8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)

        8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)     ในลมหายใจนี้มีแม่อยู่เสมอ เมื่อเราหันหลับมาให้สิ่งที่ดีแก่หัวใจตนเอง หัวใจของแม่ก็ได้รับด้วยเช่นกัน เมื่อใดที่เรารู้รักตัวเองอย่างแท้จริง เมื่อนั้นเรากำลังแสดงความกตัญญูและรักแก่แม่เราด้วย เมื่อใดก็ตามที่จิตใส่ใจลมหายใจ เรากำลังให้ความเคารพกับชีวิตที่เราได้รับมา ร่างกายนี้ส่วนหนึ่งเดินทางมาจากท่าน เราทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวของกันอยู่เสมอ ไม่ว่าท่านอยู่ไกลจากเราเพียงไหน หรือกำแพงหนึ่งใดกั้นใจของเราเป็นบางคราวก็ตาม . การระลึกถึงพระคุณแม่นั้น มิใช่เพียงให้เราได้แสดงความรักและความเคารพเท่านั้น แต่เพื่อให้เราตั้งใจน้อมนำสิ่งที่ดีแบบท่าน ซึ่งซ่อนอยู่ในตัวเราด้วยเช่นกัน ทำให้ได้ดั่งท่าน และน้อมนำมาเป็นแบบอย่าง . มิว่าเราเป็นชายหรือหญิง คุณสมบัติและคุณค่าที่ดีในความเป็นแม่ ต่างเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว เมื่อใดที่เราเพาะบ่มเมล็ดเหล่านี้และปลูกมันลงบนแผ่นดินของชีวิต เรากำลังทำหน้าที่ลูกด้วยการนำของขวัญที่ดีที่สุดจากแม่ มอบให้แก่ตนเองและผู้คนรอบข้าง . บทความนี้เป็นตอนแรกของหัวข้อ คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” ผู้อ่านคนใดต้องการแลกเปลี่ยนข้อคิดและความรู้สึกอื่นๆ นอกเหนือจากเนื้อหาดังต่อไปนี้ สามารถแบ่งปันกันได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . . 1 เราทุกคนคือผู้ให้กำเนิด ผู้มอบของขวัญแก่โลกใบนี้ : พระคุณของแม่ที่ล้ำค่าที่สุดอย่างหนึ่งคือการมอบโอกาสให้เรามีลมหายใจบนโลก ให้กำเนิดเด็กน้อยคนนี้ย่างก้าวบนผืนแผ่นดินเพื่อมอบดอกไม้นานาคืนแก่ผืนดินเกิดในวันข้างหน้า . ในความเป็นแม่นั้นมีพลังสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นเหมือนศิลปินที่วาดตัวเราขึ้นมา ดุจงานศิลป์ที่มีสีสันหลากหลาย ความสร้างสรรค์นี้เองก็มีอยู่ในตัวลูกเช่นกัน… Continue reading 8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)

ฉันกับเขียนข้ามขอบ… บทเรียน #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๒๒

      ฉันกับเขียนข้ามขอบ… บทเรียน #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๒๒   บทเรียนและบันทึกประสบการณ์การอบรม “เขียนข้ามขอบ” ในหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๒๒ (workshop สองวัน) โดย ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ www.dhammaliterary.org          

5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนที่สอง)

