หลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 56 เรียนการเขียนบำบัดและการเขียนใคร่ครวญตนเพื่อพัฒนาชีวิต จำนวน 24 คืน นับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ถึง 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีผู้ผ่านการอบรมทั้งสิ้น 27 ท่าน 🦋
ขอขอบคุณและยินดีแก่ทุกท่านที่ได้เข้าร่วมการเขียนเพื่อดูแลจิตใจและใคร่ครวญในตัวตนอย่างต่อเนื่องจนเกิดการเปลี่ยนแปลงตนเอง เพราะการเขียนไม่ใช่เพียงการสื่อสารกับคนอื่น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับใจและสืบค้นไปยังก้นบึ้งภายในของตนเอง
🌞 ติดตามกิจกรรมได้ที่ไลน์ @khianpianchiwit
และหน้าเว็บไซต์ตารางกิจกรรม
🎖 ส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผู้เรียนได้รับจากรุ่นนี้ :
“สิ่งที่ได้รับแต่ละเนื้อหาคือ “ความจริงอันอัศจรรย์” เป็นความจริงที่เรารู้ได้เฉพาะตน เกิดปัญญา แสงสว่างอันอัศจรรย์ในหลายๆเรื่อง ที่เราไม่จำเป็นจะต้องสื่อสารกับใคร แต่มันส่งผลโดยตรงกับจิตใจและมีอิทธิพลในการเปลี่ยนทางน้ำไหลของชีวิต… รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เข้าเรียนและหลังเรียนจบในทุกๆ ครั้ง การสอนของครู สนุก เป็นกันเอง ทำให้การนำบทเรียนต่างๆ เข้าถึงจิตใจ ที่แอบซ่อนความกลัวต่างๆ ไว้ภายในอย่างแยบยล ครูมีการอธิบายอย่างเข้าใจและได้แง่คิดในทุกๆคำพูดที่ออกมา”
“ได้รู้จักตัวเองดีขึ้น, ได้ค้นใจตัวเอง, ได้กลับไปเข้าใจ พ่อ แม่ , ได้รู้ว่า เพื่อนที่แสนดี คือ มือซ้าย ข้างที่ไม่ถนัดของเรา, รู้ว่า ตัวเอง มีความสามารถ แต่งกลอน และ ร้องเพลง มองเรื่องต่าง ๆๆ ในชีวิต เบาขึ้น เปิดเผยความรู้สึกตัวเองมากขึ้น ( ช่วงแชร์ ในกลุ่มเล็ก) จริงจังกับตัวเองน้อยลง รักตัวเองเยอะขึ้น รู้สึกดีกับตัวเองค่ะ ขอบคุณที่ ครู ไม่ท้อ มาสอนทั้ง ๆๆ ที่ไม่สบาย หลาย ๆๆ ครั้ง ที่ เสียงไม่มี แต่ ก็ สอนครบเวลา ราคา courses ก็จับต้องได้ เพื่อนในคลาส ก็ ดีค่ะ ได้ มุมมองเยอะเลย ตอนแชร์ บางครั้งเรามองไม่เห็นมุมนี้ ซึ่งเราแกะความรู้สึกไม่ออก แต่ได้เพื่อนช่วย”
“รู้สึกถึงความมีอิสระ ตัวเองมีอิสระ คิดอิสระ การเขียนเหมือนเขียนไม่ทันสิ่งที่คิด แต่เราได้เขียนไปเรื่อยๆ รู้สึกมีความสุขมาก ในช่วงแรกๆมีการร้องไห้บ้าง แต่ว่าเหมือนเราได้เยียวยาอย่างไม่รู้ตัว พอหลังๆเมื่อเขียนถึงช่วงวัยเด็ก ได้มองย้อนไปถึงวัยเด็ก แต่เราไม่ร้องไห้ ทำให้เรายิ่งรู้สึกว่ามันคือภูมิต้านทานให้เรามาก ครอบครัวเราอบอุ่นมาก แต่เรากลับลืมมันไป พอเราโต เราลืม แต่พอเรามีปัญหา เราก็ลืม แต่พอเราได้ออกเดินทางด้วยการเขียน เราใช้ตรงนี้มาเยียวยาคือดีมากๆ สรุปคือเขียนเปลี่ยนชีวิต ทำให้เรารู้ว่าการเขียนมันช่วยเยียวยาใจเราจริงๆ”
“ได้เรียนรู้ว่าบางอย่างเราทำโดยไม่ต้องคิดเยอะ มันสนุกกว่า แถมผลลัพธ์ก็ออกมาดีด้วยจนน่าแปลกใจ คราวหลังจะทำสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องคิดเยอะบ้าง ส่วนตอนนึกถึงวัยเด็ก ได้ทำให้ย้อนอดีตว่าเราชอบทำอะไร ได้พัฒนาทางความคิดไปอีกขึ้นมาก ทั้งเรื่องไม่ใช่ว่าเราจะมีตัวตนเดียว เราทุกคนสามารถเป็นได้ทุกตัวตน สอนให้ไม่ต้องคิดเยอะ แค่เปิดใจลองทำ ออกจาก comfort zone ของตัวเอง ยอมรับตัวเอง ปลอบประโลมตัวเอง พูดคุยกับจิตใต้สำนึก คุยกับนางฟ้าของตัวเอง และไม่ยึดติดว่าเราคือเรา ฉันมีความสุขขึ้นอย่างมาก เรียนรู้วิธีการใหม่ๆในการเขียนด้วย บางทีฉันอาจเจอความชอบใหม่แล้วก็ได้”
“สำหรับตนเองชอบทุกหัวข้อเพราะทำให้ได้กลับมาทบทวนและเจอขอบของตัวเองในทุกหัวข้อที่เรียน ได้เจอประเด็นเก่าๆที่คิดว่าสามารถข้ามมาได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ เรื่องครอบครัว การเรียนครั้งนี้ได้ความเข้าใจใหม่ในหลายๆเรื่อง เช่น การยอมรับตัวเอง การเผชิญขอบ การรู้ว่าตนเองใช้กลไกอะไรอยู่ การยอมให้เกิดขึ้นแล้วปล่อยให้ผ่านไป การให้กำลังใจตนเอง ลดการยึดติดความดี การสื่อสารกับครอบครัว และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปฏิบัติทันทีจนเกิดผล การเรียนครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น ลดการกล่าวโทษตัวเองว่าเป็นคนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆในชีวิตของเราและชีวิตคนอื่น รู้ว่าเรามิใช่ต้นเหตุแต่เพียงคนเดียวแต่เกิดจากเหตุปัจจัยหลายอย่างรวมกัน หากเราจะลดเหตุในส่วนของเราก็ย่อมทำได้ การพัฒนาตนเองจากการเรียนทำให้เราเผชิญสถานการณ์อย่างไม่ กลัว สู้ หนี ยอม อนุญาตให้กลไกนี้ทำงานอย่างรู้ตัวมากขึ้น”
