเชื่องช้าไม่ได้ดั่งใจ อาจไม่มีวี่แววชัดเจนเลยว่าจะล้มเหลวหรือก้าวหน้าได้เพียงใด อาจมีคนคอยห่วงใยถามไถ่อยู่เรื่อยๆ ว่า จะไปรอดหรือไม่ ซึ่งแม้เสียงในใจเราเองก็อาจถามด้วย
.
การทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคยในพื้นที่ใหม่ๆ ของชีวิต และวาระของชีวิต เราย่อมต้องใช้เวลาปรับตัว เหมือนคลานต้วมเตี้ยม เรียนรู้อย่างสดใหม่ ดังมือแรกจับปากกา ซึ่งจักรวาลและสังคมเองก็เรียนรู้ปรับตัวกับการเริ่มต้นของเราเช่นเดียวกัน ระหว่างนั้นผลลัพธ์ต่างๆ อาจไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็ว ขอให้นึกถึงการเปิดร้านใหม่ ใช่ว่าคนจะมาอุดหนุนเต็มร้านเสียตั้งแต่แรก หลายร้านนั้นแม้มีอุบายชวนเชิญผู้คนมาเข้าร้านจนล้นในตอนเริ่ม ก็ยังต้องเผชิญกับความน้อยลูกค้าหลังจากนั้นในเวลาอันสั้น
.
เมื่อริเริ่ม หัวใจเราอาจรวนเรกับความลังเลนับไม่ถ้วน มันอาจถ่วงให้เราช้าลง รอบคอบและระมัดระวัง ช้าเชื่องอยู่บ้างแต่ดีกว่าถาโถมเทหมดหน้าตัดจนพลาดพลั้ง แต่หนอนนั้นยังสอนเราอีกว่า แม้เขาจะช้าเพียงใด เขาก็ยังคลานต่อไป จากจุดหนึ่งที่เราอาจคิดว่าต้องใช้เวลานานกว่าไปถึงอีกจุด เมื่อละสายตาไปกลับมาอีกครั้งหนอนตัวนั้นก็อาจไปไกลแล้ว ช้าเหมือนเต่าในนิทานวิ่งแข่งกับกระต่าย เมื่อไม่ละความเพียรแล้ว ย่อมไปถึงจุดหมายได้สักวันหนึ่ง
.
ในช่วงแรกของการเริ่มต้นนั้นย่อมช้าก่อนที่จะเร็ว ระหว่างที่เราทำมันอาจดูไกลจากเป้าหมายมากมาย แต่ขอให้เราระลึกไว้ว่า เราเองก็ไม่เห็นปีกของหนอนผีเสื้อ วันนี้ไม่มีใครเห็นปีกหรือความสำเร็จในตัวเราได้ จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการลงมือทำบ่มเพาะจนสุกงอมแล้ว
.
เราอาจคิดว่าเราไม่เชี่ยวชาญพอที่จะเริ่มต้นทำบางสิ่ง แต่ก็ไม่มีเราคนใดวิ่งเป็นมาตั้งแต่เกิด ย่อมต้องคลานก่อนด้วยกันทั้งสิ้น จนกล้ามเนื้อแข็งแรงและรู้จักสมดุล การทำสิ่งใดให้สำเร็จและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ย่อมต้องฝึกกล้ามเนื้อของทักษะให้แข็งแรง หากเราไม่เริ่มใช้กล้ามเนื้อนั้น ก็ย่อมฝ่อไม่มีเรี่ยวแรง แล้วเมื่อใดจะเริ่มต้นได้ หากไม่เริ่มลงแรง
.
ไม่มีผีเสื้อตนใดที่บินมาตั้งแต่เกิด การเริ่มต้นย่อมพบเจอความยากลำบาก หนอนผีเสื้อส่วนหนึ่งต้องคืบคลานเกือบนานถึงครึ่งค่อนอายุขัย กว่าจะติดปีกบินได้ อยู่กับความเชื่องช้าและขีดจำกัดในตนเอง จนวันหนึ่งเป็นอิสระจากสิ่งเหล่านั้น
.