    5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต #ไม่ต้องเข้าคอร์สหรูก็รู้ได้ (ตอนที่สอง) หนทางไม่เคยมืดมน ยกเว้นเราจะ “ปิดตา” ตนเสียเอง เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับเมล็ดพันธุ์หรือศักยภาพที่ไม่จำกัด ยกเว้นเราจะ “ปิดกั้น” ตนไว้ด้วยความเชื่อว่า …ฉันทำไม่ได้… หรือ …ฉันเป็นแค่… . เมื่อเรา “ปิดใจ” ต่อตัวเอง ปีกที่ซ่อนอยู่ในตัวเราก็ไร้โอกาสได้กางออก เราจึงรู้สึกว่าชีวิตไม่มีหนทางเลือกเอาเสียเลย ทั้งที่เราเป็นผู้เลือกหันหลังให้ . เราอาจมีวันสับสน แต่ไม่มีวันอับจน ตราบใดใจไม่ “ปิดประตู” ทางออกไว้ด้วยการคิดและความเชื่อที่เฝ้าย้ำตอกตำชีวิตจนตรอก ทางออกอยู่ที่ใจเราเสมอ อำนาจวิเศษและการอบรมสะกดจิตใดใด เพียงชี้ทางหวนกลับมาที่ใจของเรา . อย่า “ปิดบัง” ตัวเองจากความจริง และสิ่งที่เราทำได้แม้ไม่สมบูรณ์แบบ ด้วยการตัดสินและการคาดคั้น ให้ชีวิตเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้เราหายใจและกางปีกของตนออกได้ อยู่อย่างไรจึงมีความหมายโดยไม่ต้องมีเงื่อนไข มิใช่ให้ชีวิตคือพื้นที่ “ปิดฉาก” ลมหายใจด้วยข้อผูกรัดที่เราคล้องหัวใจตนเอง . บทความนี้นำเสนอต่อเนื่องอีกสองข้อสุดท้ายจากตอนที่ผ่านมา เป็นข้อคิดเพื่อการเปลี่ยนความเชื่อและความคิด เพื่อเปลี่ยนชีวิตของเรา ผ่านส่วนหนึ่งของแก่นความรู้การสะกดจิตและพลังแห่งจิตใจ มิว่าคอร์สราคาแพงหรือการอบรมเพื่อการกุศลต่างมีหลักการร่วมอย่างเดียวกัน ผู้อ่านคนใดต้องการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในหัวเรื่องเดียวกันนี้อย่างไรก็สามารถบอกเล่าได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . .… Continue reading 5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนที่สอง)

5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนแรก)

    5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต #ไม่ต้องเข้าคอร์สหรูก็รู้ได้   (ตอนแรก) เผยเบื้องหลังคอร์สสะกดจิต อำนาจที่เรามีอยู่แล้วในตนเอง ไม่ว่าเราเข้าอบรมคอร์สถูก คอร์สแพง หรือเรียนด้วยตนเอง หากเข้าใจแก่นหลักอย่างถ่องแท้ เราย่อมไม่ตกอยู่ใต้อำนาจการสะกดจิตจากใคร แม้แต่สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในตัวเองก็ตาม . บ่อยครั้งที่เราใช้ชีวิตอย่างหุ่นชักใย เราไม่มีอิสระและความสุขอย่างแท้จริง ถูกชักพาไปทางโน้นทางนี้ที เดี๋ยวก็เป็นความคาดหวังจากคนอื่น เดี๋ยวก็สิ่งกระตุ้นเย้าแหย่จากสื่อหลายๆ ทาง หรือบางครั้งเราอาจนึกสงสัยว่า เพราะอะไรเราจึงทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้เต็มที่ หรือเหตุใดชีวิตถึงต้องมาติดอยู่แบบนี้ เราถูกผูกมัดด้วยหลายสิ่ง โดยเฉพาะข้างในตัวเราเอง . คนต่างต้องการ “อิสรภาพ” และความสุข แต่หัวใจกลับพาทำสิ่งที่ตรงข้าม สร้าง “เงื่อนไข” มากมายให้แก่ตัวเองเพื่อจะมีความสุข แต่ผลยิ่งทำให้เราไกลจากความพอใจในตนเองมากขึ้นทุกที จนกว่าเราจะหันหลับมาดูแล นัก “สะกด” จิตในตัวเอง ที่ “สกัด” กั้นศักยภาพและอำนาจที่มีอยู่แล้ว . อำนาจที่จะมีความสุขและอิสระอยู่ใจเราเสมอ . บทความนี้นำเสนอ 3 ข้อคิดแรกซึ่งเป็นทั้งแง่คิดและวิธีการ ก้าวข้ามพ้นไปจากขอบความเชื่อที่ตนติดอยู่ หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นหรือมีเทคนิคใดเพิ่มเติมจากบทความ สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามช่องทางที่เหมาะสม .… Continue reading 5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนแรก)

7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนที่สอง)