“จากเดิมเป็นคน ที่ไม่ค่อยชอบเขียน แล้วคิดว่าตัวเองเขียนไม่เก่ง แต่ตอนนี้เข้าใจว่าก็ไม่จำเป็นต้องเขียนเก่งก็แค่เขียน ทำให้รู้ว่า การเขียนก็ช่วยให้ได้คำตอบได้แทนการพูดหรือถาม คิดว่าสามารถเอาไปใช้กับตัวเองและ ใช้ในการบำบัดผู้อื่นได้ค่ะ ขอบคุณครูโอเล่มากค่ะ”
“หัวข้อ “เขียนเยียวยา” ในตอนแรกไม่เคยคิดว่าการเขียนจะเยียวยา หรือดึงความทุกข์ แต่พอเริ่มลงมือทำ มันทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด มันดีมาก “เขียนค้นตน” ทำให้ฉันค้นพบตนเองในมิติต่างๆ และพบคนอื่นในมิติที่หลากหลายเช่นกัน เข้าใจตนเองจึงเข้าใจคนโดยรอบ “เด็กน้อยภายใน” ตอนแรกไม่ชอบเลย เพราะอดีตมันแย่จะคิดถึงทำไม พอได้ทำ ได้พบแง่คิด มุมมองใหม่ มองเรื่องโดยรอบ เปิดรับความรู้สึกในวัยเด็ก โอบกอดเขา ปลดปล่อยวัยเด็ก แล้วมันจะไม่ไปโผล่ในลูก พอได้ทำเราเข้าใจลูกมากขึ้น เรียนแล้วรู้สึกว่าได้เรียนรู้ตนเองอีกครั้ง เหมือนหัวหอมที่ลอกเปลือกออกทีละชั้น เป็นเปลือกที่เราห่อหุ้มภายในของเรา เอาไว้เพื่อปกป้อง คุ้มภัย และปล่อยภายในของเราเป็นอิสระ เราพร้อมจะเป็นอะไรก็ได้ แล้วเราจะรู้ว่าเราเหมาะสมกับอะไร”
“รู้สึกสนุก ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้กลับมาทบทวนชีวิตตัวเอง ทำให้เห็นว่าการเขียนคือการทำให้ Unknown -> Known ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้เขียน มักจะคิดอยู่ในหัว จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ก็วน อาจจะพอเห็น Pattern ว่าเรามักคิดแบบนี้ แต่ด้วยความที่มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เลยไม่ได้ลงมือจัดการอะไรกับมัน แต่การเขียนช่วยให้ความคิดจับต้องได้ และเห็นปัญหาได้ชัดเจน หลักสูตรนี้ทำให้กล้าและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ได้ตกผลึกกับอะไรหลายๆอย่างในชีวิต ขอบคุณครูโอเล่มากๆนะคะ เป็นคอร์สที่ดีจริงๆ วางหลักสูตรได้ต่อเนื่องสอดคล้อง ขนาดเรียนไม่ครบยังรู้สึกว่าเวิร์คมาก ครูโอเล่ปูพื้น มาตั้งแต่การสำรวจตัวเอง การรู้จักตัวเอง การทำให้เห็นศักยภาพตัวเอง เห็นความเป็นไปได้ต่างๆ จนสุดท้ายพาข้ามขอบที่เราไม่นึกว่าจะข้ามได้ ให้ข้ามได้ Amazing มากๆ ขอบคุณจากใจค่ะ”
“หัวข้อ “เขียนเยียวยา” ได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา เห็นความชอบ/ไม่ชอบ ความกังวล ความสุข พบว่าตัวเอง มีความสุขเยอะแยะเลย และเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นความสุขที่ผูกไว้กับคนอื่นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่ก็มีหลายอย่างที่ลืมมีความสุขกับมันไป… “เขียนค้นตน” ได้ตกผลึกแนวทางแก้ปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้พอดี ช่วยให้เห็นแนวทางว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อจัดการปัญหาในที่ทำงาน รวมทั้งเห็นตัวเองว่าบางครั้งก็ Bias อยู่เหมือนกัน ช่วยให้รู้ตัวและปรับเปลี่ยนตัวเองได้ทัน…
“หัวข้อ “เด็กน้อยภายใน” ทำให้เห็นว่าเด็กน้อยมีศักยภาพมากมาย มีความกล้า มีความอยากรู้อยากเห็น พร้อมที่จะลองสนุกกับสิ่งต่างๆ รอบตัว พอเราเป็นผู้ใหญ่ทั้งๆที่ตัวโตกว่าตั้งเยอะ ความรู้ ประสบการณ์ก็มากกว่า แต่กลับมีข้อจำกัดเยอะขึ้น กลัวนู่น กลัวนี่สารพัด คงต้องกลับไป Connect กลับเด็กน้อยบ่อยๆ เพื่อดึง Quality นั้นออกมา… “เขียนข้ามขอบ” ช่วยให้เห็นถึงข้อจำกัดของตัวเอง ความกลัว สิ่งที่ไม่ชอบในตัวเอง มันทำให้เห็นถึงความเป็นไปได้ พอเขียนออกมาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ยากเท่าในหัวซักหน่อย ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพในตัวเอง ชอบการวาดรูปและแต่งนิทานมากๆ รู้สึกว่ามันเป็น Metaphor ที่ช่วยให้เราได้ Solution ที่น่าสนใจ อาจะเป็นเพราะมันช่วยให้เราออกจากกรอบความเป็นเหตุผล ทำให้เรากล้าที่จะหา Possibilities ใหม่ๆ ที่ไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบความคิดเดิมๆ”