ก้าวแรกของความสำเร็จ อยู่ที่เราให้เวลากับช่วงเริ่มต้นอันเชื่องช้าได้มากเท่าใด หากเราเร่งร้อนและหวังผลเกินไป แต่ไม่สามารถทำได้ดังหวัง เฉกเช่นเป็นหนอนผีเสื้อแต่อยากวิ่งเร็วเหมือนตั๊กแตน เราย่อมไม่อาจมีความสุขและเห็นคุณค่าของการเริ่มต้นทำสิ่งใดได้เลย
.
หนอนแก้วน้อยให้เวลากับการคืบคลาน เริ่มต้นอย่างเชื่องช้า งุ่นง่าน ดูแสนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ คนอาจดูแคลน ใครบางคนอาจสงสัย แต่ชีวิตอันธรรมดาจะติดปีกได้ก็ต้องอาศัยความอดทนเช่นนี้
.
เพราะหนอนผีเสื้อเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเองเป็นและทำ แม้มันอาจไม่เห็นปีกของตนเองในตอนนั้นอย่างชัดเจน มันก็ไม่เคยหยุดที่จะมีชีวิตและเริ่มต้น ปีกของเราแต่ละคนซ่อนอยู่ข้างใน มันต้องมีพื้นที่และเวลาที่จะกางปีกนั้นออกมา
.
.
ข้อที่ 2 หยุดนิ่งเพื่อเปลี่ยนแปลง : เมื่อถึงจุดหนึ่ง หนอนผีเสื้อต้องหยุดลงและสร้างรังดักแด้ ห่อหุ้มกายและหยุดนิ่ง ดูจากภายนอกแล้วเหมือนกับว่ามันตายและไม่ทำอะไรเลย แต่นั่นคือช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
.
หากเราใช้ชีวิตอย่างวิ่งวุ่นเหมือนตั๊กแตนหรือบินยุ่งเหมือนยุง เราก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองและเริ่มต้นสิ่งใหม่ได้ เพราะการเกิดก่อต้องบ่มจากการหลอมรวม ดังนั้น การให้เวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวนใคร่ครวญ สงบใจด้วยใจกระจ่าง เป็นขั้นตอนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงชีวิตและการเริ่มต้นสิ่งใด ๆ
.
การรู้หยุดบ้างจะทำให้เราสลัดจากคราบและร่องเดิมที่มีอยู่ ก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยหรือการยึดติด นิ่งเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน มิใช่วุ่นวายกับสิ่งต่างๆ นอกตัว จนเราสับสนและกลบบังสิ่งสำคัญ และใช้ชีวิตไปตามร่องรอยเดิมอย่างที่เคยยึด เราจะเห็นหนทางที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างชัดเจนได้ ต่อเมื่อเรากลับมาหยุดนิ่งอยู่กับตนเองเท่านั้น
.
เปรียบเหมือนการเกิดใหม่จากหนอนแก้วกลายเป็นผีเสื้อ ช่วงเวลาของการเป็นดักแด้นั้นคือหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เขาจะต้องหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นเกือบเท่าระยะเวลาชีวิตที่คืบคลาน นานเพียงพอที่ปีกภายในจะก่อเกิดและตัวตนใหม่เข้มแข็งพอ คนเราต้องมีช่วงเวลาอยู่ในดักแด้ คือรู้สงบภายใน ทบทวนก้าวย่างชีวิตที่ล่วงเลย ให้เวลาตนได้ฝึกฝนตัวเอง ก่อนที่จะก้าวไปยังวาระใหม่แห่งชีวิต
.
คนที่ไม่มีเวลา หรือกล่าวให้ตามจริง คือ ไม่ให้เวลาตนเองอยู่ในดักแด้เลย ไม่หาความรู้ ไม่รู้หยุดนิ่ง ไม่รู้พักวางและฝึกฝนตน ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ หรือมุ่งไขว่คว้าอย่างไม่รู้สิ้นสุด ย่อมเหมือนสัตว์อีกหลายประเภทที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงตนได้เท่าหนอนผีเสื้อ ผู้รู้หยุดเพื่อเกิดใหม่
.
