จบการอบรม “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” รุ่นที่ 9

  ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมการอบรม 54 ท่าน ในการอบรม “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 19-20 และ 26-27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 19.30 น. ถึง 21.30 น. รวมสี่คืน และได้ร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้รับส่งท้าย อาทิ   “รู้สึกเป็นมิตรกับด้านมืดของตนเองและสะท้อนในคนอื่น” “รู้สึกเข้าใจตัวเองมากขึ้น ยอมรับและยินดีในสิ่งที่ตัวเองเป็น” “ได้เข้าใจต้นรากของความทุกข์ในใจ ว่าเกิดจากความกลัว ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ยอมรับด้านมืดของตัวเองได้” “เข้าใจด้านมืดของตัวเอง และให้เรียนรู้อยู่กับด้านมืดอย่างเข้าใจ” “รู้สึกดี เข้าใจตัวเองมากขึ้น เมตตาตัวเองมากขึ้น และเข้าใจผู้อื่นด้วย” “รู้สึกโล่งเบา เป็นมิตรกับตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น” “รู้สึกได้รู้จักเจ้าเด็กตัวจริงภายในมากขึ้น” “ได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นเยอะมากๆ และมองด้านมืดในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” “หายเหงา การกดดันและไม่ชอบตัวเองลดลง” “เข้าใจด้านมืดในตัวเองมากขึ้น” “เข้าใจด้านมืด ความกลัวลึกๆ ของตัวเองมากขึ้น และได้โอบกอดหนูน้อยในตัวเอง อยู่ร่วมกับพวกเขาได้อย่างเข้าอกเข้าใจมากขึ้น” “ได้เห็นและทำความเข้าใจด้านมืดด้านสว่างในตัวเองชัดเจนขึ้น และจะนำไปต่อยอดในการพัฒนาการรักแบบไร้เงื่อนไขต่อไป เพื่อการเติบโตไปพร้อมกับเด็กน้อยในใจเรา” “รู้สึกดีที่ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรม… Continue reading จบการอบรม “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” รุ่นที่ 9

ไม่ต้องหาเวลาดูแลตัวเอง อยู่ตรงนี้กับตัวเอง เธอก็มีเวลา

  “ไม่ต้องหาเวลาดูแลตัวเอง อยู่ตรงนี้กับตัวเอง เธอก็มีเวลา “ไม่ต้องหาเวลาดูแลใคร อยู่ตรงนี้กับกายใจ เธอก็มีเวลาดูแลทุกคน” . . “อย่าพยายามทำอะไร เพื่อมีโมงยามมากขึ้น ยิ่งอยากมี ยิ่งสูญเสียมันไป นั่งตรงนี้ก่อน หายใจให้มากพอ เธอจะเห็นเวลาที่แท้จริง” . . 📖 ส่วนหนึ่งของคอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” ตอนที่ 43 โดย ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ www.dhammaliterary.org/บทภาวนาอนัตตา43/ . … เพียงกลับมามีสติอยู่กับลมหายใจ ทำความรู้สึกตัวที่กายใจในปัจจุบัน เมื่อนั้นเราก็มีเวลาดูแลตัวเองแล้ว ถ้าเราไม่กลับมาอยู่กับตัวเอง เราก็ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เพียงกลับมามีสติ คุ้มครองตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจตนเอง เราก็กลับมาดูแลตัวเองแล้ว โดยไม่ต้องหาเวลาหรือแบ่งเวลา … ผู้คุ้มครอง “ทวารทั้งหก” นี้ได้ เป็นผู้มีสติอยู่กับกายใจตนอยู่เป็นนิจ ผู้นั้นก็เท่ากับว่าได้คุ้มครองทั้งตนเองและผู้อื่น เพราะสิ่งต่างๆ ที่เรากระทำทั้งทางกาย วาจา และใจ ก็จะเป็นไปในทางกุศลหรือเป็นประโยชน์ทั้งตนและคนอื่น… Continue reading ไม่ต้องหาเวลาดูแลตัวเอง อยู่ตรงนี้กับตัวเอง เธอก็มีเวลา

สิ่งที่ได้รับจากการอบรม “เขียนภาวนา รุ่นที่ 16”