“ได้เข้าเรียนแล้วรู้สึกเหนือความคาดหมายค่ะ ลึกซึ้งกว่าที่คิดไว้ ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆในการพูดคุยกับภายในเรา รวมทั้งได้เรียนรู้จากคำถามและการแชร์ของเพื่อนๆด้วยค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นอีกกลุ่มความสัมพันธ์นึงที่เรามีนัดพบกันทุกสัปดาห์ตลอดระยะเวลา3เดือน ดีจังค่ะ ได้พัฒนาตัวตน ให้ฝึกฟังอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ชอบตอนที่เขียนแล้วไม่ให้กลับไปอ่านทวนค่ะ รู้สึกว่าได้อยู่กับปัจจุบันดี รู้สึกว่าเปิดกว้างในการยอมรับตนเองและผู้อื่นมากขึ้นค่ะ เข้าใจและยอมรับความเป็นไปต่างๆตามความเป็นจริงได้ง่ายขึ้นค่ะ”
“รู้สึกโชคดีที่ได้เข้าเรียนหลักสูตรเขียนเปลี่ยนชีวิต เรียนแล้วเปลี่ยนชีวิตจริงๆ ค่ะ โดยเริ่มจากเปลี่ยนวิธีคิด ที่ผ่านมาเราเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อม คำพูดที่คนรอบข้างกำหนดว่าเราเป็นคนเช่นไร ทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่รักตัวเอง คิดว่าเราเป็นคนเดียวในโลกที่กำลังเผชิญกับปัญหา เมื่อเรียนแล้วและได้เข้ากลุ่มย่อยทำให้พบว่าเราไม่ใช่คนเดียวในโลกที่เศร้าหวาดกลัวไม่มั่นใจในตัวเอง เพื่อนๆก็เป็น ที่เคยคิดว่าปัญหาเราใหญ่มาก พอฟังเรื่องราวของเพื่อนๆ ก็พบว่าบางคนหนักกว่าเราเยอะ ได้ฟังความคิดของเพื่อนๆ ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นเข้มแข็งขึ้น การอบรม”เขียนเปลี่ยนชีวิต” ในครั้งนี้ช่วยดึงสติให้เห็นคุณค่าในตัวเองและมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น มิได้ช่วยคนแค่ 1 คนแต่เป็นการช่วยครอบครัวและคนรอบข้าง สังคมของผู้เรียน รวมไปถึงโลกใบนี้ค่ะ”
“ฉันดีใจที่ได้เรียนครบทุกหัวข้อ เพราะฉันชอบมากทุกหัวข้อเลย แต่ถ้าต้องเลือก ฉันขอเลือกหัวข้อที่นำพาฉันก้าวข้ามความเป็นตัวเองได้มากที่สุด นั่นก็คือ หัวข้อ “เขียนข้ามขอบ” โดยเฉพาะกิจกรรมเขียน/วาดตามจังหวะชีวิต กิจกรรมนำพาวาดขีดเขียนทะลุความเป็นตัวตน จนฉันตระหนักรู้ได้ว่า ความเป็นตัวฉันนั่นแหละคือ “ขอบ” สำคัญที่ฉันต้องก้าวข้าม การยึดติดกับสิ่งเดิมๆที่ตัวเองกำหนดไว้เป็นมาตราฐานสิ่งที่เรียกว่า “ดี” “เหมาะสม” โดยไม่รู้ว่า นี่แหละคือ กรงขังที่ปิดกั้นฉันจากอิสรภาพและจินตนาการ การได้ใช้คำใหม่หรือให้ความหมายใหม่ กับสิ่งที่เรากำหนดไว้ ช่วยเปิดมุมมอง ปรับทัศนคติให้ทุกอย่างผ่อนคลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากสิ่งที่ดูซีเรียส กลายเป็น ประโยคขำขัน ตลกดีค่ะ ”
“รู้สึกขอบพระคุณคุณครูโอเล่ ที่วางโครงสร้างหลักสูตรให้พวกเราค่อยๆ รู้จักตัวตนที่เราคุ้นเคยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย สู่การตระหนักรู้ถึงตัวตนที่เราไม่คุ้นเคยเป็นพื้นที่เสี่ยงที่เราไม่กล้าก้าวข้ามออกไป ครูค่อยๆจูงมือพาเราก้าวข้ามขอบความเป็นตัวตน ความเชื่อ ทัศนคติ สอนให้เรียนรู้วิธีการยืนหยัดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอย่างอิสระและปลอดภัย ขณะเดียวกันครูไม่ลืมที่จะสอนให้เรารู้จักใช้ประสบการณ์การเรียนรู้ แบ่งปันให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น”
