“ทุกอย่างที่ผมได้เลือก ได้ผ่าน ได้เรียนรู้ ล้วนเป็นคุณให้ผมก้าวจากก้าวหนึ่งมาสู่อีกก้าวหนึ่งได้อย่างมีคุณค่าเสมอ มาถึงตอนนี้ผมมองย้อนไป ก็ไม่มีอะไรที่ผมเสียใจกับการตัดสินใจที่ผ่านมาในชีวิต มีก็อยากขอโทษคนนั้นคนนี้ที่เราได้ทำร้ายเขา มากบ้างน้อยบ้าง หรือคนนั้นคนนี้ที่เราอาจจะทำร้ายในภายภาคหน้า ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพราะเรายังรู้ไม่แจ้งแทงไม่ตลอดนั่นเอง กล่าวคือว่ากันถึงที่สุด เราก็ยังถูกครอบงำด้วยอวิชชาของเรานั่นเอง คนรุ่นผมน่าจะพูดถึงการเลือกของเราได้อย่างภาคภูมิใจต่อสาธารณะ อย่างน้อยเราก็ได้ใช้ชีวิตของคนรุ่นเราเป็นเดิมพันเพื่อทดลองพิสูจน์อุดมการณ์หนึ่ง และเพื่อนรักในกลุ่มของเรา (ยุวชนสยาม) หลายคนก็ได้เสียชีวิตไปในการนี้ แม้อุดมการณ์นั้นจะล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ แต่การทดลองนั้นก็มีคุณค่า เมื่อผมคิดถึงประยุทธ์ สมพร ฤทธิชัย และคนอื่นๆ ที่ตายจากไปทีไร นอกจากผมจะอุทิศส่วนกุศลเท่าที่ผมเพียรสร้างมาให้เขาเหล่านั้นแล้ว ผมก็ได้บอกตัวเองว่า หน้าที่ของผมก็คือการทำให้การตายเหล่านั้นไม่เป็นหมัน ด้วยการรักษา “จินตนา บริสุทธิ์ ดุจสายลม” (มาจากเพลงประจำกลุ่มยุวชนสยาม) เอาไว้ แม้ผมจะไม่เชื่อในกรอบอุดมการณ์นั้นแล้วก็ตาม โดยหวังว่าความเจ็บปวดที่ตนเองและหมู่คณะได้ลุยผ่านมา จะทำให้เรามีปัญญาและกรุณามากขึ้น และไร้เดียงสาน้อยลงในการทำร้ายคนอื่นในนามของคุณงามความดี แต่ “ใครเลยจะรู้ได้” ในเมื่อเราท่านก็ยังไม่สามารถทะลุทะลวงม่านหมอกของอวิชชาได้เด็ดขาดจริงจัง การเกิดเป็นมนุษย์นั้นงดงาม การแสวงหาอย่างไม่ท้อถอยทำให้การเกิดนั้นสมค่า ความจริงใจต่ออุดมคติทำให้เราเคารพตนเองได้ แต่มนุษย์นั้นน่าสงสารเสมอ” เขียนโดย อ.ประชา หุตานุวัตร , 2548 เรียบเรียงจากข้อความส่งท้ายในต้นฉบับ “ความหลังครั้งยุวชนสยาม” ขออุทิศบุญกุศลจากคุณงามความดีที่สถาบันได้ดำเนินผ่านกิจกรรมต่างๆ กว่าสิบห้าปี… Continue reading คำกล่าวของ อ.ประชา จากความหลังครั้งยุวชนสยาม
Author: admin
สอนเด็ก เด็กต้องมีความสุข (สอนเด็กเขียน)
วิดีโอสัมภาษณ์ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ผู้สอนหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต และ #เขียนภาวนา ในรายการวิทยุ “ขบวนการ สว. สูงวัยต้องไปต่อ” วันที่ 14 มกราคม 2566 ตารางกิจกรรมโครงการ www.dhammaliterary.org/open-course/
ผลลัพธ์โครงการ “คุณให้เขา เราให้คุณ” ครั้งที่ 4
โครงการ “คุณให้เขา เราให้คุณ” ครั้งที่ 4 ขออนุโมทนาบุญผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านที่ได้บริจาคให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ผลจากการดำเนินโครงการครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมรวม 32 ท่าน ได้สนับสนุนการบริจาครวมทั้งหมด 14,736 บาท แก่ 17 องค์กรการกุศลในประเทศไทย เป็นรายนามดังนี้ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย, มูลนิธิออทิสติกไทย, มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก, มูลนิธิบ้านนกขมิ้น, มูลนิธิดวงประทีป, มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม, มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก, โครงการช่วยเหลือเด็กกำพร้า, มูลนิธิเด็ก, มูลนิธิเด็กโสสะ, มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย, มูลนิธิหมู่บ้านพลัม, มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ, สหทัยมูลนิธิ, มูลนิธิหลวงตาน้อย, กองทุนอาทรประชานาถ, มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านมา