รางวัลชมเชย วัดที่ฉันหวัง : อารามบนผืนพสุธา ดุจฟากฟ้าสุราลัย

 

 

“ขอขอบคุณสถาบันธรรมวรรณศิลป์ที่จัดกิจกรรมความเรียงในหัวข้อ “วัดที่ฉันหวัง” เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักถึงคุณค่าของวัดเพราะวัดเปรียบเสมือนสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจบุคคลที่นับถือศาสนาพุทธหรือตกอยู่ในความทุกข์ วัดก็จะเป็นที่พึ่งโดยใช้หลักธรรมะ คุณธรรมมาสั่งสอนเพื่อควบคุมคนในสังคมให้ปฏิบัติตนในทางที่ดี”
.
นางสาวปิยะนาฏ ปัญญาวุธ  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  รางวัล “ชมเชย” โครงการประกวดงานเขียน ธรรมวรรณศิลป์ ครั้งที่ ๗ หัวข้อ “วัดที่ฉันหวัง”

.

ผลงานความเรียง : อารามบนผืนพสุธา ดุจฟากฟ้าสุราลัย

.

วัด  คือ  คำเรียก ศาสนสถานของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย  ประเทศกัมพูชา  และประเทศลาว เป็นที่ประกอบศาสนกิจของพุทธศาสนิกชน  และเป็นที่อยู่ของภิกษุสามเณร  ปัจจุบันวัดไทยต่างจากวัดไทยในอดีตเป็นอย่างมาก  โดยจะเห็นได้จากกระแสข่าวด้านลบของพระพุทธศาสนาที่ออกมาบ่อยครั้ง

.

ทุกครั้งที่ดิฉันไปวัดเมื่อยังเป็นเด็ก  ดิฉันรู้สึกมีความสุขมาก  เพราะในวัดมีความร่มรื่น  อากาศเย็นสบาย  วัดบางที่มีสนามเด็กเล่น  และที่สำคัญคือการได้นั่งฟังธรรมะร่วมกับครอบครัว  นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดิฉันประทับใจ

.

เมื่อดิฉันโตขึ้น ดิฉันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงถึงสภาพสังคม  คนส่วนใหญ่ไม่เข้าวัดฟังธรรม อาจเป็นเพราะในปัจจุบันเราหันมาให้ความสำคัญกับการใช้แอพพลิเคชัน  หลายคนใช้แอพพลิเคชันในการส่งบทสวดมนต์  ส่งรูปภาพเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา  บางครั้งส่งในรูปแบบจดหมายลูกโซ่จนหลายคนเกิดความหลงเชื่อในทางที่ผิด  ส่วนการทำบุญก็โอนเงินผ่านธนาคาร เพราะ  สะดวกสบายไม่เสียเวลาเดินทาง  ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดวัดพาณิชย์ขึ้น  วัดพาณิชย์ที่ดิฉันพูดถึงนี่ดิฉันขอให้คำนิยามว่า เป็นการเห็นความสำคัญของเงินตรามากกว่าการทำบุญ  โดยไม่สนใจว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด  ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ  ด้วยสิ่งนี้ดิฉันจึงมีภาพ “ วัดที่ฉันหวัง ” ที่ดิฉันอยากได้  และอยากเห็นภาพในอีกไม่นาน

.

