น้ำคำชีวิต บทเรียนล้ำค่าจากข้อสอบชีวิต นักศึกษา ม.บูรพา
นายธนสิทธิ์ เหมือนกุล คณะดนตรีและการแสดง
“ตอนที่ได้บันทึกเรื่องเล่าทั้งสองเรื่องทุกวินาทีที่ได้ลงมือคิดและเขียนลงไปมันทำให้ผมได้คิดถึงเรื่องราวหลายๆอย่างในชีวิตที่ได้พัดผ่านเข้ามา ทำให้ได้กลับมาทบทวนเรื่องราวต่างๆอีกครั้ง ในระหว่างบันทึกนั้นความรู้สึกหลากหลายนั้นได้เข้ามาเยอะมาก ทั้งความกลัว กลัวที่จะกลับไปนึกภาพเหตุการณ์เหล่านั้นที่เป็นเรื่องราวฝังใจของผม กลัวที่จะนำมันมาเล่าใหม่และทำให้จิตใจของเราแย่ลง แต่พอเราได้เริ่มเขียนลงไป สิ่งเหล่านั้นกลับไม่เกิดขึ้น มันกลับกลายเป็นความรู้สึกที่ดี ความสบายใจที่พร้อมจะเล่า มันเหมือนได้กลับมาเปิดใจนึกถึงมันอีกครั้ง ในระหว่างที่เขียนสำหรับผมมันไม่ได้มีเพียงภาพที่เข้ามาในหัว แต่มันมีทั้งเสียง และความรู้สึกต่างๆเข้ามาด้วย ผมพยายามรับและถ่ายทอดมันออกมาให้ดีที่สุด รับมันอย่างจริงจังและเปิดใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในระหว่างการบันทึกมันทำให้ผมได้คิดถึงมันและนึกถึงปัญหาที่มันแย่มากๆ แต่มันก็ผ่านมาจนได้ หลังจากการบันทึกเสร็จแล้ว มันมีทั้งความเข้าใจความสบายใจและความเสียใจปะปนกันมาก แต่สิ่งที่ได้สำหรับตัวผมมากที่สุดคือได้มองเห็นเรื่องราวเก่าๆและเอามาเทียบกับเรื่องราว ณ ปัจจุบันว่าเราจะก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนั้น และนำแรงกำลังใจที่เราเคยมีกลับมาใช้อีกครั้งให้เราได้มีกำลังเหล่านั้นและยิ้มรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากบันทึกแล้วผมรู้สึกสบายใจมากที่ได้เล่า มันเป็นความสบายใจที่โล่งมากๆ จากที่ตอนเขียนมันมีทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม
พอผมเขียนเสร็จผมโทรหาแม่และคุยหลายๆเรื่องมันยิ่งทำให้รู้สึกดีและกล้าเปิดตัวเองมากยิ่งขึ้น ขอบคุณสำหรับการบันทึกครั้งนี้อีกครั้ง ทุกเหตุการณ์เหล่านั้นมันไม่ได้สวยหรูมากมายแต่มันมีคำสอนที่คอยแทรกเพื่อเป็นบทเรียนให้ผมได้รู้จักกับคำว่า อดทน ที่จะใช้มันตลอดไปเลยทีเดียว ผมนั้นได้ย้อนกลับมามองตัวเองว่าแท้จริงแล้วเรานั้นเป็นคนอย่างไร อยากทำอะไร และที่อยู่ทุกวันอยู่เพื่อใคร ผมตอบได้เลยว่าที่ยอมเหนื่อยยอมทำทุกวันเพื่อพ่อแม่จริงๆ พ่อแม่ของผมท่านเหนื่อยมาก ผมอยากจบไวๆ อยากมีงานดีๆ มีเงินเดือนที่เลี้ยงท่านได้ หลายคนอาจจะมองว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่สำหรับผมเงินและคุณค่าทางชีวิต มันไม่ต่างกันมากเลย เรามีความรักความเข้าใจจากครอบครัวมันดีมากแล้ว แต่ถ้าเรามีเงินที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราได้มีกิน มีใช้ จะทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์มากขึ้น แต่อย่างไรถ้าความฝันที่มันอาจจะไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ผมก็จะประครองความรักเหล่านั้นต่อไป และรอวันที่มันจะเพียบพร้อมในทุกๆด้านต่อไป จากการบันทึกครั้งนี้มันแตกต่างกับการบันทึกหลายครั้ง เพราะปกติเวลาผมจะทบทวนอะไร หรือบันทึกสิ่งไหนผมจะต้องคิดให้มากๆและเรียบเรียงคำพูดให้ดูสวยงาม แต่ครั้งนี้มันออกมาจากใจมากที่สุดเท่าที่ผมเคยประกวดบทความต่างๆ เคยเขียนบทความ เคยเขียนเรียงความ ความเรียง มันแตกต่างกันมากในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ผมนั้นใส่ใจที่แท้จริงลงไปกับมัน ต่อให้ผู้อ่านจะอาจไม่เข้าใจเรื่องที่ผมพิมพ์อาจจะงงๆบ้าง แต่ผมก็ได้รับความรู้สึกดีๆจากการเขียนครั้งนี้มากเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้การเขียนบันทึกครั้งนี้มันจะเป็นตัวอักษรที่จะมีผลต่อชีวิตของผมในการดำเนินต่อไปมากเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับผมว่าผมจะกลับมาทบทวนมัน กลับมาใส่ใจมัน และนำเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดมาเป็นข้อคิดและไตร่ตรองเพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้ตัวผมเอง รวมถึงเป็นกำลังใจให้คนรอบข้างที่ได้อ่านบันทึกของผม และได้เข้าใจในตัวของผมมากยิ่งขึ้น เราไม่สามารถไปบอกใครได้หรอกว่าเราดีขนาดไหน เราพร้อมอย่างไร แต่คนที่ได้เข้ามาศึกษาจะเข้าใจและเปิดใจรับฟังเราเอง แค่ผมอ่านคำถามที่อาจารย์ให้มาทำเป็นข้อสอบ ผมก็มีความรู้สึกดีใจที่ผมได้มาเรียนวิชานี้ เพราะคำถามเป็นคำถามที่เข้าใจคนอื่นมากๆ ไม่คิดที่จะตัดสินคนอื่นด้วยภายนอก ผมชอบคำนึงจากการบันทึกของขวัญมาก ก็คือคำพูดที่ว่า “สิ่งดีๆในชีวิตของเราที่สำคัญในสายตาคนอื่นหรือไม่ไม่จำเป็น”มันทำให้ผมเห็นว่าอาจารย์เข้าถึงหัวใจของพวกเราทุกคนเพราะหลายเรื่องบนเส้นทางการเดินชีวิตของผมมีหลายคนอาจจะไม่เข้าใจและมีหลายคนที่เข้าใจและพร้อมเป็นกำลังใจให้เราตลอดไปผมแคร์สายตาคนอื่นมากในบางครั้งจนทำให้เราไม่กล้าที่จะทำอะไรและในวันนี้ที่ผมนั้นได้พิมพ์ลงไปผมเชื่อว่าผมเปิดใจรับมันมากพอแล้วจริงๆขอบคุณที่ทำให้ผมเขียนลงไปโดยนำเรื่องที่คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจมาเล่าให้ฟัง ขอบคุณครับ”