ณ ที่นี้ ขอให้บุญกุศลที่ได้ทำร่วมกันเป็นปัจจัยส่งเสริมชีวิตให้มีความก้าวหน้าในหนทางที่ดีงาม ด้วยสติปัญญาและความมุ่งหวังที่ดีต่อไป ดังรายชื่อต่อไปนี้ได้แก่ คุณทักษิณา เหล่าคนค้า, เสาวลักษณ์ พูนทรัพย์หิรัญ, มุทิตา สารพัฒน์, รัชฎาพร สุวรรณรัตน์, หฤทัย โชติสุระกัลยา, นงนุช ตันติประภาส, ภัทร์ฐิตา… Continue reading ผลลัพธ์โครงการ “คุณให้เขา เราให้คุณ” ครั้งที่ 4
จะออกจากความคิดที่ขังชีวิตคุณไว้อย่างไร
สิ่งที่คิดเป็นประจำ จะเป็นกรงขังเราไว้เอง : ความคิดและพฤติกรรมที่นำมาสู่ความสุขหรือความทุกข์ ล้มเหลวหรือสำเร็จ ต่างทำงานซ้ำๆ เป็นร่องวงจร วนไปเวียนมา ย่ำและย้ำเป็นความเคยชิน จนเราเองก็หลงลืมไปว่า เราไม่จำเป็นต้องคิดแบบนั้นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ เรามีวิธีคิดและทางเลือกมากมายในทุกสถานการณ์ แต่เราเลือกขังตัวเราไว้ด้วยวิธีคิดแบบเดิมๆ . 🤔 เราอาจเคยสงสัยว่าเหตุใด เราจึงผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก เจอเหตุการณ์หรือคนแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า บางความเห็นกล่าวว่าเป็น “กฎของกระจก” เราเจอสิ่งใดก็สะท้อนว่าสิ่งนั้นอยู่ในตัวเราหรือจิตเรามาก่อนแล้ว เราดึงดูดสิ่งต่างๆ เข้าหาตัวเอง แต่ที่จริงแล้ว เราก็ไม่ใช่หลุมดำหรือดาวเคราะห์ที่ดึงดูดทุกสิ่งโดยมีตัวตนเป็นศูนย์กลาง แต่เป็นหัวใจเราเองวนเวียน ย้ำคิด ย้ำทำ เลือกวิธีคิดแบบเดิม เลือกวิธีใช้ชีวิตแบบเดิม ปัญหาแบบเดิมก็ย่อมตามมา . ความรู้สึก นึก และคิด ก่อให้เกิดการกระทำทั้งภายในใจและในชีวิตของเรา เมื่อความรู้สึก นึก และคิด วนเวียนอยู่ในแบบเดิมๆ เราก็ย่อมขังตัวเองเอาไว้ในวงจรชีวิตแบบนั้น . สิ่งที่เป็นปัญหา มักไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เป็นวิธีคิดที่ไม่เหมาะสม ไม่ตอบโจทย์ และสร้างปัญหาขึ้นมา และยิ่งเราพยายามหาทางออกให้ชีวิต ด้วยวิธีคิดแบบเดิม คิดย้ำในทางเก่าๆ ก็มีแต่ยิ่งวนเวียนอยู่ในทางที่เราหลงทาง . เมื่อเรารู้ว่าเราหลงทางแล้ว… Continue reading จะออกจากความคิดที่ขังชีวิตคุณไว้อย่างไร
เขียนบำบัดผู้ต้องขังเรือนจำ เดือนที่ 2 / 2566
ห้องเรียนเดือนที่ 2 ในโครงการ “พัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด กลุ่มผู้ต้องขังแดนหญิงในเรือนจำสมุทรปราการ” เมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา . เดือนนี้เราได้ทบทวนประโยชน์จากการใช้บันทึกในช่วงระหว่างเดือนที่ไม่ได้อบรม รวมทั้งข้อดีของการเขียนบันทึกที่การพูดไม่มีหรือมีน้อยกว่า การเขียนอย่างไรให้สัมผัสหัวใจตนเองและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างทรงพลังจากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมา และการก้าวข้ามจากพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง . โจทย์ในการฝึกเขียนเล่าเรื่องในเดือนนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสุขและช่วงเวลาวัยเด็ก พร้อมทั้งได้เรียนรู้ความเหมือนความต่างในที่มาชีวิตของเพื่อนร่วมเรียนผ่านกิจกรรมข้ามเส้น ผู้เรียนหลายคนเริ่มเขียนมากขึ้นในครั้งนี้ และร้องไห้เมื่อนึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวและความทุกข์ในวัยเด็ก . โครงการของเราเป็นการต่อยอดจากกิจกรรมเมื่อปี พ.