  การเขียนภาวนาสอนอะไรแก่ฉันบ้าง ?   “สอนให้มีสติมากขึ้น และเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ที่้เราสามารถค้นหาคำตอบจากคำถามได้จากการเขียน” “สอนให้มีสติอยู่กับสิ่งที่ทำ รู้เท่าทันความคิด ให้รู้จักระงับใจตัวเอง” “เห็นทุกข์ที่เก็บไว้มานาน และสุขที่เกิดได้จากความสงบ แม้เพียงไม่กี่นาทีถ้าเราเลือกและลงมือทำด้วยความรู้ตัว” “สอนให้ช้าลง ให้โฟกัส สอนให้ไม่ฟุ้งซ่าน ดีดเด้งความรู้สึกไปมาแบบไร้ทิศทาง” “สอนให้ช้าลง ให้หยุด การยอม ให้พอ ให้เริ่มใหม่ ให้ไปต่อทีละนิด เห็นความคิด เห็นกิเลส” “สอนให้มีสติ สมาธิมากขึ้นในแต่ละขณะ เป็นการส่งเสริมการนั่งสมาธิให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น การเขียนภาวนาที่เป็นการบ้านระหว่างสัปดาห์ ช่วยให้เขียนแบบมีสติ ระลึกรู้ปัจจุบัน ไม่หลงไปกับความเพลินในการเขียน กลับมาอยู่กับลมหายใจ เมื่อเรานั่งสมาธิ ทำให้จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน รู้เท่าทันตนเองมากขึ้น รวมถึงการเปิดไพ่ต่างๆยังช่วยสะกิดเตือนให้เรามองเหตุการณ์ต่างๆในอีกมุมหนึ่ง ทำให้มีอุเบกขากับเรื่องนั้นได้ดีขึ้น” “การเรียนเขียนภาวนาครั้งนี้ ทำให้ได้กลับมาใช้เวลา ดึงความสนใจออกจากความทุกข์ ความสับสน และทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตช่วงนี้ ได้ทบทวน ทำความเข้าใจตัวเอง จากการเขียนและการภาวนาไปพร้อม ๆ กัน อย่างมีสติและผ่อนคลายมากขึ้น” “สอนให้เห็นถึงความสำคัญของการกำหนดจุดปักใจเพียงหนึ่งเดียวที่ลมหายใจ การนิ่ง สงบ เมื่อใดก็ตามที่เผลอไปคิด ก็ขัดใจแล้วกลับมาจุดปักใจเดิมซ้ำ ๆ… Continue reading สิ่งที่ได้รับจากการอบรม “เขียนภาวนา รุ่นที่ 16”

กำจัดฝุ่นภายใน ต้องขัดใจตัวเอง

  “กำจัดฝุ่นภายใน ต้องขัดใจตัวเอง” #คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต   ปัญหาฝุ่นและมลภาวะทางอากาศกำลังบั่นทอนชีวิตของคนไทยและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้ผู้เขียนบทความของคอลัมน์นี้ก็ได้รับกรรมร่วมเช่นเดียวกัน แต่ในช่วงที่ป่วยจากฝุ่น PM 2.5 ผมแลเห็นว่าเขาก็เป็นครูสอนปริศนาธรรมกับเราด้วย เพราะนอกจากฝุ่นที่อยู่ภายนอกกายแล้ว ก็มีฝุ่นอีกแบบที่อยู่ภายในจิตใจของเราเอง ที่เป็นมลภาวะบั่นทอนชีวิตของเราอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน และทั้งสองฝุ่นนี้ต่างมีจุดร่วมของการก่อกำเนิดและการกำจัดที่น่าสนใจ ฝุ่นภายในที่กล่าวถึง ซึ่งเรียกว่า “นิวรณ์” เปรียบเสมือนเมฆหมอกที่บดบังปัญญาและแสงสว่างภายในตัวเรา อีกทั้งยังทำให้จิตใจไม่สงบ เครียดง่าย มีใจที่ป่วยอ่อนแรง ขาดพลังในการทำสิ่งต่างๆ ได้ง่าย เหมือนกับฝุ่นในอากาศที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ทำให้เครียดในการใช้ชีวิต และพาให้จิตใจเศร้าหมองไปด้วย นิวรณ์ แบ่งออกเป็น 5 อย่างคือ 1. กามฉันทะ – เป็นอาการของใจที่พยายามกอดรัดสิ่งที่ชอบใจ อาทิ ความเพลิดเพลิน ความพอใจ และความคาดหวังในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และความรู้สึก 2. พยาบาท – เป็นอาการของใจที่พยายามผลักไสบางสิ่งบางอย่าง เช่น ความโกรธ ความไม่พอใจ ความหงุดหงิดรำคาญ และการคิดร้ายต่างๆ นานา… Continue reading กำจัดฝุ่นภายใน ต้องขัดใจตัวเอง