    7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนที่สอง)   เราจะเป็นคนที่เปี่ยมด้วย “คุณค่าชีวิต” ตน หรือผู้ที่เป็น “คุณฆ่าชีวิต” ตัวเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าได้ครอบครองสิ่งที่เราและคนอื่น “เห็นค่า” มากเพียงใด ในทางกลับกันยิ่งเราถือครองเป็นเจ้าของและเป็นตัวตน ยิ่งสูงยิ่งมากเข้าก็ยิ่งทุกข์เท่านั้น เพราะนั่นทำให้เรา “เป็นข้า” หรือทาสแก่สิ่งเหล่านั้น รวมทั้งแก่กิเลส ซึ่งเปรียบเสมือนรูรั่วของหัวใจ ต่อให้เราประสบความสำเร็จและวิ่งไล่ตามทันดวงดาวของสังคม เราก็ไม่สุขอย่างแท้จริง ยิ่งโหยหายิ่งรู้สึกขาดแคลน แม้จะมีชื่อเสียงในสังคมเพียงใดก็ตาม . การมีคุณค่าในชีวิต เป็นคนละเรื่องกับความสำเร็จ และไม่เกี่ยวข้องกับการมีลาภ ยศ และสรรเสริญ ไม่ว่าทางสังคมหรือทางจิตใจ เหล่านั้นเป็นความพอใจชั่วคราวเท่านั้น คนรวยและผู้มีความสำเร็จสูงส่ง น้อยนักที่มีความสุขและความสงบอย่างแท้จริงในชีวิต แต่มักกลบเกลื่อนความรู้สึกขาดพร่องในตนเอง ด้วยทำสิ่งต่างๆ ที่พาให้คนอื่นอยากคล้อยตาม ซึ่งก็กำลังตามหาสิ่งที่เป็นคุณค่าแท้ของชีวิตด้วยเช่นกัน . เราจะรู้สึกถึงคุณค่าในตนเองอย่างจริงจัง เราต้องกลับมารู้จักตนเองเท่านั้น มิใช่ไขว่คว้าอำนาจวิเศษจากสิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นแต่อย่างไร ดั่งการจะเห็นคุณค่าในหนังสือเล่มหนึ่ง เราต้องพลิกอ่านบทแล้วบทเล่า ต้องมองตนให้รอบด้านและหยั่งลึกกว่าผิวเผิน เราจึงจะเข้าใจตัวเองจนนำมาสู่การรักตนอย่างเต็มเปี่ยม ชนิดที่เงินเท่าใดก็ไม่อาจซื้อหาได้ . บทความนี้ เป็นตอนสุดท้ายของหัวเรื่อง คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน”… Continue reading 7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนที่สอง)

7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนแรก)

    7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนแรก) หลายครั้งที่เราใช้ชีวิตโดยที่ไม่ได้คำนึง “คุณค่า” ของตัวเรา แต่ใช้ชีวิตดั่ง “คุณฆ่า” ตัวเอง ด้วยการใฝ่หวังสิ่งที่บั่นทอน หรือลดเลี้ยวหนทางชีวิตไปยังทิศที่ไม่เหมาะสม ทั้งการเฝ้าเติมเต็มหรือตักตวงใส่ตัวตน แต่ยิ่งเปล่ากลวงมิเห็นค่า เพราะคุณค่ามิใช่สิ่งที่เราได้มาจากภายนอกตัว ทว่าบ่มเพาะก่อเกิดจากข้างใน . จะเห็น “ค่าชีวิต” เราต้องกลับมามองสบตากับตัวเอง ที่ผ่านมาเรามองไปยังสิ่งต่างๆ นอกตัวเกินไป จึงหลายครั้งสิ่งที่ทำไม่ได้ “สอดคล้อง” กับคุณค่าของตนเลย แต่เป็นการ “ผูกรัด” ให้ตัวเองขาดความมั่นคงอย่างแท้จริง กับคุณค่าปลอมและสิ่งฉาบฉวย จน “ฆ่าชีวิต” เราทีละวันละวัน . ต่อไปนี้คือข้อคิดและมุมมอง คุณค่าชีวิตเราที่มีเหมือนดวงตะวัน โดยเป็นสามข้อแรกของบทความ หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม หรือบทเรียนรู้คุณค่าตัวเองเฉกเช่นดวงตะวันนอกเหนือที่บทความกล่าวถึง ก็สามารถแลกเปลี่ยนและต่อยอดตามช่องทางที่เหมาะสม . . 1 ใครชอบใครชัง แสงตะวันไม่เปลี่ยนแปลง : มิว่าคนอื่นจะรักหรือรังเกียจเรา คุณค่าชีวิตที่เรามีนั้นมิเคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคยมากขึ้นหรือลดลงเลย เหมือนการทำหน้าที่ของดวงตะวันทุกๆ วัน ย่อมมีบ้างที่คนเราจะตำหนิ หรือชื่นชมยินดีกับแสงสว่างและความร้อนจากบนฟากฟ้า แต่เสียงจากคนเรานั้นก็ไม่เคยส่งผลให้การทำหน้าที่ของตะวันผันแปร… Continue reading 7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนแรก)

บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ รุ่นที่ ๒๐ (๒)

