ราตรีสีเงิน #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตนเอง

“ราตรีสีเงิน”

งานเขียนจาก จิรภัทร สุวรรณาภิรมย์ สาขา การจัดการทรัพยากรมนุษย์
การอบรมการเขียนเพื่อรู้จักตนเองและการสะท้อน

 

 

ถ้าจะพูดถึงชีวิตของเราคงไม่แตกต่างไปจากเรื่องเล่าตำนานราตรีสีเงินมากเท่าไรนัก ราตรีสีเงินไม่ได้หมายถึงความมืดมิดยามค่ำคืนที่เป็นสีเงิน แต่หมายถึงมังกรพันธ์ราตรีสีเงินที่งดงาม สง่างาม ร่าเริงและซ่อนความร้ายกาจ สมดังราชามังกร แต่กว่าจะได้อวดโฉมให้ใครต่อใครได้เห็น ก็ต้องผ่านช่วงเวลาแห่งชีวิตมาอย่างหนักหนา จุดเริ่มต้นของเรื่องราว เริ่มจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ พยายามเจาะกำแพงที่ห่อหุ้มร่างอันน้อยนิดของตัวมันเอง เพื่อได้ออกมาเห็นโลกภายนอก มันก็เหมือนกับชีวิตเราที่เริ่มต้นเติบโตมาในท้องแม่ เพียงแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น จนในที่สุดเวลาแห่งการต่อสู้ เรียนรู้ และเติบโตในโลกกว้างก็ได้เริ่มต้นขึ้น

 
ราตรีสีเงินน้อยได้ลืมตาดูโลกที่กว้างใหญ่ พยายามจดจำสิ่งรอบตัว สำรวจจนละเอียด ภายในสถานที่แห่งการเรียนรู้จุดแรกมันคือรังใหญ่โต ชีวิตที่น่าสงสารเริ่มนับจากนี้ เพราะสิ่งที่พบเจอคือการเป็นมังกรน้อยเพียงตัวเดียว และได้รับรู้ว่าตัวมันเองคือมังกรเพียงตัวเดียวในโลก และกำลังจะเลือนลางหายไปกับอดีตของโลกใบนี้ ก็เหมือนตัวเราที่เติบโตมาคนเดียว พอเราเริ่มที่จะเรียนรู้เป็น ก็พบว่าเรานั้นอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวมาตลอด จนทำให้เราตามหาใครสักคนให้มาเป็นเพื่อน คนรัก จนกระทั่งคู่ชีวิตเพื่อเดินทางไปกับเราจนถึงปลายทางที่เราวาดไว้