เปิดรับสมัคร ! โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน รุ่นที่ 9

  เรียนรู้ที่จะรักและยอมรับทุกส่วนของตัวเอง เพื่อมีความสุขในชีวิตและเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง   ” โ อ บ ก อ ด ด้ า น มื ด แ ห่ ง ตั ว ต น ” ครั้งที่ 9   🌘 สำรวจด้านมืดภายในจิตใจ เจาะลึกความรู้สึกที่ซ่อนเร้น และกระเทาะเปลือกแห่งตัวตน ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ 4 คืนพุธ-พฤหัสบดีทาง Zoom ค่าลงทะเบียนเพียง 590 บาท และรับฟรี ! คลิปเสียงสมาธิโปรแกรมจิต เพื่อต่อยอดการโอบกอดตนเองจากในคาบเรียน ⏰ วันที่ 19-20 และ 26-27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 19.30 น. ถึง 21.30 น.… Continue reading เปิดรับสมัคร ! โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน รุ่นที่ 9

ชอบปกสมุดแบบใดใน 5 อันดับนี้

  ชอบปกสมุดแบบใดใน 5 อันดับนี้ ? ทางเรากำลังจะจัดพิมพ์สมุดบันทึกการเขียนบำบัดและใคร่ครวญตน เพื่อแจกให้กับโรงเรียน โรงพยาบาล และเรือนจำ และเพื่อจำหน่ายส่วนหนึ่งเป็นทุนในการจัดกิจกรรมการกุศล โดยผลโหวตจากศิษย์เก่าและผู้เข้าร่วมกิจกรรม สถาบันธรรมวรรณศิลป์ จำนวน 195 ท่าน เมื่อวันที่ 17 – 19 มกราคม จากตัวเลือก 12 แบบ ได้ห้าอันดับแรกตามภาพ 🤗 ชื่นชมชอบปกอันดับไหนก็แชร์ความคิดเห็นได้ในคอมเมนต์หรือหลังไมค์ ✅ โดยปกจริงจะมีการปรับเปลี่ยนเพ เรากำลังเร่งตรวจต้นฉบับและจะจัดพิมพ์ในช่วงเดือนกุมภาพันนี้ โดยมี 36 แบบฝึกหัดการเขียนบำบัด พร้อมหัวข้ออุ่นเครื่องและเนื้อหาคำแนะนำ พิมพ์สีทั้งเล่ม 144 หน้า เพื่อมอบความรู้สึกที่ดีแก่ผู้เขียนบันทึกและเป็นพลังใจในการปลดปล่อยชีวิตจากความทุกข์และสิ่งรบกวนใจ 🌼🌈☘️ การพิมพ์สมุดเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการกุศลของ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ โดยครูโอเล่ อนุรักษ์ เม่นหรุ่ม ซึ่งไม่รับทุนสนับสนุนจากองค์กรใด แต่ใช้ทุนจากการจัดการอบรมแ การจำหน่ายสื่อ และการสนับสนุนของคนตัวเล็กในสังคมผ่านกิจกรรมต่างๆ ติดตามสมุดเล่มนี้และกิจกรรมดีๆ ของเราได้ที่เพจเฟสบุ๊ค หรือไลน์ @khianpianchiwit 🦋   ตารางกิจกรรม

ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต

  …นอนตากฉี่จักจั่นดั่งละอองน้ำค้างยามบ่าย มองแสงแดดรำไรผ่านกิ่งไม้ใบไม้และก้อนเมฆเลื่อนลอย ทอดกายใจกับสายลมพัดผ่านในพื้นที่โล่งกว้าง พร้อมอ่านหนังสือไปด้วย ครึ้มอกครึ่มใจก็ลงแรงขุดคูข้างๆ พรวนดินและแต่งสวน ดูแลสิ่งต่างๆ ทั้งในและบริเวณรอบแปลงผักนั้นเสมือนโลกใบที่สาม โดยมีบ้านเป็นโลกใบแรก และห้องสมุดเป็นโลกที่สอง กลายเป็นว่าวิชาที่ชอบน้อยที่สุดกลับเปลี่ยนชีวิตของผมไป ทำให้ฝันถึงการมีสวน ที่ดิน และการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นมา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณคือความยากจนที่ทำให้ไม่ได้เรียนพิเศษเหมือนเพื่อนๆ ซึ่งเรียนกันเกือบทุกคน ระหว่างที่เขากำลังคลุกคลีในห้องเรียน ผมก็มานอนข้างแปลงผักหรือทำอะไรไปเรื่อยเปื่อยตรงนั้นตั้งแต่ช่วงสาย เพื่อนที่ทำแปลงผักด้วยกันเมื่อเรียนเสร็จประมาณช่วงบ่ายก็จะมารวมตัวกันกับผม …โครงงานวิชาเกษตรทำให้ชีวิตจากที่เหี่ยวแห้งอย่างมากในการเป็นเด็กเรียน เรียบร้อย ทำตัวดี คลุกคลีในห้องสมุด ได้พบสีสันแห่งความสุขใหม่ๆ เช่นเดียวกันกับการเจอเพื่อนช่วงชั้นมัธยม ซึ่งต่างมีบุคลิกแตกต่างจากผมมาก และอาจจัดอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่เด็กเรียนไม่ควรคบหา เพราะพาไปพบทั้งการโดดเรียน การวิวาทต่อยตี เหล้าสุรา และเรื่องนอกคอกทั้งหลาย แต่พวกเขากลับทำให้ผมเห็นโลกที่มากกว่าในห้องเรียน และทำให้ตระหนักได้อย่างหนึ่งว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กดีเรียนเด่นก็มีความสุขได้ หลังคบหาเพื่อนใหม่ เกรดเฉลี่ยค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นเด็กคะแนนปานกลาง บางครั้งก็ได้คะแนนอยู่อันดับรั้งท้ายของห้องคิงห้องควีน แต่ปริมาณความสุขในชีวิตค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น แม้จะไม่ถึงขนาดร่าเริงแจ่มใส เก็บกดก็มากอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าโลกนี้ยังมีสิ่งที่ดีให้ค้นหา แม้จะเป็นกลุ่มเด็กเกเรอย่างไรก็ตาม แต่เมื่อผมลำบากเรื่องเงิน พวกเขาก็เคยช่วยเหลือ ในขณะที่โรงเรียนพยายามให้เด็กเรียน อยู่กับเด็กเรียนด้วยกันมากกว่า จึงจับแยกมาอยู่ห้องต้นๆ นำพวกเด็กเกเรไปกองอยู่รวมกันในห้องท้ายๆ เพราะไม่อยากให้เด็กพวกหนึ่งฉุดรั้งเด็กอีกพวกหนึ่ง และโรงเรียนสามารถเลือกสอนสิ่งยากๆ… Continue reading ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต

ผลลัพธ์จากการเข้าร่วม Journal & Inner guide “ผู้นำทาง”

  หลักสูตรเริ่มต้นปีใหม่ของ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ปีที่ 17 ได้ต้อนรับทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่ร่วมเรียนรู้ในหัวข้อ Journal & Inner guide “ผู้นำทาง” เมื่อคืนวันที่ 11 – 13 มกราคม 2568 โดยมีผู้เรียนทั้งหมด 49 ท่าน กิจกรรมนี้เป็นการเชื่อมโยงกับปัญญาภายในและจิตใต้สำนึก ผ่านกระบวนการเขียน Self-Reflection ร่วมกับเทคนิคการโปรแกรมจิตตัวเอง การทำงานกับความฝันและสัญลักษณ์จากใต้สำนึก เพื่อทบทวนสัญญาณชีวิตและร่างกาย   … ผลลัพธ์จากการเข้าร่วมกิจกรรม …   “เหมือนได้รับรู้ ความรู้สึกร่างกายตนเอง ที่สะสมเรื่องราวต่างไปไว้” “ได้คำตอบที่เราค้นหาไว้ และได้กล้าที่จะทำ เหมือนมีอีกคนข้างในบอกว่าเราทำได้ “รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ คำตอบอยู่ในภายในตัวเราเสมอ มีความชัดเจน มองเห็นปัญหา อุปสรรค และแนวทางเผชิญอย่างชัดขึ้น” “ระหว่างเขียนมีความลังเลสงสัย หลังเขียนแปลกใจที่เขียนลื่นไหล หลักจากนั้นฉุกนึกได้ว่า มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เรารู้และเราไม่กล้าทำ ได้ทบทวนสิ่งที่ต้องฝึกและทำเพิ่มขึ้น” “เขียนแล้วรู้สึกเห็นใจในร่างกายเพราะร่างกายฟ้องทุกส่วน เขียนแล้วฉุกนึกสาเหตุแห่งความเจ็บปวดและต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง” “รู้สึกว่าตา และหู ให้ละในสิ่งที่ไม่จำเป็น อย่าเก็บเข้ามาทั้งหมด… Continue reading ผลลัพธ์จากการเข้าร่วม Journal & Inner guide “ผู้นำทาง”

