8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สอง)
การเป็นแม่นั้นคือครูที่ยิ่งใหญ่ หน้าที่นี้และลูกคือของขวัญล้ำค่าสำหรับผู้เป็นแม่เสมอ แต่มิใช่เพียงท่านเท่านั้น ลูกเองก็ได้รับสิ่งมีค่าอย่างเดียวกันแนบเนาในชีวิตของตน เพราะเราทุกคนมี “แม่” อยู่ในลมหายใจและตัวตนเสมอมิว่าทางหนึ่งทางใด ทั้งในความทรงจำ เลือดเนื้อ และเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงาม
.
จึงกล่าวว่าแม่นั้นมี “พระคุณ” ใหญ่หลวงต่อตัวเรา ด้วยหัวใจของการเป็นแม่ เป็นดั่ง “คุณพระ” ปกปักษ์แก่หัวใจเด็กน้อยและตัวท่าน มีหัวใจแห่งธรรมของทุกศาสนาอยู่ในความเป็นแม่ ทุกเส้นทางที่เราทั้งสองได้พบเจอ คือก้าวหนึ่งของการเติบโตแห่งจิตใจ เราได้เรียนรู้ความรักที่แท้ก็ในความเป็นแม่กับลูก เราได้พบแบบฝึกใจที่สำคัญเพื่อสละละอัตตาตน ก็ในความเป็นแม่กับลูกนี้
.
แม้เรื่องราวระหว่างกันจะมีความเจ็บปวด มีความผิดใจ มีความโกรธ และแม้การจากลา เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นประตูที่รอเปิดออก เพื่อค้นพบคุณค่าแท้ในสายใยระหว่างกัน คุณค่าที่จะอยู่กับเราเสมอ แม้กำแพงหรือระยะทางใดจะกั้นขวางเรา ทุกการพบเจอของทุกคนมีความหมาย แม้ชอบหรือไม่ก็ตาม การที่เราได้เป็นแม่และลูกต่อกัน ย่อมมีความหมายต่อการเติบโตทั้งสองฝ่าย มีบทเรียนและของขวัญพร้อมมอบให้แก่กัน ถึงแม้บางเรื่องอาจต้องใช้เวลายาวนานกว่าตระหนักได้ก็ตาม
.
บทความนี้เป็นตอนที่สองในหัวข้อ “8 คุณค่าที่เรามีดั่งแม่” เพื่อให้เรามองตนและมองแม่อย่างเข้าใจในคุณค่าต่อกัน และเรียนรู้สิ่งที่ความเป็นแม่ได้สอนเราทั้งสองฝ่าย นำไปสู่การตระหนักในบางคุณค่าที่เรามีและเป็น แต่อาจหลงลืมไป ผู้อ่านคนใดมีข้อคิดเห็นหรือความรู้สึกใดต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม สามารถแบ่งปันได้ตามช่องทางที่เหมาะสม
.
.
4 ความรักที่ไร้เงื่อนไข : แม่ไม่อาจเลือกได้ว่าเราจะเป็นคนอย่างไร มีหน้าตาแบบไหน และรักแม่มากเท่าไร แต่ท่านยอมเจ็บปวดและจ่ายหลายสิ่งเพื่อให้กำเนิดตัวเราขึ้นและเลี้ยงดูเราตามกำลังของท่าน ให้ความรักตามวิธีที่แม่ถนัดแม้ไม่มีคำสัญญาหรือคำบอกรักจากลูกก่อนก็ตาม
.
ความเป็นแม่นั้นคือแบบอย่างและเมล็ดพันธุ์ของ “รักที่ไร้เงื่อนไข” คือรักที่ไม่มีข้อแม้ว่าเราจะต้องเป็นอย่างไรก่อน รักที่ไม่ต้องรอคำสัญญา รักได้แม้อีกฝ่ายทำให้เจ็บปวด พร้อมจะโอบกอดแล้วละวางจากความคาดหวังทั้งหลาย และรักโดยไม่จำเป็นต้องเคยรู้จักกันหรือใฝ่หาความเป็นคู่แท้มาก่อน นี่คือรักชนิดที่หัวใจหลายดวงใฝ่หามาทั้งชีวิต
.