“เด็กน้อยภายใน พาฉันกลับไปพบตัวเองตอนเป็นเด็กน้อย ที่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ ขำกับเรื่องเดิมๆจนปวดท้อง ฉันได้ตระหนักรู้ว่า เด็กคนนั้นหายไป กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความสุข กลัวความผิดพลาด ความทุกข์หม่นๆลึกๆ นั่นเป็นเพราะฉันยึดติดอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยเดิมๆ ความอบอุ่น ความรักความไว้ใจที่ได้รับมาโดยตลอด ฉันไม่กล้าเผชิญความเสี่ยงใดๆที่จะทำให้ฉันสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป การเรียนจากคอร์สนี้ช่วยให้ฉันเปลี่ยนทัศนคติจากการยึดติดฉุดรั้ง เด็กน้อยช่วยส่งพลังผลักดันให้ฉันรู้สึกขอบคุณ และมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ความผิดพลาดที่ฉันหนีมาตลอด ไม่ใช่สิ่งที่ลดทอนคุณค่าในตัวฉัน สิ่งที่บั่นทอนคุณค่าในตัวฉันคือ การที่ฉันไม่กล้าเผชิญความจริง หลีกหนีปัญหา ต่างหาก จากจุดนี้ ฉันรู้แล้วว่า ฉันจะไม่มีวันมีความสุขถ้าฉันยังจมอยู่กับปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข ฉันได้พัฒนาตัวเองด้วยการกล้ากลับมาวางแผนแก้ไขปัญหาคั่งค้างที่ซุกไว้”
“ตัดคนใจร้ายออกจากชีวิตได้ง่ายขึ้น รักตัวเองมากขึ้น ใครที่ไม่รักก็คือไม่รัก ไม่บังคับหรือตั้งคำถามอีกต่อไป อ่อนโยนกับตัวเอง ปล่อยและช่าง…มากขึ้นจากที่เคยกดดันตัวเองให้เพอร์เฟ็กต์ในเรื่องต่างๆ จากการที่เข้ากลุ่มย่อยและรับฟังคนอื่นได้รับรู้ว่าคนอื่นเจอเรื่องหนักกว่ามากเค้ายังผ่านไปได้ เรื่องของเราแค่นี้เอง ปล่อยวางได้ ใจก็เบาลง”
“รู้เป้าหมายของตัวเองชัดขึ้น ได้ให้อภัยตัวเองและคนอื่นๆในอดีต มองเห็นตัวเองในตอนนี้ ชื่นชมและภูมิใจ มรกำลังใจในการลงมือทำของตัวเองต่อไป ที่สำคัญ คือได้ประยุกต์สิ่งที่อาจารย์สอนลงในงานของตัวเองด้วย เป็นความรู้เพื่อเป็นประโยชน์ให้คนอื่นต่อไปอีกหลายคนค่ะ”
“ฉันชอบทุกหัวข้อที่เข้าร่วม เพราะอาจารย์จริงใจและละเอียดในการสอนทุกหัวข้อ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เทคนิคที่ชอบมากที่สุดคือการได้วาดรูปตามความคิดและอารมณ์ และการเขียนโดยไม่หยุดพัก เพราะเป็นอะไรที่ดูจริงใจ ตรงไปตรงมากับตัวเองดี สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในใจสามารถระบายออกมาได้อย่างไหล่ลื่น อีกทั้งคือไม่มีคำว่าผิดหรือถูกในการเรียนแม้แต่นิดเดียว สอนให้เราเปิดรับทุกอย่างที่เป็นไปในตัวเอง… “เขียนเยียวยา” หัวข้อแรกเกี่ยวกับความสุข ยอมรับเลยว่าตอนแรกฉันเข้ามาเรียน มีแต่ความทุกข์จากที่ทำงาน อาจารย์ให้ทบทวนความสุขที่เคยมีทำให้ฉันพบความสุขง่าย ๆ ที่ลืมเลือนไปนานแสนนาน ฉันได้ทำความเข้าใจในมุมมองใหม่ ว่า การเขียนคือการฟัง การเขียนถึงตัวเองคือการรับฟังตัวเอง ฉันเพิ่งมาเห็นว่าตัวเอง เอาแต่หลีกหนีจากความทุกข์ในใจมาโดยตลอด… “เขียนค้นตน” การมีตัวช่วยทั้งการตั้งคำถามสืบค้น การเปรียบเทียบตัวเองผ่านสิ่งต่าง ๆ และการแลกเปลี่ยนกับเพื่อน เป็นตัวช่วยทำให้เราเห็นมิติของตัวเองในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น ช่วงนี้ฉันมักมองตัวเองแข็งกระด้างทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แต่พอฟังเพื่อนก็เห็นความอดกลั้นภายในที่เข้มแข็ง และยังมีอีกด้านที่อ่อนโยนที่เรามักละเลยไป เราได้มีโอกาสให้เขาออกมาตามกิจกรรมที่อาจารย์นำพาไปและรับรู้ถึงการมีอยู่ของทั้งหมดในตัวเอง…”
“หัวข้อ “เด็กน้อยภายใน” ฉันชอบหัวข้อนี้ตรงที่ได้ขยายจินตนาการออกไปกว้างไกล เลยขอบเขตที่ฉันคิดว่าตัวเองทำได้เพียงเท่านี้ การเขียนถึงนางฟ้าทำให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการกลับมาปลอบใจตัวเองได้อย่างดี การแต่งเรื่องราวต่าง ๆ สร้างความสนุก ปลุกให้เราโลดแล่นไปในโลกอีกใบตามใจที่เราอยากจะทำ และแน่นอนว่ามัน imply เข้ากับโลกความจริงด้วย อาศัยการกล้าคิดจินตนาการนั้น ทำให้เห็นความฝัน ความหวัง และแก่นบางอย่างในการใช้ชีวิตของตนเองในวัยโตนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ พอได้ทบทวนความทุกข์ในวัยเด็กกลับพบว่า มี pattern ที่คล้ายกับตอนโต ตอนทำงาน มันต้องกลับไปพูดคุยกับตัวเองในตอนนั้นเพื่อทำความเข้าใจบางอย่างใหม่ด้วยเช่นกันนะ เพราะมันน่าจะช่วยให้ความทุกข์วัยเด็กได้รับการรับฟัง และได้รับความเข้าใจ…”เขียนข้ามขอบ” ลีลาในการเรียนหัวข้อนี้ช่วยให้ energy สดใส สดชื่นขึ้นมาก เหมือนออกแบบให้เราไปรับพลังงานในแบบต่าง ๆ ผ่านการเคลื่อนไหว ผ่านการเขียน ช่วยให้ระบายอารมณ์อัดอั้นได้ดี ภายใต้ความทุกข์ กิจกรรมช่วยให้เห็นถึงความน่าประหลาดใจที่แอบซ่อนอยู่ ทำให้เห็นความจริงอีกฝั่งที่ไม่ได้ปรากฎขึ้นมา”