 
ราตรีสีเงินก็เช่นเดียวกันมันดิ้นรน เพื่อคายเหงา เพื่อต้องการความอยู่รอดมันจึงเริ่มออกเดินทาง มังกรมีช่วงเวลาชีวิตที่เดินเร็วกว่ามนุษย์ธรรมดา มันจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อแสงอัสดงต้องกายของราตรีสีเงิน ทำให้เห็นชัดว่าร่างกายของมันสง่างาม ผิวหนังแวววาวเหมือนเพชรราคาแพง พร้อมกับปีกอันใหญ่โตที่ตัดกับลำตัวอย่างเด่นชัด จนได้มาถึงหมู่บ้านแห่งสีสัน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะตัวบ้านแต่ละหลังถูกแต่งเติมสีสันมากมายและผู้คนในหมู่บ้านต่างสนุกสนามกับชีวิตประจำที่ดำเนินต่อไป ราตรีสีเงินจึงเริ่มที่จะเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้คน มันจึงบินอวดโฉม โชว์ความงดงาม แต่ผู้คนต่างไม่ตื่นเต้นเมื่อได้พบเห็นมังกร กลับกันผู้คนต่างทำงานกันปกติ ทำเหมือนราตรีสีเงินไม่มีตัวตน มันจึงโกรธและระเบิดพลังออกมา ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านต่างตกใจ และพากันวิ่งหนี เอาตัวรอด ในขณะนั้นเอง มีเพียงเด็กผู้ชายคนนึ่งวิ่งมาห้ามการกระทำของราตรีสีเงิน เจ้ามังกรจึงหยุดโวยวาย พยายามระงับความโกรธ เด็กชายคนนั้นได้เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มที่สดใ “เจ้าสัตว์ประหลาด เจ้าคงจะเหงามากสินะ เจ้าถึงได้เอาแต่ใจแบบนี้” ราตรีสีเงินนิ่งฟัง และ ไม่เข้าใจภาษามนุษย์ มันจึงได้แต่นิ่ง เด็กชายคนนั้นพูดต่อว่า “งั้น…. เรา มา เป็น เพื่อน กัน ดี กว่า ไหม” ในจังหวะนั้นเด็กชายก็พยายามเดินเข้าไปใกล้ราตรีสีเงินมากขึ้น ราตรีสีเงินก็ยังคงนิ่งและมองเข้าไปในแววตาเด็กชายคนนั้นเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่าง ด้วยความไม่เข้าใจ เหมือนเราเติบโตขึ้น ถูกส่งไปยังโรงเรียน เพื่อเรียนรู้ สังคมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ แต่เรากลัวที่จะทำความรู้จัก เพราะเราเติบโตมาตัวคนเดียว เรามีอีโก้ อวดเก่ง อวดทุกอย่างเพื่อให้คนสนใจเรา พอไม่ได้อย่างใจ เราก็กลายเป็นคนก้าวร้าว ไม่ฟังใคร จนเราได้เจอกับเพื่อนคนนึงที่แสนดีในสายตาเรา เขาเป็นเด็กผู้ชาย หน้าตาร่าเริงตลอดเวลา เขากลับเป็นคนเดียวที่กล้าเข้ามาหาเรา ตอนที่เรากำลังโกรธ โวยวายและโยนสิ่งของ เขากลับยื่นมือมาแล้วบอกว่า “เราอยากเป็นเพื่อนเล่นกับแกนะ แต่แกต้องหยุดโวยวายก่อน” เราจึงหยุดแต่ก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำ เราไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ใจกว้างเป็นมหาสมุทรขนาดนั้น ใจเย็นจนน้ำแข็งก็เทียบไม่ติด เราก็คงสับสันกับเรื่องราวตอนนั้น และเริ่มจะรู้จักคำว่าเพื่อนมากขึ้น
การเรียนรู้ในหมู่บ้านแห่งสีสัน เป็นการเรียนรู้ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ถึงแม้มังกรจะเริ่มเข้าใจภาษามนุษย์มากขึ้น แต่ราตรีสีเงินก็ยังไม่ยอมเปิดใจทั้งหมด มันจึงตัดสินใจลาขาดจากหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อไปเรียนรู้ที่อื่นต่อ เพราะที่แห่งนี้มันไม่เหมาะสำหรับมังกรอย่างมัน เปรียบได้กับ เราที่พอเรียนรู้คำว่าเพื่อนมากขึ้น เราก็ต้องถูกย้ายไปเรียนที่อื่น เราจึงต้องหาเพื่อนใหม่และเริ่มเรียนรู้อีกครั้ง