    ” สิ่งที่รบกวนใจในแต่ละหัวข้อนั้น มีจุดร่วมกันอยู่เพียงอย่างเดียว คือ ความรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีพอ เหมือนที่ครูสรุปมาให้ . เอาเข้าจริง จุดใหญ่ที่รบกวนใจเสมอมา คือการประเมินตัวเองว่า”ด้อย” ไม่มั่นใจในการเริ่มต้นทำ และกลัวกับการถูกตัดสินเมื่องานนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว . การรับทราบและยอมรับความจริงว่า ธรรมชาติของตัวเราเป็นเช่นนี้ จึงหันกลับมาพิจารณตัวเอง ด้วยใจเป็นกลาง ทำให้กลับมารักตัวเองได้มากขึ้น จากที่ละเลยการดูแลจิตใจตัวเองมานาน ยอมให้อภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ เมตตาตัวเอง ปลอบโยนตัวเองในเวลาที่อ่อนแอ อ่อนไหว ไม่กล่าวโทษ หรือจับผิดตัวเองอยู่ตลอดเวลา อย่างเคย . ซึ่ง มันดีค่ะ ครู รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ก่อนหน้านี้ ใช้ชีวิตเพื่อไปให้ถึงสิ่งที่เรียกว่า ความสมบูรณ์แบบ วันนี้ เข้าใจ และตระหนัก แล้วว่า ความสมบูรณ์แบบในโลกนั้น ไม่มีอยู่จริง . ทุกเรื่องราวต่อจากนี้ จะทำอย่างมีสติ รู้เท่าทัน รู้ตัวทั่วพร้อม ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำให้เต็มที่ในเวลานั้น และยอมรับกับผลที่จะเกิดขึ้น . เพราะ เราเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ของโลกใบนี้… Continue reading บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ รุ่นที่ ๒๐ (๒)

บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ รุ่นที่ ๒๐

      บทเรียนจากการอบรม “เขียนเยียวยา” หลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต กึ่งออนไลน์ รุ่นที่ ๒๐ ” สิ่งที่ได้จากการอบรมในครั้งนี้คือ การได้กลับมาอยู่กับตัวเอง เห็นความสำคัญของการมีสติระลึกรู้ถึงลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ตามดูตามรู้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น และเมื่อทำเช่นนี้บ่อยๆก็ทำให้การงานต่างๆที่ทำสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี มีสติรู้สึกตัวมากขึ้น รู้สึกผ่อนคลาย เห็นการทำงานของกายและใจได้มากขึ้นค่ะ สิ่งที่สัมผัสได้คือการที่คุณครูสอนให้เรารู้จักรักตัวเอง ให้พยายามดำเนินชีวิตอยู่ในทางสายกลางที่จะไม่สุดโต่งไปทางข้างใดข้างหนึ่ง ให้ใช้ชีวิตอย่างมีสมดุล สุข สงบและแบ่งปันได้ ให้ใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด และสอนให้เรามีมุมมองในชีวิตที่กว้างขึ้นเพื่อจะได้อยู่ในโลกได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ . ถึงแม้ว่าการอบรมครั้งนี้จะไม่เข้มข้นเท่าคอร์สการเขียนภาวนา (หนึ่งในหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต เช่นเดียวกัน) ที่เคยเรียนมา แต่ก็ทำให้ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เกิดมุมมองที่แตกต่างออกไป การได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดกับคุณครูทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆ หรือมุมมองใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้สึกหรือเคยมองมาก่อนเลย จึงชอบที่จะฟังความคิดเห็นของคุณครู ถึงแม้ว่าบางครั้งอ่านแล้วจะไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ต้องอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้เกิดความเข้าใจและรู้ว่าคุณครูต้องการจะสื่อสารอะไรกับเรา แต่ก็สนุกที่จะได้เรียนรู้ผ่านการเขียนเช่นนี้นะคะ เพราะถ้าเราเขียนอยู่ฝ่ายเดียวเราก็จะมีความคิดอยู่ในวงแคบ เป็นความคิดความเห็นของเราคนเดียว มันจะไม่ค่อยได้พัฒนาเท่าที่ควร แต่ถ้ามีใครมาคอยชี้นำให้เราเดินไปทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง ก็จะทำให้เราได้พบเห็นทางเดินใหม่ๆ ได้พบเห็นสิ่งใหม่ๆ ได้ความรู้ใหม่ๆ และได้มุมมองใหม่ๆมากขึ้น ชอบค่ะ ขอขอบพระคุณคุณครูโอเล่มา ณ ที่นี้ค่ะ ” .… Continue reading บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ รุ่นที่ ๒๐