บริจาคเนื่องในวันเด็ก ประจำปี 2568

  เนื่องในวันเด็กปีนี้ทางเราได้บริจาคสนับสนุนกิจกรรมให้แก่มูลนิธิสองแห่ง ได้แก่ “มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก” จำนวน 5,000 บาท พร้อมหนังสือ ดังนั้นจึงเป็นครู (เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา)และ “มูลนิธิเด็ก” จำนวน 5,000 บาท โดยเป็นทุนจากการหลักสูตรการเรียนรู้ของเราที่ผ่านมา โดยครั้งนี้เราก็ได้ใช้เวลารับฟัง เรียนรู้ และเดินดูศูนย์เกษตรของบ้านสร้างสรรค์เด็ก ที่ๆ เราเคยมาบริจาคหนังสือและทุนทรัพย์ประมาณสองปีก่อน ซึ่งสถานที่แห่งนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงเพื่อจะใช้เพื่อรองรับเด็กๆ ที่จะย้ายมาอยู่ประจำในปีการศึกษา 2569 ท่านใดสนใจมาเยี่ยมเยียน รับผลไม้ฟรีปลอดสารพิษ หรือสนับสนุนมูลนิธิบ้านสร้างสรรค์เด็กก็สามารถมาได้ที่ 27 หมู่10 ต. ลาดสวาย อ. ลำลูกกา จ. ปทุธานี 12150 (บ้านสร้างสรรค์เด็ก) หรือที่ศูนย์หลักสี่ 100/475 ซ.แจ้งวัฒนะ 10 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 (มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก) ติดตามกิจกรรมการเรียนรู้ดีๆ ของเราเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการกุศลได้ที่ไลน์ @khianpianchiwit และ dhammaliterary.org/open-course/  

การเขียนภาวนา : เส้นทางสู่การเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างปล่อยวาง

  🕯️ การเขียนภาวนา : เส้นทางสู่การเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างปล่อยวาง   🪴 ผลการศึกษา โครงการวิจัย “การเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านการเขียนภาวนา” ปี พ.ศ. 2565-2567 โดยครูโอเล่และทีมอาสาสมัคร พบว่า การเขียนภาวนาอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มการเห็นคุณค่าในตัวเองได้อย่างมีนัยสำคัญ ผู้เข้าร่วมเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนมุมมองจากการพึ่งพาปัจจัยภายนอก เช่น การยอมรับจากสังคม สู่การค้นพบคุณค่าภายใน ผ่านการสะท้อนความคิด การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ และการปล่อยวางความกลัวหรือคำตัดสิน นอกจากนี้ การเขียนภาวนายังช่วยสร้างวินัยทางใจ เพิ่มสติ และพัฒนาความมั่นคงทางอารมณ์ พร้อมทั้งเข้าใจธรรมชาติของชีวิตมากขึ้น เช่น ความสุขและทุกข์ที่เกิดขึ้นและดับไป ผลลัพธ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การเขียนภาวนาไม่เพียงเป็นการฝึกฝนเชิงปฏิบัติ แต่ยังเป็นกระบวนการที่ช่วยเปลี่ยนแปลงภายในอย่างลึกซึ้ง 📖 อ่านรายงานการศึกษา : www.dhammaliterary.org/selfesteem-writingmeditation2567/ . 🦋 อบรม “เขียนภาวนา” รุ่นที่ 16 🦋 🧘‍♂️ เรียนการทำสมาธิเพื่อปล่อยวาง เพื่อละวางตัวตนและขจัดกิเลส วันที่: 18 ม.ค. – 9 ก.พ. 2568 (8… Continue reading การเขียนภาวนา : เส้นทางสู่การเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างปล่อยวาง