 
จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง จนได้เจอกับสถานที่แห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ใหญ่กว่าหมู่บ้านที่ราตรีสีเงินเคยพบเจอ มันตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็น มันปรับตัว เรียนรู้จากหลายหมู่บ้านที่ผ่านมา มันเติบโตขึ้นกว่าเดิม และเริ่มรู้จักแสดงความรักมากกว่าความโกรธที่ติดเป็นนิสัย ณ สถานที่แห่งนี้ มีผู้คนหลากหลาย แตกต่างจากสิ่งที่พบเจอ ผู้คนปนกันไปหมด มีทั้งดี ชั่ว อยู่รวมกัน ราตรีสีเงินได้พบกับเพื่อนใหม่ ไม่ใช่เพียง คนเดียว หรือ สองคน แต่กลับกลายเป็นกลุ่มใหญ่ พวกเขารักและอยากรู้จักราตรีสีเงินให้มากกว่าเดิม พวกเขาเข้ามาเล่นกับมัน ทำเหมือนมันไม่มีพิษมีภัย ไกลออกไปราตรีสีเงินสัมผัสได้ถึงสายตาที่เกลียดชังจากคนกลุ่มอื่น มันไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงได้ไม่ชอบมันขนาดนั้น มันพยายามปรับตัวเพื่อเข้าหา แต่คนเหล่านั้นก็ทำร้ายมัน มันไม่โกรธแต่มันเจ็บปวด เจ็บปวดที่ไม่รู้และไม่เข้าใจสิ่งที่คนพวกนั้นกระทำต่อมัน มันพยายามควบคุมความโกรธ เพื่อนใหม่ของมันไม่เคยทอดทิ้ง กลับพยายามสื่อสารให้มันเข้าใจถึงคนพวกนั้น สอนในสิ่งที่แปลกใหม่ สอนว่าโลกใบนี้ไม่ใช่มีเพียงคนดี แต่ยังมีคนจิตใจไม่ดี คนพวกนั้นคงอิจฉามิตรภาพของเรา มันชั่งเหมือนกับว่าในโลกของจิตรตนาการที่เราสร้างขึ้นมามันจะสมจริงขนาดนั้น โลกที่เราสร้างมาเปรียบเทียบมันไม่ต่างจากที่เราอยู่เลย เราได้พบเจอกันเพื่อนใหม่ ที่กลุ่มก้อนที่ใหญ่ขึ้น อยู่ในสังคมที่กว้างกว่าเดิม ก็อย่างนี้แหละโลกมนุษย์ เมื่อมีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด แต่ที่เราจะเจ็บปวด คือการที่เขาไม่ยอมรับเรา เพียงเพราะเขาเกลียดเรา มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะเกลียดเราได้ขนาดนี้ เราเองก็ไม่เคยเข้าใจ แต่ก็ต้องระงับความโกรธเอาไว้ พยายามใช้เหตุผลนำ และความโกรธตาม เพื่อเรียนรู้ในสังคมนี้

 
ราตรีสีเงินเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันได้เรียนรู้ว่านานวันเข้า เพื่อนใหม่ที่เคยพบเจอมากมาย ต่างได้หายเงียบไป หายไปทีละคน สองคน จนมันรู้สึกถึงการเสียคนที่มันรักไปเรื่อยๆ ตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่มังกรน้อยอีกต่อไปแล้ว มันโตขึ้นกว่าเดิม มันดูน่าเกรงขามมากขึ้น แต่มันยังคงรู้สึกเป็นมังกรน้อยทุกครั้ง บางครั้งมันก็โหยหาสิ่งที่มันไม่มีเหมือนพวกมนุษย์ที่มันรู้จัก มันนับวันรอที่จะเลือนลางไปจากโลกนี้ มันเริ่มใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจเพื่อน จมอยู่กับความทุกข์ที่มันสร้างขึ้นมา เพื่อนที่เหลืออยู่จึงเริ่มถามไถ่ว่า มันเป็นอะไร ทำไมถึงเศร้ากว่าปกติ มังกรไม่รู้ในภาษามนุษย์ แต่มันมักเข้าใจเพื่อนกลุ่มนี้เสมอ เมื่อมันจ้องเข้าไปในแววตาที่กลมโตนั้น มันถึงเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนจะสื่อสารให้ มันพยายามนึกว่าอย่างน้อย มันสมควรจะใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนจะหายไปจากโลกนี้จริงๆ มันจึงกลับมาเป็นราตรีสีเงินตัวเดิม เพื่อให้ความสุขกับตัวมันเองและเพื่อนที่อยู่รอบข้างมัน ในช่วงชีวิตคนเรามักจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันดูแย่ไปหมด ไม่อยากจะใช้ชีวิตต่อไป เราก็เช่นเดียวกัน เราที่คอยเติบโตมาคนเดียว ถูกเลี้ยงดูแบบไม่มีใครดูแล ไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนครอบครัวคนอื่นเขา พอเวลาผ่านไปเราจึงรู้ว่าบางทีที่เราเติบโตมาแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้เราเข้มแข็งขึ้น มีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับคนอื่นได้ เราจึงพยายามรักษาเพื่อนทุกคนที่เข้ามา พยายามพูดคุยปรับตัว เราไม่อยากที่จะสูญเสียใครไปอีกแล้ว เราแค่อยากมีเพื่อนที่พร้อมจะรับฟังเรา เข้าใจเราแค่นี้ก็พอแล้ว ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นเรา