เราต่างมีความรู้สึกต้องการใครสักคนหรือบางสิ่ง ให้ความรักกับเราอย่างที่เราเป็น ไม่ใช่รักเพื่อคาดหวังให้เราเป็นอย่างไร แต่หลายคนล้มลุกคลุกคลานกับการตามหารักเช่นนี้ ไขว่คว้าจากใครสักคน เรียกร้องการยอมรับจากคนอื่น แสวงหวังความรักจากวัตถุ การบริโภค สื่อโซเชียล และความสำเร็จเพื่อชดเชยความขาดแคลนในหัวใจ แต่ทว่าลึกๆ แล้ว ก็คาดหวังให้ตัวเองรักตนได้อย่างเต็มที่ เพราะเราก็มีเงื่อนไขผูกมัดใจตัวเองมากมาย จนไม่อาจรักและรับตนได้ตามที่เป็นจริง หรือรักตนแค่ภาพฝัน
.
เรารู้สึกไม่ดีพอ เพราะเรามีมาตรฐานแก่ตัวเองและถ้อยคำตอกย้ำไม่หยุดหย่อน เรารู้สึกว่างเปล่าในชีวิต เพราะหัวใจนี้ลืมรักดั่งแม่ เราแสวงหาการยอมรับและความรู้สึกเต็มเปี่ยม แต่เราไม่เคยย้อนกลับมายอมรับตัวเองอย่างจริงใจ เรารู้สึกผิดหวัง โศกเศร้า หรือโหยหาความรักและการรับฟังจากใครสักคน แต่เราไม่เคยอยู่นิ่งๆ กับตัวเอง และให้ความรักกับการยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขใดใดกับตนเลย มีแต่เพิ่มภาระหัวใจ ทับถมความรู้สึกที่เป็นจริง ยัดเยียดความคิดต่างๆ ให้ตัวเอง และหนีไปจากตัวตน เราต่างลืมความรักดั่งแม่ เราลืมสิ่งมีค่าลึกๆ ในหัวใจ เพราะมองไปยังภายนอกมากเกินไป
.
ความรักอาจต้องการเวลาพิสูจน์ แต่แม่มีเวลาเพียงเก้าเดือนเพื่อรู้จักเรา ใกล้แนบกายแต่ไม่อาจเห็นหน้า ผนังบ้านแห่งแรกในท้องของท่าน ลูกกับแม่ถูกกั้นจากกัน ไม่อาจรู้จักกันมากไปกว่าความรู้สึกข้างใน แต่ท่านได้เรียนรู้ที่จะรักเราอย่างไร้เงื่อนไข แม้ไม่เคยรู้จักกันท่านก็พาเราไปทุกที่ที่ท่านไป ฟูมฟักรอช่วงเวลาอันวิเศษ ทนกับเสียงร้องจ้างอแง เป็นผู้ให้ที่ไม่อาจเรียกร้องสิ่งใดตอบแทนเป็นเวลายาวนาน แม้ท่านต้องลำบากโดยที่เราอาจไม่ทันรับรู้ การมีลูกเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้สอนแม่ถึงความรักที่ไร้กาลเวลา
.
ความรักอันมี “พระคุณ” ชนิดนี้เป็นดั่ง “คุณพระ” ที่คุ้มครองเราอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะมอบสิ่งเดียวกันนี้แก่ตัวเองและผู้คนรอบข้าง ทำให้ชีวิตเป็นเนื้อนาบุญแก่ทุกชีวิต มิใช่หลงลืมรักดั่งแม่นี้ไป และพยายามทดแทนด้วยสิ่งทั้งหลายที่ล้วนกลวงและว่างเปล่า
.
ยิ่งเติมเต็มยิ่งรู้สึกขาดแคลน ยิ่งมียิ่งรู้สึกขาดหาย เพราะเราลืมรักตัวเองอย่างแท้จริง ใจเราผูกมัดตัวเองด้วยเงื่อนไขมากเกินไป ถ้าฉันจะรักตัวเองหรือรู้สึกดีพอ…ฉันจะต้องมี… หรือ ฉันจะต้องเป็น… แต่แม่ไม่เคยรอหรือผูกมัดตัวเราเช่นนั้นเมื่อพาเราออกครรภ์สู่โลก
.