การริเริ่มและการเริ่มต้น เราจำเป็นต้องให้เวลาตนเองได้หยุดนิ่ง หยุดทั้งการใช้ชีวิตเช่นเดิม เยี่ยงหนอนน้อยที่หยุดใช้ชีวิตแบบคืบคลานหากิน เพื่อเข้าสู่ช่วงเวลาฟูมฟักชีวิตใหม่ที่ดีกว่า คนเรานั้นต้องรู้หยุดทั้งการคิดและการยึดติดแบบเก่า หยุดการวุ่นวายต่อสิ่งภายนอก และนิ่งอยู่กับตน ทบทวนย้อนมองชีวิต หาความสงบใจ เพื่อมองก้าวต่อไปได้กระจ่างมิให้ตนย้ำซ้ำอยู่รอยเดิม
.
รู้ยั้ง รู้หยุด รู้ลด รู้เลิก นิ่งลง สบตาตนเอง พาตนสงบใจอยู่ในดักแด้ มันดูหยุดนิ่ง เหมือนไม่ทำอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือก้าวหน้าชัดเจน แต่การหยุดนิ่งเช่นนั้นกำลังมีการกระทำมากมายข้างในเกิดขึ้น ซึ่งมิอาจมีได้เลยหากใจเรายังไม่รู้หยุดลง
.
เราเองก็จะไม่แน่ใจว่าเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะริเริ่มสิ่งใดได้ในชีวิต หากเราไม่รู้จักอยู่นิ่งแล้วสงบทบทวนตน ย้อนดูตัวจนเข้าใจ มิปล่อยใจให้ลอยออกไปกับสิ่งนานา
.
การเริ่มต้นใหม่ของชีวิตเราต้องมองลึกลงในตนเองอย่างซื่อสัตย์เพียงพอ เพื่อจะเข้าใจว่าอะไรคือความผิดพลาดที่ผ่านมา อะไรคือโอกาสและต้นทุนที่ตัวเราเองมี สิ่งใดที่เราสามารถลงมือทำเพื่อนำคุณสมบัติในตัวเรางอกงามออกมาเป็นผลแก่โลก มองตนเองอย่างซื่อสัตย์เพื่อยอมรับความจริงและทำไปตามควรได้ หนอนผีเสื้อไม่อาจเห็นปีกของตนเอง หากเขาเอาสอดส่องสายตาและใจไปกับสิ่งแวดล้อม เขาจึงต้องอยู่ในดักแด้เพื่อมองเห็นตนเองอย่างแท้จริง
.
เมื่อเราหยุดนิ่ง กักตนเองไว้ในดักแด้ของความสงบและการใคร่ครวญ ใช้ชีวิตช้าลง ยั้งการคิดและการกระทำ ให้เวลาบ่มเพาะตนเอง การเปลี่ยนแปลงภายในก็ก่อเกิด ปีกในตัวเราจะเหมือนกับของหนอนผีเสื้อในห้วงยามแห่งการฟูมฟัก เราจะเห็นหนทางและมีกำลังที่จะก้าวต่อไป บางคำตอบที่เราไขว่คว้าจากคนอื่นและสิ่งนอกตัว ย่อมหาพบได้ในดักแด้แห่งนี้
.
ปีกน้อยๆ พับอัดแน่นภายใน ค่อยๆ คลี่คลายออกมาราวพัด ช่วงเวลาที่รอคอยย่อมมาถึง หลังจากผ่านระยะเวลาหยุดนิ่ง รวบรวมความกล้า และก้าวข้ามออกมา การเปลี่ยนแปลงชีวิตภายนอกใจ ต้องเริ่มจากที่หัวใจ
.
การเริ่มต้นใหม่ต้องเริ่มใหม่ที่หัวใจเรา แล้วผลิออกราวผีเสื้อน้อยหลุดจากดักแด้
.
.
อนุรักษ์ ครูโอเล่
#คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต
รูปประกอบจากปกหนังสือ “hope for the flowers”
แปลไทยในชื่อ “ดอกไม้และความหวัง” โดยผู้เขียนบทความ
.
( ตอนที่สอง ) www.dhammaliterary.org/5ข้อคิดการริเริ่ม-2/
( ติดตามหลักสูตรการอบรม ) www.dhammaliterary.org/