 
วันเวลาได้เดินมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งของชีวิตมังกรหนุ่ม ครั้งนี้ถือว่ามันเป็นจุดที่รู้สึกมีความสุขไปพร้อมกับความเจ็บปวดอีกครั้ง มันเริ่มต้นจากราตรีสีเงินปรับตัวเข้ากับสังคมกลุ่มใหญ่ได้ดีมากขึ้น เจอผู้คนมากกว่าเดิม และแล้วราตรีสีเงินก็ได้รู้จักความรักที่มารูปแบบใหม่ ที่มันไม่ใช่ความรักแบบเพื่อน มันเหมือนมังกรหนุ่มตกหลุมพรางที่มนุษย์คนนั้นสร้างไว้ มันไม่เป็นเพียงหลุมอย่างเดียว พอตกลงไปแล้วมันกลับก็เป็นบ่วงที่ร้อยรัดไม่ให้ราตรีสีเงินดิ้นหลุดพ้นไปได้ แต่จะมีใครรู้ไม่ว่า ไม่มีสิ่งใดจะจับกุมมังกรที่ยิ่งใหญ่ ถ้ามันไม่ใช่เป็นคนยอมให้ถูกจับเอง ความรักครั้งนี้แปลก แปลกมาก แปลกจนมันเองก็ยังสงสัยราตรีสีเงินเริ่มสนใจในตัวเด็กชายคนนึ่ง และเริ่มหลงใหลในความงามของใบหน้า เรือนร่างที่อยากสัมผัส มันคิดเกินกว่าเพื่อนคนนึ่ง แต่มันไม่รู้ว่าสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ มันคือสิ่งที่แปลกในสายตาเพื่อนคนอื่น มันคือมังกรที่ชอบและหลงใหลมนุษย์เพศชาย มันคงลืมไปแล้วว่ามันคือราตรีสีเงินและเป็นมังกรหนุ่ม  จริงๆ แล้วราตรีสีเงินมันอาจจะรู้ตัวเองตั้งนานแล้ว แต่มันยังไม่ถึงเวลา มันก็เหมือนเราตอนนี้ที่อยู่ๆ เราก็ตกหลุมรักผู้ชายคนนึ่ง ที่เริ่มรู้จักกันจากเพื่อนแนะนำให้รู้จัก เรามีอายุที่แตกต่างกัน เรามองว่าความรักมันไม่ได้จำกัดเพศหรืออายุ ในตอนนั้นความอยาก ความใคร่ครวญนำไปและเหตุผลตาม มันจึงทำให้เราหน้ามืดตามั่ว พยายามทำความรู้จักเขามากกว่าเดิม พยายามที่จะบอกให้เขารู้ว่าเราชอบเขามากแค่ไหน แต่ก็กลัวที่จะเสียเขาไป เรามองว่าความรักครั้งนี้มันทั้งโชคดีที่เราได้รู้จักกันมากขึ้น พูดคุยกันอย่างเข้าใจ แต่มันก็เจ็บปวดมากเหลือเกิน เมื่อรู้ว่าความรักของเราทั้งสองเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจ เราจึงถูกคนอื่นมองว่าแปลกประหลาด มันเจ็บนะที่ถูกเพื่อนที่เคยเข้าใจเรา มองเราเป็นตัวแปลกประหลาด และเจ็บยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าผู้ชายคนนั้นก็มองเราเป็นตัวประหลาดเช่นกัน แต่ก็เอาเถอะ เราเติบโตมาเพื่อที่จะเรียนรู้และผ่านมันไปอยู่แล้ว
นานวันเข้าราตรีสีเงินก็หลุดออกจากบ่วงที่มันร้อยรัดตัวมันเอง มันเริ่มให้ความรักแก่เพื่อนอีกครั้ง เลิกสนใจความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในใจ เพื่อนเหล่านั้นเริ่มโตขึ้น มีภาระมากขึ้นแต่ไม่เคยลืมราตรีสีเงินเลย พวกเขายังคงแวะเวียนมาเล่นกับราตรีสีเงินเสมอ ราตรีสีเงินเองก็เริ่มมีภาระมากขึ้น มันเริ่มเรียนรู้อะไรๆ มากขึ้น ราตรีสีเงินต้องการอยากออกไปเรียนรู้ที่อื่นต่อ ในตอนแรกความคิดของมันคือ สถานที่แห่งนี้คงจะเป็นที่สุดท้าย มันคงจะอยู่จนมันตายจากไป แต่มันคิดผิดบนโลกที่กว้างใหญ่เกินกว่าจะหาอะไรเทียบได้ ยังมีสถานที่แห่งใหม่อีกมากมาย มันจึงต้องเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้มันอาจจะไม่ได้ไปตัวเดียวอีกต่อไป ครั้งนี้มันพิเศษกว่าทุกครั้ง พิเศษตรงเพื่อนเหล่านั้นก็ต้องออกไปเรียนรู้จากที่อื่นด้วย มันก็ดีใจที่มันจะไม่ได้ไปตัวเดียวอีกต่อไป เราเติบโตขึ้นเรียนรู้จากสิ่งนั้นมาสิ่งนี้ เราคิดว่าเราเรียนรู้กันมากพอ แต่มันก็ยังไม่สิ้นสุด เราต้องออกไปเรียนรู้มากขึ้น เรียนรู้ตั้งแต่เด็ก เข้าอนุบาล ต่อด้วยชั้นประถม มัธยม จนต้องไปเรียนรู้ต่อในระดับมหาลัย และคงจะเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตมันต้องเรียนรู้ไปตลอด แต่การไปเรียนรู้ครั้งนี้เราได้มิตรภาพที่ดีที่มีมาเสมอ คอยตามไปด้วย เพราะเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมา ก็ต้องเรียนรู้เหมือนกับเรา ความพิเศษมากมายกำลังจะเริ่มขึ้น การผจญภัยที่ไม่สิ้นสุด การเรียนรู้อะไรอีกมากมายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง…….