หลายครั้งแม้เราอยู่ท่ามกลางผู้คน เราก็ยังรู้สึกเดียวดาย เพราะใจลืมมอบความรักที่ไร้เงื่อนไขแก่คนรอบตัว เราตั้งแง่กับพวกเขา มีกำแพงพร้อมจะกั้นขวาง ความกลัวข้างในฉุดเราไว้จากการไว้ใจและแลเห็นคุณค่าที่เราต่างมีในกันและกัน ดั่งดวงตาของแม่เมื่อมองเรายามแรกเกิด ท่านมองข้ามเสียงร้องงอแงและความอ่อนแอของร่างกายลูก ไม่ได้รักเพราะทารกน้อยนี้ต้องเป็นคนอย่างไร ท่านรู้สึกถึงคุณค่าที่ไร้ถ้อยคำในตัวเราและระหว่างกัน นั่นคือปิติในลมหายใจแรกของลูกที่แม่สัมผัสได้
.
คุณค่าที่งดงามนี้ยังสอนแม่ด้วยเช่นกัน มิว่าเราเป็นคนอย่างไร มองตนเองมีศักยภาพหรือความสามารถมากเพียงใด เรามีคุณค่าและมีรักที่กว้างใหญ่ เราเป็นผู้ให้กำเนิดสิ่งที่ดีอีกหนึ่งสิ่งบนโลกใบนี้ เรามีความสามารถที่จะรักทุกสิ่งโดยไม่มีเงื่อนไขใดมาเป็นกำแพงกั้นขวาง หัวใจที่ดีเช่นนี้มิจำเป็นต้องมีสิ่งอื่นใดมาเป็นตัวชี้วัดคุณค่าชีวิตของเรา
.
เราสมควรได้รับการดูแลที่ดีจากตัวเอง เราคู่ควรกับความสงบใจและความรักที่ไร้เงื่อนไข เรามีพลังที่ว่านี้เพื่อมอบแก่ตัวเองและคนรอบข้างเสมอ และใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมด้วยคุณค่า เราไม่จำเป็นต้องรอสิ่งใด เพื่อให้ความรักดั่งแม่ ฟูมฟักเด็กน้อยภายในทั้งหลาย ทั้งในตัวเราและคนอื่นๆ มากมาย ซึ่งใจบางดวงนั้นอาจกำลังรอรักจากใครสักคนด้วยเช่นกัน
.
.
5 การให้อภัยที่ไม่มีสิ้นสุด : เราไม่อาจปฏิเสธว่านับตั้งแต่เกิดจนเติบโตขึ้น เราได้ทำให้แม่เจ็บปวดและเผลอทำร้ายกันหลายครั้ง มิว่าโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ นับตั้งแต่ยามลืมตาดูโลก ความเจ็บปวดที่สุดของร่างกายแม่ เพื่อให้ร่างกายน้อยๆ ได้มีโอกาสได้หายใจและเป็นสุข แต่แม่ไม่ได้โกรธเรา ทว่ากลับมอบความรักและดูแลเอาใจใส่ ให้อภัยแก่ความเจ็บปวดที่ลูกมอบให้ แปรเปลี่ยนเป็นความกรุณา
.
เมื่อใครสักคนหนึ่งทำร้ายเรา มิว่ากระทำต่อเราตรงๆ หรือโดยอ้อมผ่านทรัพย์สินหรือชื่อเสียงและสิ่งต่างๆ หัวใจเราเจ็บปวด ความโกรธเคืองปะทุ เราอยากให้อีกฝ่ายชดใช้ เราคิดหรือพูดลบร้ายต่ออีกฝ่ายเพื่อหมายเป็นอาวุธทิ่มแทง
.
ไฟโทสะทำให้เรามืดมัว ละเลยหลงลืมสิ่งที่ดีที่แม่เคยมอบให้เรามาก่อน เหตุใดเมื่อตอนนั้นเราทำให้แม่เจ็บปวดหรือบอบช้ำ ทางกายหรือทางใจ ท่านยังคงรักและทำดีต่อเราได้ จนเด็กน้อยเติบโตขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้
.