“บทสรุปสิ่งที่ได้
ขอบคุณที่ได้มาเรียน
การเขียนเป็นการยอมรับ
ตัวตนที่ฉันไม่ชอบ ไม่อยากรู้จัก
เมื่อได้มาทักทายกัน
กลับเห็นถึงคุณค่าและอยากเข้าใจ
ยังมีอารมณ์ความคิดที่ทำให้ทุกข์
ผุดขึ้นทุกวัน ทุกเวลา
กลับมาสื่อสาร ตั้งคำถาม
ชวนเล่น จินตนาการ
มองอีกแบบ มองอีกด้าน
ขยายมุมมองและโอบรับกันไว้
ฉันเชื่อมั่นว่าฉันสามารถ
ดูแลโลกใบนี้ของฉันได้
หนีบ้าง สู้บ้าง ขอแค่เข้าใจ
ขัดเกลาตัวเองต่อไป
เท่านั้นเอง”
“การเขียนในเทคนิคต่างๆ ชวนให้ผมได้เห็นและเข้าใจโลกภายในกระจ่างขึ้น ผมได้ฝึกๆและก็ฝึกตามกรอบของครูมีทั้งที่สนุก เห็นภาพก่อนทำให้สบายใจที่จะเขียน ไม่เห็นภาพใดเลยกังวลนิดหน่อยแต่ก็เขียน อคติแบบสุดๆปรับอารมณ์นานกว่าจะเริ่มแต่ก็เขียน จนเข้าใจกลไกของการลงมือทำ และอารมณ์ตาม และปัญญาจึงค่อยเกิด และที่ถือว่าวิเศษมากสำหรับผมคือการวาดรูปอะไรก็ได้ที่ผมมักเลือกที่จะขีดเขียนไปเรื่อย(มั่ว) แล้วผมจึงค่อยถอดภาพจากการมองเมื่อเสร็จ เป็นประเด็นที่ผมได้เห็นว่าผมละทั้งกรอบและการวางแผนแบบจริงๆ สิ่งที่ผมได้จากหลักสูตรเขียนเปลี่ยนชีวิต คือความรู้สึก วางใจ เปิดใจ ยอมรับ ตนเอง ผิดถูกได้ เลวดีได้ รู้ตัวและเห็นการเติบโตได้จากการเห็นจริงแบบนี้ ขอบคุณคุณสมบัติหนึ่งในจนเองคือ”ความซื่อสัตย์” ที่ช่วยให้ผมได้บทเรียนและประโยชน์มากมายจริงๆ”
“โดยภาพรวมทุกกิจกรรม ทำให้เข้าใจตัวเองและเข้าถึงตัวตนของตนเอง ซึ่งถูกปิดบังไว้ ได้พบตัวตนที่อยู่ในห้องลับ เหมือนการไขประตูเข้าสู่ห้องที่ถูกปิดตายมานาน จนลืมไปว่ามีห้องนั้นอยู่ เป็นการค้นพบที่วิเศษมาก เพื่อนำสิ่งที่หลงลืมนั้นมาเช็ดทำความสะอาด และเจียระไนให้สวยงามขึ้น”
“ได้ทบทวนชีวิตตนเอง ทั้งอดีตที่ผ่านมา วัยเด็กที่สดใส ความสำเร็จในอดีต ความสุขในปัจจุบัน เป้าหมายในอนาคต เห็นจุดมืดบอดในตนเอง ยอมรับตัวตนในเงามืดที่เคยคิดว่าไม่มีหรือมองไม่เห็น หรือมองว่าไม่เป็นประเด็น แต่เมื่อได้ลงมือเขียน ก็พบว่ามีสิ่งที่กังวลอยู่ในอนาคต สิ่งที่บกพร่องในตนเอง (สามารถยอมรับความบกพร่องนั้นได้อย่างจริงใจ ไม่อคติ มองตนเองในแง่ดีเท่านั้น) ได้ความอ่อนโยนและการให้อภัยตนเอง สำหรับความไม่สมบูรณ์แบบในอดีต และให้อภัยผู้อื่นด้วยเช่นกัน ทั้งเราและเขาต่างอ่อนเยาว์ และไม่รู้ในสิ่งที่ทำ ทำสิ่งที่ไม่น่ารัก โดยความไม่ตั้งใจ หรือขาดปัญญาในธรรม ขอบพระคุณคุณครูโอเล่ที่เป็นแสงสว่างส่องให้เห็นทาง และคุณสมบัติของตนเองทั้งด้านดี ด้านมืด เห็นขอบที่ต้องก้าวข้ามออกจาก comfort zone และมีกำลังที่มุ่งมั่นในการเดินทางมากขึ้นด้วยกายและใจที่อ่อนโยน และเป็นเพื่อนที่แนะนำประโยชน์ต่อตนเอง”
“ฉันชอบเรียนทุกหัวข้อ สิ่งที่ได้รับในแต่ละเนื้อหาแตกต่างกันไป ได้เข้าเรียนแล้วรู้สึกว่าตัวเองอ่อนโยนขึ้น เมตตาตัวเองและคนอื่น เพราะเข้าใจตัวเอง ยอมรับว่าตัวเองมีหลากหลายด้าน จึงเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ”
“หัวข้อที่ชอบ เขียนเยียวยา/เขียนค้นตน/เขียนข้าม เพราะทำให้ได้ทบทวนตัวเอง ตกผลึกความรู้สึกได้รู้ว่าความรู้สึกที่เราเก็บไว้คือความรู้สึกใดกันแน่ ที่ผ่านมาไม่สามารถนิยามได้ว่ารู้สึกอย่างไร เรียกไม่ถูก ตอนนี้ เข้าใจแล้วว่าในเบื้องลึกเรารู้สึกมีความกังวลและความกลัวในการใช้ชีวิต ส่วนเขียนข้ามขอบทำให้รู้สึกสนุกผ่อนคลายผ่านรูปแบบการเขียนแบบใหม่ๆไม่ติดกฎเกณฑ์เดิม ผ่านท่าทางขณะเขียน ผ่านเสียงเพลงสนุกๆทำให้มีพลังใหม่ๆสามารถสร้างสรรค์ ถ่ายทอดความคิดได้ไหลลื่น… รู้สึกดีใจที่ได้เรียนหลักสูตรนี้ เพราะทำให้เราพบว่าความอึดอัดที่เป็นข้อจำกัดในชีวิต ความรู้สึกผิดที่กักขังเรา สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเป็นทุกข์ สามารถผ่อนคลายได้ หากเราเปลี่ยนมุมมองให้เข้าใจโลกมากขึ้น ไม่ตัดสินใคร ให้อภัยตัวเองปลดปล่อยตัวเองเพราะที่เราคิดว่าทำอย่างนั้นเราทำได้ เราก็เป็นแค่คนๆนึงมีหัวจิตหัวใจ ผิดได้ วันนั้นที่เราทำอย่างนั้นเพราะเราขาดปัญญาหรือณ.เวลานั้นเราทำดีที่สุดแล้ว ซึ่งทำให้เรากลับมาให้อภัยตัวเองอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข ไม่ขังตัวเองกับอดีตและปรับปรุงพัฒนาตัวใหม่ ก้าวต่อไปให้ดียิ่งๆขึ้นไป”