 
เรื่องราวที่ผ่านมา 19 ปี เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย เราเคยอารมณ์ร้อน ดุร้าย ควบคุมไม่ค่อยได้ ไม่ต่างจากมังกรเวลาที่มันโกรธ แต่พอเราโตขึ้น เรียนรู้มากขึ้น รู้วิธีที่จะเก็บซ่อนอารมณ์ พยายามสร้างหน้ากากขึ้นมาเพื่อปิดบังบางสิ่งเอาไว้ พยายามปรับตัวเพื่อให้เข้ากับคนอื่นมากขึ้น อีกทั้งความคิดที่เราคิดว่าเราอยู่และเติบโตมาคนเดียว แต่จริงๆ แล้ว เรายังคงมีแม่ที่คอยเลี้ยงดู พร่ำสอนเราให้เข้มแข็ง เรารู้ว่าเราไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนคนอื่นเขา พอเราโตขึ้นเราก็ได้เห็นว่า เราไม่ใช่เพียงครอบครัวที่ไม่อบอุ่นเพียงครอบครัวเดียว เพราะเราคอยแต่จะปิดบังตัวตน ไม่กล้าที่จะเรียนรู้ในตอนแรก จึงคิดไปต่างๆนาๆว่าเรามันโชคร้าย บนโลกแห่งความเป็นจริงนี้ มันสอนให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย สุดท้ายแล้วเราก็ต้องตาย แต่ก่อนที่เราจะตาย เราก็สมควรจะให้และมีความสุขอย่างเหลือล้นนับหาค่าไม่ได้