ด้วยแม่มอบความรักด้วยใจให้อภัยกลับมา แทนที่ความโกรธขุ่นเคืองใจ แม้เมื่อเราทำร้ายร่างกายท่าน ทำให้ท่านอ่อนล้าลุกตื่นยามดึกเพราะเสียงร้อง หรือบาดหมางหัวใจกันยามเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่งดงามจึงผลิบานในเด็กน้อย กลายเป็นการเติบโตและเป็นอนาคต
.
หากเรามอบดอกไม้แก่คนที่ทำร้ายเรา แทนที่จะเป็นอาวุธแหลมคม ใครคนนั้นอีกฝ่ายอาจเห็นคุณค่าของชีวิตกันและกัน ใครคนนั้นอาจไม่ต้องทำร้ายคนอื่นเช่นนั้นอีกต่อไป เพราะเขาได้เห็นคุณค่าในตัวเอง และเราเองก็รู้สึกถึงคุณค่าในตนด้วยเช่นกัน แทนที่จะย้ำความเลวร้ายในหัวใจของเราและเขา
.
ความเป็นแม่สอนเราถึงการให้อภัยที่ไม่สิ้นสุด สอนเราว่าเราไม่จำเป็นต้องตอบรับการถูกทำร้ายด้วยการทำร้ายกันกลับคืน สอนให้เรามองข้ามเปลือกภายนอกแล้วแลเห็นสิ่งที่ดีที่ซ่อนลึกในตัวอีกฝ่าย แม้ใครคนนั้นอาจไม่ทันเห็นมันในตัวเองก็ตาม เช่นที่แม่รู้สึกได้ในตัวเรา
.
การให้อภัย เป็นการให้สองทาง มิใช่เพียงการให้อีกฝ่ายหนึ่ง แต่ยังเป็นการสละความโกรธ อคติ และทิฐิในหัวใจของผู้ให้อีกด้วย การให้อภัยเป็นการปลดปล่อยทั้งสองฝ่ายจากความเกลียดชัง ความเป็นแม่นั้นไม่รับเอาสิ่งลบเหล่านี้มาเป็นของตัวเป็นของตน แต่เติมใจด้วยความรักที่ไร้เงื่อนไข เมื่อข้างในมีรักมากพอแล้ว ความเกลียดชังใดใดก็ไม่อาจเข้ามาแย่งพื้นที่ได้
.
ความรักดั่งแม่ รักได้แม้อีกฝ่ายทำให้เราเจ็บปวดก่อนก็ตาม รักชนิดที่เราหลายคนใฝ่หานี้อยู่ข้างในหัวใจเราอยู่เสมอ ไยเราจึงต้องแสวงหวังไกลจากตัวเอง หรือเฝ้าตอกย้ำสิ่งลบร้ายในใจตน ชีวิตเด็กน้อยคนนี้ควรค่าแก่ความรัก ไม่ว่าเราจะเป็นคนอย่างไร และสิ่งตรงหน้าจะทำอย่างไรกับเราก็ตาม หัวใจนี้เลือกสิ่งที่มีค่าแท้จริงกับตนเองมากกว่าได้
.
กำกับหัวใจตน ให้รู้สึก นึก และคิด อย่างรักตัวเอง ทำสิ่งใดใด ไม่ว่าด้วยกาย วาจา และใจ เป็นไปเพื่อส่งเสริมความรักที่แท้จริงในตน มิใช่พรากสิ่งล้ำค่านี้ไปเพราะความโกรธ เกลียด และชัง รักตัวเองให้ได้ดั่งรักจากความเป็นแม่ รักคนตรงหน้าให้ได้ดั่งท่านรักเราในยามแรกพบ
.
รักที่แท้ย่อมอุ้มชูหัวใจทั้งสองฝ่ายจากความทุกข์ และบ่มเพาะให้งอกงาม
.
.
อนุรักษ์ ครูโอเล่
#คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต
.
( ตอนที่ 1 ) www.dhammaliterary.org/8คุณค่าที่เรามีดั่งแม่1/
( ตอนที่ 3 ) www.dhammaliterary.org/8คุณค่าที่เรามีดั่งแม่3/
.
( ติดตามบทความ และการอบรม #เขียนเปลี่ยนชีวิต #พลังแห่งจิต)
www.dhammaliterary.org