“กิจกรรมที่ชอบคือการได้ join กลุ่มเล็ก เหมือนธรรมชาติจัดสรร ได้คำตอบที่ตอบโจทย์ตัวเองทุกครั้ง หรือไม่ก็มีคนที่คล้ายกัน ทำให้สบายใจขึ้น หัวข้อ *เขียนเยียวยา* ช่วยให้ได้คิดถึงความภูมิใจในอดีต บางอย่างที่แม้จะหายไปในปัจจุบัน แต่การคิดถึงสิ่งดีๆ ก็ทำให้มีความสุข และปัจจุบันก็ยังคงมีความสุขกับสิ่งใหม่ได้อีกเรื่อยๆ *เขียนค้นตน* ชอบกิจกรรมที่เป็นตาราง 4 ช่อง เปรียบเทียบตัวเองเป็นสิ่งไม่มีชีวิต รู้สึกสนุกกับการเดาความหมายของคนอื่น และทึ่งที่ทำให้เห็นตัวเองในมุมที่คิดไม่ถึง ทุกครั้งที่เข้าเรียนพบว่าคืนนั้นนอนหลับสบายอย่างยิ่ง สิ่งที่ได้พัฒนา คือความกล้าเขียนอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยแล้วเอามามั่วรวมกัน อันนี้ท้าทายความคิดและความสามารถมากๆ ขอบคุณคุณครูที่เสียสละทำคอร์สดีๆ ออกมาในราคาที่ผู้เรียนไม่เดือดร้อน มีความสุขมากๆ ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
“ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกัน ก็พาให้เราเข้าใจคนอื่นด้วยเช่นกัน เพราะแต่ละคนมีภูมิหลังและ ประสบการณ์ชีวิต ที่แตกต่างกัน อยู่ที่เราจะให้ความหมาย เหตุการณ์ หรือการกระทำในอดีตที่ผ่านมาด้วยใจและ สายตาแห่งความเมตตาตัวเองและผู้อื่นอย่างไร ทำให้เราสามารถให้อภัยตัวเองและ คนอื่นได้ง่ายมากกว่าเดิม และปลดปล่อยพลังงานลบออกไป เพื่อกลับมาโฟกัสที่ตัวเองและพลังงานดี ๆ มากกว่าการกักขังให้จมอยู่กับความรู้สึกไม่พอใจ และสลัดออกไปจากหัว และเลิกสนใจ เพราะ เราทุกคนต่าง ก็ไดร์ฟด้วยกิเลสบางอย่าง ดังนั้น ที่ดีที่สุด คือการปล่อยวาง กลับมาให้เวลาตัวเองเพิ่มขึ้น ออกจากวงจรที่ไม่พึงใจได้เร็วขึ้น ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองทำ และมีสติมากขึ้น”
“รู้สึกชอบการเรียนการสอนแบบนี้ อย่างแรก คือ การสร้างหลักสูตรที่มี ระยะเวลา ความต่อเนื่องนานพอให้ ผู้เรียนได้ค่อย ๆ สร้างโครงร่างความเข้าใจในตัวเองและในแต่ละบทเรียน สบาย ๆ แต่หนักแน่น ลื่นไหล ได้ลงมือทำจริง ในแต่ละคลาส คุณครู ช่วยด้วยการให้การบ้าน ทำให้สรุป เนื้อหาให้กระชับเข้าใจบทเรียนและสิ่งที่ได้เรียนรู้ในแบบของตัวเอง สร้างการ ตระหนักรู้ตัวตน เหมือนการปอกหัวหอม ที่ละชั้น ๆ อย่างเบามือ และใจเย็น ในบางครั้งสาร (สาสน์) ในหัวหอมก็ทำให้เราระคายดวงตา แต่ขณะเดียวกันก็เกิดความกระจ่างชัดในดวงใจ”
“สิ่งที่ได้พัฒนาตัวเอง คือ การมีวินัย เข้าเรียนอย่างตรงเวลา และต่อเนื่อง แลเห็นถึงวิถี การเรียนอย่างไม่ได้คาดหวัง แต่ลงมือทำไปเรื่อย ๆ ตามวิถีที่ครูโอเล่ได้ออกแบบไว้ เพราะเชื่อมั่นในตัวและองค์ความรู้ของผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ในขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ กลับมาทำงานภายในกับตัวเอง อย่างไม่กดดัน รวมถึง การยอมรับ ความช้าความบกพร่อง ความไม่สมบูรณ์แบบ แต่เปิดใจ สนุกไปกับการเขียนข้ามขอบ เขียนตามจังหวะเพลง จังหวะชีวิต และการประสานกันของร่างกายและจิตใจ อีกสิ่งที่ได้เรียนรู้และต้องการนำไปต่อยอด จากการเขียนข้ามขอบ นอกจากความ สนุก และได้ปลดปล่อย ยังกล้า ท้าทายให้ตัวเองลองออกจากกรอบความเคยชิน ที่สร้างสมมาอย่างยาวนาน (ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว) เลิกยึดติด แลเห็นความสามารถและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เพื่อสร้างจังหวะชีวิตที่ใช่ ให้ตัวเอง ซึ่งน่าจะเป็นบทสรุปของการเรียนครั้งนี้”