“ วัดที่ฉันหวัง ” คือ  ศาสนสถานที่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธี  และที่อยู่ของภิกษุสามเณรเท่านั้น  ดิฉันอยากให้มีการแบ่งเขตวัดออกเป็น ๒ เขต  คือส่วนของพุทธาวาส  และสังฆาวาสไว้อย่างชัดเจน  เพื่อไม่ให้ขัดกับพระวินัยของสงฆ์  ดิฉันอยากเห็นวัดเป็นทั้งหอประชุม กล่าวคือ  เป็นศูนย์กลางของการเจรจา  แลกเปลี่ยนความคิดของคนในชุมชน  เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนให้เจริญก้าวหน้า  ดิฉันอยากเห็นวัดเป็นศูนย์กลางของการศึกษา  ดังเช่นในอดีตที่ใช้ศาสนสถานเป็นโรงเรียนเป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนได้มีความรู้  เพื่อใช้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น  เมื่อประสบความสำเร็จเด็กและเยาวชนเหล่านี้ก็สามารถนำความรู้ที่ได้จากการศึกษามาแก้ไขปัญหาในชุมชนของตน  ให้มีการพัฒนาเพื่อความเจริญก้าวหน้าสืบไป  อยากเห็นวัดเป็นทั้งสวนสาธารณะ  และลานกีฬา  ภายในวัดมีความร่มรื่นของต้นไม้  ดอกไม้  สวนหย่อม  มีพุทธศาสนิกชนนั่งปฏิบัติธรรม  เดินจงกรม  ฝึกสมาธิ  อาทิ  วัดกันทรารมณ์  ตำบลดูน  อำเภอกันทรารมย์  วัดบ้านโดด  ตำบลโดด  อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ  วัดสระกำแพงใหญ่  ตำบลสระกำแพงใหญ่  อำเภออุทุมพรพิสัย  วัดเกียรติแก้วสามัคคี  ตำบลศรีแก้ว   อำเภอศรีรัตนะ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาคือวัดที่อยู่ในจังหวัดศรีสะเกษเป็นวัดในจังหวัดที่ดิฉันอาศัยอยู่  รายชื่อวัดทั้งหมดคือวัดที่มีผลการพัฒนาวัดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานวัดต้นแบบ ด้านการปกครอง  ด้านการเผยแผ่  และด้านสาธารณูปการ  ถือว่าเป็นวัดที่ไม่ได้ดังเป็นที่รู้จักกันมากมาย  แต่ดิฉันประทับใจในทัศนียภาพในบริเวณวัดเป็นอย่างมาก  รวมไปถึงความประทับใจในเรื่องข้อปฏิบัติภายในวัดเป็นอย่างยิ่ง  ดิฉันอยากเห็นวัดมีผืนหญ้าสีเขียวขจี  มองดูแล้วสบายตา  มากกว่าการที่พื้นที่ส่วนใหญ่ในบริเวณวัดเป็นคอนกรีต  อยากให้วัดเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงเกษตรตามแนวทางของการทำเกษตรทฤษฏีใหม่  ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนของพุทธศาสนิกชนที่สนใจ  โดยการดูแลแหล่งเรียนรู้ก็ให้เป็นการดูแลร่วมกันระหว่าง  บ้าน  วัด  โรงเรียน  หรือที่เรามักได้ยินบ่อยครั้งในคำว่า “ บวร ”  ซึ่งหมายถึง  การรวมตัวของหน่วยทางสังคมที่สำคัญที่สุด เพื่อความเจริญงอกงาม บ่งบอกถึงวัฒนธรรมอันจะเกิดจากความดีงามของคนทุกคนที่จะร่วมกันพัฒนาทั้งสามสิ่งไปพร้อมๆกันดังสุภาษิตที่ว่า   “วัดจะดีมีหลักฐานเพราะบ้านช่วย  บ้านจะสวยเพราะมีวัดดัดนิสัย   บ้านกับวัดผลัดกันช่วยก็อวยชัย  ถ้าขัดกันก็บรรลัยทั้งสองทาง” ดิฉันอยากเห็นวัดมีพิพิธภัณฑ์แสดงศิลปวัฒนธรรมของชุมชน  ประวัติความเป็นมาของวัด  เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมให้แก่ผู้ที่สนใจ  เด็กและเยาวชน  รวมไปถึงเป็นสถานที่ศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

.

นอกจากภาพวัดที่ฉันหวังทางด้านกายภาพที่ดิฉันอยากเห็นแล้ว  ดิฉันอยากเห็นภาพวัดที่ฉันหวังในด้านจิตใจทั้งในส่วนของภิกษุสามเณร  และพุทธศาสนิกชน  อยากเห็นภาพของพุทธศาสนิกชนนำวัฒนธรรมการแต่งกายเข้าวัดแบบดั้งเดิมมาใช้  คือ  ผู้ชายสวมกางเกงขายาวสุภาพ  และผู้หญิงนุ่งผ้าถุงหรือผ้าซิ่น  สวมเสื้อที่สุภาพ  ไม่แต่งกายล่อแหลม  อยากเห็นภาพของพุทธศาสนิกชนเข้าวัดทำบุญร่วมกันกับครอบครัว  เพื่อน  หรือคนรัก  โดยจะเห็นจากปัจจุบันหลายคนจะเข้าวัดทำบุญ  ปฏิบัติธรรม  เจริญภาวนาเฉพาะยามที่ตนมีเรื่องทุกข์ร้อน  หรือไม่สบายใจเท่านั้น  ดิฉันอยากเห็นภาพของภิกษุสามเณรตระหนักในพระวินัยอย่างเคร่งครัด  ปฏิบัติตามหลักจริยวัตรของสงฆ์  ซึ่งในปัจจุบันบางวัดมีภิกษุสามเณรที่รับสะเดาะเคราะห์  ซึ่งถือว่าคัดกับทางพระวินัย อยากให้ภิกษุสามเณรเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่พุทธศาสนิกชนและคนทั่วไป

.

วัดที่ดิฉันหวังไม่จำเป็นต้องเป็นวัดที่ใหญ่  มีผู้คนรู้จักอย่างแพร่หลาย  มีพุทธศาสนิกชนเข้ามาบริจาคเงินมากมาย  แต่เป็นวัดในรูปแบบของการทำบุญที่แท้จริง  ไม่มีการแทรกแซงจากหน่วยงานอื่น  ดิฉันขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและผู้ที่มีจิตศรัทธาทุกคนให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนา  ทั้งด้านการปกครอง  ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา  และด้านสาธารณูปการ  เพื่อดำรงรักษาไว้คู่ชาติไทยสืบไป  และนี่คือ “ วัดที่ฉันหวัง ”  ที่ดิฉันอยากให้เกิดขึ้นในชาติไทย

.

.

ติดตามบทความ และ กิจกรรม การอบรม #เขียนเปลี่ยนชีวิต ได้ที่ www.dhammaliterary.org