ศ. 2558 ที่ทางเราได้ทำกับกลุ่มผู้ต้องขังแดนหญิงเป็นเวลากว่าหนึ่งปี เพื่อพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาในกลุ่มผู้ต้องขังใหม่ที่กว้างขึ้น ใช้การเขียนบันทึกบนพื้นฐานการเขียนบำบัดเป็นเพื่อนช่วยบ่มเพาะปัญญา ทัศนคติ และมุมมองที่เหมาะสมต่อการมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งในช่วงต้องขังและพ้นโทษ . เป็นการส่งเสริมธรรมะในแนวทางของธรรมวรรณศิลป์และกิจกรรมทางจิตตปัญญา โดยไม่ได้ใช้การฟังเทศน์หรือการบรรยายเป็นจุดสำคัญ . กิจกรรมโครงการในครั้งนี้มีทั้งหมด 9 เดือน รวม 12 วัน มาร่วมติดตามการเดินทางของโครงการและผู้เข้าร่วมอบรม ทางเพจ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ และเว็บไซต์ของเรา . สนใจเข้าร่วมอบรม #เขียนเปลี่ยนชีวิต #รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์ #ห้องเรียน #พลังแห่งจิต www.dhammaliterary.org/open-course/
การเริ่มสอนเด็ก (และ สว.) วาดเขียนเพื่อพัฒนาตัวเอง
วิดีโอสัมภาษณ์ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ผู้สอนหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต และ #เขียนภาวนา ในรายการวิทยุ “ขบวนการ สว. สูงวัยต้องไปต่อ” วันที่ 14 มกราคม 2566 ตารางกิจกรรมโครงการ www.dhammaliterary.org/open-course/
ประโยชน์ของการเขียนด้วยมือ เพื่อพัฒนาเด็กและผู้สูงวัย
วิดีโอสัมภาษณ์ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ผู้สอนหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต และ #เขียนภาวนา ในรายการวิทยุ “ขบวนการ สว. สูงวัยต้องไปต่อ” วันที่ 14 มกราคม 2566 ตารางกิจกรรมโครงการ www.dhammaliterary.org/open-course/
ปีใหม่ไทย เริ่มต้นใหม่ ดั่งผีเสื้อ
🦋 “ไม่มีผีเสื้อตนใดที่บินมาตั้งแต่เกิด การเริ่มต้นย่อมพบเจอความยากลำบาก หนอนผีเสื้อส่วนหนึ่งต้องคืบคลานเกือบนานถึงครึ่งค่อนอายุขัย กว่าจะติดปีกบินได้ อยู่กับความเชื่องช้าและขีดจำกัดในตนเอง จนวันหนึ่งเป็นอิสระจากสิ่งเหล่านั้น . ก้าวแรกของความสำเร็จ อยู่ที่เราให้เวลากับช่วงเริ่มต้นอันเชื่องช้าได้มากเท่าใด หากเราเร่งร้อนและหวังผลเกินไป แต่ไม่สามารถทำได้ดังหวัง เฉกเช่นเป็นหนอนผีเสื้อแต่อยากวิ่งเร็วเหมือนตั๊กแตน เราย่อมไม่อาจมีความสุขและเห็นคุณค่าของการเริ่มต้นทำสิ่งใดได้เลย . 🐛 หนอนแก้วน้อยให้เวลากับการคืบคลาน เริ่มต้นอย่างเชื่องช้า งุ่นง่าน ดูแสนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ คนอาจดูแคลน ใครบางคนอาจสงสัย แต่ชีวิตอันธรรมดาจะติดปีกได้ก็ต้องอาศัยความอดทนเช่นนี้ . เพราะหนอนผีเสื้อเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเองเป็นและทำ แม้มันอาจไม่เห็นปีกของตนเองในตอนนั้นอย่างชัดเจน มันก็ไม่เคยหยุดที่จะมีชีวิตและเริ่มต้น ปีกของเราแต่ละคนซ่อนอยู่ข้างใน มันต้องมีพื้นที่และเวลาที่จะกางปีกนั้นออกมา” ⭐️ บทความนี้ตัดทอนจากงานเขียน “5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนแรก)” ในคอลัมน์ ไกด์โลกจิต ประจำปี 2560 โดยครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ 🧘♀️ อ่านบทความคอลัมน์ไกด์โลกจิต : www.dhammaliterary.org/คอลัมน์-ไกด์โลกจิต/ 🔍 สามารถสนับสนุนกิจกรรมและบทความ ผ่านการเข้าร่วมคอร์สของเรา www.dhammaliterary.org/คอร์สการอบรม/ 📒… Continue reading ปีใหม่ไทย เริ่มต้นใหม่ ดั่งผีเสื้อ
พักจาก 6 อย่างนี้ แล้วเราจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง !
พักจาก 6 อย่างนี้ แล้วเราจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ! พักจากความอยาก : หากเราไม่ได้พักตนเองจากความอยากแล้ว เมื่อถึงเวลาว่างมันก็จะลากพาเราไปเรื่อยๆ จนไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง มันอาจชวนเราไปทำอย่างโน้น ไปทำอย่างนี้ ตามความอยาก ความน่าสนใจ ความเร้าแก่อารมณ์ ฯ ทำให้เราไม่ได้หยุดนิ่งเพื่อดูแลตนเองอย่างแท้จริง แต่ได้ไปดูแลความอยากแทน ซึ่งมักลงเอยด้วยความเหนื่อย ความป่วย หรือความเมามายขาดสติ . พักจากการกังวลถึงอนาคต : สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันหน้ายังไม่มีอยู่จริง แต่ความกลัว ความวิตก และความสงสัยก็จะทำให้กายจิตเราไม่ได้ผ่อนพัก เพราะต้องคอยคิดคำนึงวางแผนต่างๆ นานา และคาดเดาคาดคะเน จนความคิดวุ่นวายไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน เราก็ไม่สามารถพักผ่อนอย่างเต็มที่ได้ . พักจากการอาลัยสิ่งที่ล่วงเลย : ไม่มีใครที่ฝืนกระแสความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งได้ ยิ่งหวนหาอยากให้กลับคืน ยิ่งทำให้ชีวิตและสิ่งที่มีอยู่สูญเสียไปทีละน้อย ความคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วอย่างขาดสติทำให้จิตเหนื่อยล้า การคิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วอย่างไม่ก่อประโยชน์ มีแต่ทำให้จิตเศร้าโศกและหม่นหมองลง เราจึงลืมดูแลสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน . พักจากการสอดส่องและแบกรับ : เราไม่อาจแบกทุกอย่างไว้ที่ตนเองได้ การพยายามรับผิดชอบสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป ทำให้เราบีบคั้นตนเองทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ บางครั้งเราก็เอาเวลาในการดูแลตนเองไปสอดส่องกับเรื่องราวของคนอื่น ไปยุ่งเกี่ยวอย่างไม่เกิดประโยชน์… Continue reading พักจาก 6 อย่างนี้ แล้วเราจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง !
จบการอบรม เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 54
เปลี่ยนการเขียนเป็นประตูสู่การรู้จักตัวเองในด้านที่หลากหลายและเป็นเพื่อนดูแลจิตใจ กับหลักสูตร “เขียนเปลี่ยนชีวิต” รุ่นที่ 54 (สี่วัน-เสาร์อาทิตย์) เมื่อวันที่ 11-12 และ 18-19 มีนาคม 2566 ด้วยศาสตร์การเขียนบำบัด รู้จักตนเอง และการก้าวข้ามจากพื้นที่ปลอดภัยหรือข้ามขอบ “ได้รับของขวัญให้กับตนเองค่ะ คือ มีความชัดเจนให้กับคำตอบ ความหมาย และเป้าหมายของชีวิต ว่าที่เคยตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นคือ การเลือกเดินหาเป้าหมายของเราอยู่แล้วเพียงแต่ใช้เส้นทางไหน” – ผิง “เป็นเวลาแห่งการทบทวนตัวเอง มองตัวเองในมุมต่างๆ หลายๆมุม ตามที่ทาง workshop ชี้แนะ ทำให้เห็นตัวเองในมุมต่างๆกัน เห็นความต้องการ ความรู้สึกของตัวเองชัดขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้เท่าทันตัวเอง ตั้งใจจะฝึกตามที่ทาง course ชี้แนะในชีวิตประจำวันเพื่อให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้เท่าทันตัวเองเวลาเผชิญสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน” – ดล ขอขอบคุณผู้เรียนที่ร่วมกันเขียน ใคร่ครวญ และแบ่งปัน เติมเต็มมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับตัวตนและแนวทางชีวิต และร่วมสนับสนุนโครงการของเรา ???? ขอขอบคุณโรงแรมรอยัล ริเวอร์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 66/1 ที่สนับสนุนการอบรมในครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี พนักงานที่นี่ช่วยเหลือดูแลในส่วนต่างๆ… Continue reading จบการอบรม เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 54