“เข้าเรียนทุกหัวข้อ ทุกครั้ง 24 วัน ชอบทุกหัวข้อ ชอบวิธีที่ครูโอเล่ค่อย ๆ นำเข้าสู่การค้นพบตัวเองในแต่ละครั้ง โดยเริ่มต้นจากการตอบคำถามง่าย ๆ ค่อย ๆ เขียนไป หรือได้สังเกตตัวเองจากการตอบคำถามและจาก การสะท้อนของเพื่อนในกลุ่มย่อย การเขียนแบบนี้ทำให้ทุกอย่างในตัวช้าลง ความรู้สึกข้างในค่อย ๆ ไหลออกมา โดยไม่ได้ใช้ความคิด ช่วงเวลาที่เรียน เขียนเปลี่ยนชีวิต เป็นช่วงเวลาที่มีความไม่สบายใจในปัญหาบางเรื่องมาระยะหนึ่งแล้วอยู่ ระหว่างการตัดสินใจที่จะทำอะไรหรือไม่ทําอะไร หรือจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน ซึ่งยังไม่ได้เลือกว่าจะ ตัดสินใจอย่างไร ระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบ บางช่วงก็ดี บางช่วงก็แย่ บางช่วงก็พอไปได้ แต่การได้มาเขียนคุยกับตัวเองในชม.เรียน ทําให้ได้สังเกตตัวเองถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เดิมเคยมองข้ามในความเป็น ตัวเรา อะไรถึงทำให้เราเป็นเราเช่นนี้ ที่มาต่าง ๆ คืออะไร แม้จะไม่ได้เห็นชัดเจนทั้งหมด แต่ก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงในรายละเอียดปลีกย่อยแบบนี้มาก่อน”
“ชอบมาก ได้เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น เห็นรายละเอียดปลีกย่อย เห็นที่มาของพฤติกรรมต่าง ๆ ของตัวเอง เมื่อ นำบันทึกทั้งหมดมาอ่านอีกครั้ง เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตในช่วงระหว่างการเรียน เห็นว่าเรามองปัญหา อย่างไร ที่มาที่ไปของปัญหาและความเป็นตัวเรา ตัวเขา ความสัมพันธ์ต่าง ๆ เป็นอย่างไร การเขียนแบบ Free writing ทําให้ของในใจลื่นไหลออกมา โดยไม่ได้ใช้ความคิดไปสกัด จึงเห็นตัวตน ชัดเจนและเรื่องราวที่เขียน ไม่ว่าจะหัวข้อใด วันไหน ก็จะเกี่ยวข้องวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทางที่ เรารู้สึกว่าเราควรต้องทำอย่างไร ทำตัวแบบไหน มีทางออกให้กับตัวเองได้ อ่านอีกครั้ง รู้สึกเหลือเชื่อว่าเราเขียนออกมาได้อย่างไร บทสรุปของปัญหาและแนวทางทั้งหมดสำหรับตัวเอง อยู่ที่หัวข้อที่ครูโอเล่ให้เขียนทบทวน ในช่วง 3 เดือนที่ ผ่านมาในเรื่อง ขอบความคิด ขอบหัวใจ ขอบการใช้ชีวิต เหมือนเป็นการสรุปบันทึกทั้งหมดไว้ สำหรับหัวข้อต่าง ๆ ที่ครูโอเล่สอน ที่เป็นการนำเข้าสู่การค่อย ๆ ขุดลึกลงไปในตัวเองก็ชอบมาก รู้สึกได้ ปลดปล่อยส่วนที่อยู่ลึกในจิตใจให้ค่อย ๆ ได้ออกมาพูดคุยกัน เป็นเพื่อนกับตัวเอง มีมิตรภาพต่อกัน จะนำการเขียนต่าง ๆ ไปฝึกฝนใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปค่ะ และเชื่อว่าการเขียนนี้จะเป็นเพื่อน จะทำให้เห็น ทางออกของปัญหา จะช่วยเปลี่ยนมุมมอง มองความทุกข์ให้เป็นความตลกได้ และจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่าง
มีความสุขมากยิ่งขึ้น”
“ชอบการเขียนหัวข้อเด็กน้อยภายในเป็นพิเศษค่ะ เพราะตั้งใจเยียวยาเค้าอยู่พอดี พอได้เชื่อมโยง รู้สึกเค้ามีพลังมาก ดีใจที่เข้าใจเค้าได้มากขึ้น และมีช่องทาง วิธีการสื่อสารกับเค้าได้อยู่เรื่อยๆค่ะ
รวมถึงกิจกรรมเขียนเยียวยา ที่ทำให้ได้เชื่อมโยงกับผู้เยียวยาภายใน และการวาดภาพ ทำให้สัมผัส และแปรเปลี่ยนความทุกข์ในใจ และเห็นคุณค่าจากความทุกข์นั้นได้มากขึ้นค่ะ ส่วนการเขียนข้ามขอบที่ให้สำรวจตนตามจังหวะ5ธาตุก็ช่วยให้ปรับสมดุลตนเอง และก้าวหน้าในสิ่งที่ตั้งใจจะทำได้มากขึ้นค่ะ ได้เรียนรู้ฝึกฝนวิธีสื่อสารกับโลกภายในได้อย่างชัดเจน และลึกซึ้งมากขึ้น ชอบมากๆค่ะ”
“ภาพรวมของความรู้สึกต่อหลักสูตร รู้สึกว่าเป็นแนวทาง การเยียวยาจิตใจ ค้นพบตัวเอง และพัฒนาตัวเองที่ทำได้ง่าย บางเทคนิคอาจจะแปลกใหม่และเข้าไม่ค่อยถึงในการทำครั้งแรกๆ แต่ทำบ่อยๆก็ชินขึ้น รู้สึกเบาใจขึ้นเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของตัวเอง ในส่วนสุดท้ายที่เขียนเรียงความสั้น ได้ลองเขียนให้ตัวละครให้อภัยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต พอได้ลองรู้สึกผ่านตัวละครและกระดาษ มันก็เป็นการชิมลางที่น่าสนใจ และรู้สึกเอนเอียงอยากจะลองทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นจริงมากขึ้น จากตอนแรกที่ไม่เคยคิดจะทำเลย ได้พัฒนาทักษะในการเขียนเพื่อเข้าใจตนเองและโอบกอดตัวเองมากขึ้น ด้วยเทคนิคการใช้คำง่ายๆ รู้สึกว่ามี tools ที่นำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน”
“ได้เข้าเรียนทุกหัวข้อ แต่มีขาดเรียนไปบ้าง โดยเฉพาะหัวข้อเขียนข้ามขอบ จริงๆแล้วทุกๆหัวข้อทำให้กลับมาคุยกับตัวเอง เพราะเป็นคนที่ไม่เคยคุยกับตัวเองอย่างจริงจัง ยกเว้นช่วงเวลาที่ผิดหวัง เศร้าเสียใจ แต่เป็นการคุยเพื่อหาคำตอบที่เราคิดเอาเอง โทษตัวเอง รู้จักตัวเองมากขึ้น ชอบทุกหัวข้อและกิจกรรมที่ให้ทำ เรียนแล้วรู้สึกมีความสุข ตั้งตาคอยเวลาเรียน แต่ช่วงเดินทางทำให้คลาด ขาดจากการเรียนไปบ้าง เพราะหลักสูตรนี้ทำให้มีเครื่องมือที่เราจะคุยกับตัวเอง ตั้งคำถามกับตัวเองได้ และสามารถแชร์ความคิดเห็นกับผู้อื่นได้ ซึ่งปกติจะเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูดกับคนไม่รู้จัก พร้อมกันนี้ยังให้แง่มุมมองที่ปกติจะมองด้านเดียว เป็นมุมมองอันเกิดจากการตั้งคำถาม ซึ่งก็ต้องค่อยๆทบทวนต่อไป”
“การเขียนทำให้เรารับรู้อารมณ์ตัวเอง บางครั้งเป็นการปลดปล่อย บางครั้งเป็นการรื้อฟื้นหรือรำลึกถึง เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาทั้งทุกข์และสุข หากเราทำบ่อยๆ จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองเยียวยาตัวเองได้ พบว่าตัวเป็นคนดี แต่มีหลากหลายอารมณ์ (เป็นไปตามสถานการณ์) ที่สำคัญคือ ต้องมีเมตตาตัวเองมากขึ้น มีศรัทธาในตัวเองและลูกๆ มองโลกในแง่ดีขึ้น ค้นพบตัวตนในวัยเด็กและเหตุการณ์ในวัยเด็ก ประสบการณ์หลายๆอย่าง ทำให้เป็นเราในวันนี้ บางอย่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้เรามีนิสัยหรือบุคลิกที่เราอาจไม่ชอบ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เด็กน้อยทำ เพื่อให้เราอยู่รอดมาถึงวันนี้ ขอบคุณเด็กน้อย ขอบคุณประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดี ค้นพบว่าชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป มีแง่มุมอื่นอีกเยอะที่เรามองข้ามหรือมองไม่เห็น หากเราทำกิจกรรมตามหัวข้อบ่อยๆ น่าจะทำให้เราสามารถข้ามขอบที่เราวงไว้ หากเราข้ามไปได้ ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ”
“เมื่อทบทวนบันทึกก็รู้สึกสนุกอีกครั้ง เป็นกระบวนการที่พาเราไปได้ในหลายจุด หลายสิ่งที่เราไม่เคยพบ หรือบางครั้งพาเราย้อนความจำในอดีต สามารถเยียวยาบางเรื่องราว สามารถทำให้ค้นพบว่าเราคือใคร ต้องการอะไร ทำอย่างไรให้มีความสุข เมตตาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พยายามมองมุมหลายๆมุมให้หลากหลาย จะพาเราข้ามขอบเปลี่ยนชีวิตได้ ”
“แต่ละหัวข้อที่เรียน ฉันประทับใจการเขียนเยียวยา เพราะเป็นการกลับมาเขียนครั้งแรกแบบบันทึก หลังจากที่ฉันเลิกเขียนไดอารี่มากว่า 23 ปี การเขียนนี้ครั้งแรกๆ เขียนไม่ออก แต่ครูบอกเทคนิคเขียนไปเรื่อยๆไม่หยุด ทำให้รู้สึกไม่กดดัน ปล่อยสบายๆ เขียนได้โดยไม่หยุดเลย(555) เขียน2 ครั้งรู้สึกเบาใจเยอะ มองอะไรที่คิดวนไปมาได้ชัดขึ้น ที่ชอบอีกบทคือเด็กน้อยภายใน มีความสุขมากๆ ที่ได้ย้อนวัย และได้มีโอกาสเขียนในสิ่งที่อยากกลับไปแก้ไข ร้องไห้และยิ้มไป สุขทุกข์ปน แต่สบายใจขึ้นมากๆค่ะ ตอนเรียน“เขียนค้นตน” และ“เขียนคำขอบ” ทำให้เข้าใจตัวเอง เมตตาตัวเอง รักตัวเองมากขึ้น มีเป้าหมายชัดเจน เอาข้อดีตัวเองมาใช้ให้เต็มที่ และปรับปรุงข้อเสียตัวเองให้ดีขึ้น แต่จะยังคงใช้ชีวิตกับครอบครัวให้เต็มที่ เพิ่มเวลาส่วนตัวให้มากขึ้น กับคนรอบข้างช่วยเหลือแต่กล้าปฏิเสธและเกรงใจคนอื่นน้อยลง ไม่เบียดเบียนตัวเองและคนอื่น ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง เก็บสุขให้ง่าย ปล่อยทุกข์ให้ไว เอาสิ่งที่คิดสร้างสรรค์มาทำให้เกิดเป็นรูปธรรม ไม่คิดวนไปมา ขอบคุณครูโอเล่ๆค่ะ ช่วยชี้นำ สบายใจ เบาใจ และเข้าใจตัวเองดีมากขึ้นค่ะ”