5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนที่สอง)

      5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนที่สอง)     เราทุกคนต่างเป็นมากกว่าที่เราคิด เป็นมากกว่าที่เราเชื่อ แต่โชคร้ายที่หลายครั้งเราจำกัดตัวเองไว้ในกรอบความคิดและความคุ้นเคยชิน จนบดบังอำพรางสิ่งที่เราเป็นแท้จริงอยู่ข้างใน บ่อยครั้งที่เราตัดสินตัวเองเหมือนตัดสินหนอนแก้วตัวหนึ่งว่ามันไม่อาจมีชีวิตที่บินได้ . ชีวิตของผีเสื้อ เป็นตัวอย่างของการรู้จักตน และมอบบทเรียนการเริ่มต้นให้แก่ชีวิตมนุษย์ บทความหัวข้อนี้ริเริ่มชวนเราผู้อ่าน ย้อนมองรอยทางของเขา จากชีวิตหนอนผู้คืบคลาน สู่ผีเสื้อที่ขยับปีกอันแสนสวย ไม่ได้พยายามเป็นอย่างใครอื่น แต่พยายามเป็นอย่างที่ตนเองเป็นจริง เผยคุณค่าและความงามจากข้างในสู่ภายนอก . ขณะที่เราใช้ชีวิต เพียงเพื่อพยายามจะเป็นคนอื่น เราอาจไม่มีวันได้พบความสุขแท้ได้เลยในปัจจุบัน หากเรารู้สึกว่าตนเองกำลังใช้ชีวิตและทำงานไปอย่างเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย เราอาจต้องกลับมาตั้งคำถามที่สำคัญแก่ตนเองได้แล้วว่า อะไรคือสิ่งที่เราควรจะริเริ่มเพื่อชีวิตอย่างที่ควรเป็นอย่างแท้จริง . นอกเหนือจาก 5 ข้อคิดการริเริ่มดังบทความทั้งสองตอนนี้ ผู้อ่านคนใดเห็นข้อคิดอื่นๆ หรือต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมก็สามารถร่วมแชร์และบอกเล่าผ่านช่องทางที่เหมาะสม . . ข้อที่ 3 กล้าทิ้งจึงเกิดใหม่ : หลังจากผ่านช่วงฟูมฟักในดักแด้ หยุดนิ่งอยู่กับตนจนเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง หัวของเขาค่อยๆ ดันคราบดักแด้ ทะลุเปลือกขึ้นจากด้านบน ปีกที่พัดเป็นจีบดันออกเบื้องหลัง ค่อยๆ คลี่คลายปีกงามออกช้าๆ ด้วยความช่วยเหลือจากแรงดึงดูดของโลกและการผลักดันของของเหลวในร่างกาย แล้วผีเสื้อก็ปรากฏจากหนอนแก้ว .… Continue reading 5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนที่สอง)

5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนแรก)

    5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนแรก) ชีวิตที่ไม่รู้จักการเริ่มต้น นั้นไม่ใช่ชีวิต เพราะแม้แต่ลมหายใจ เรายังเริ่มต้นใหม่ทุกวันและแทบทุกนาที ชีวิตจึงเป็นการเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ ทุกเช้าเราตื่นขึ้นด้วยความหวังหรือความเบื่อหน่าย แต่ใจเรานี่แหละที่จะเป็นตัวยืนยันว่าเราได้ใช้โอกาสเริ่มต้นใหม่ในทุกๆ วันอย่างมีค่าแล้วหรือยัง . การเริ่มต้นใดใดย่อมพบเจออุปสรรคและความท้อใจได้เป็นธรรมดา แล้วคนเราจำนวนมากก็มักท้อใจ ตัดสินตน เสียแต่ยังไม่เริ่มต้นก็มีมาก ปิดประตูตายเสียตั้งแต่ยังไม่ก้าวขาออก บ้างเพียงสองสามก้าวก็พลอยหมดกำลังใจเสียแล้ว . ในธรรมชาตินั้นมีบทเรียนของการเริ่มต้นอยู่มากมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่ไร้การเปลี่ยนแปลง ฤดูกาลก็หมุนเวียน ต้นไม้ผลัดใบและงอกงามใหม่ มดแมลงโยกย้ายหาที่อยู่เมื่อบ้านเก่าวอดวาย ชีวิตคนเรามีจังหวะก้าวเดินแตกต่างกัน แต่ย่อมมีจุดเปลี่ยนจุดเลี้ยวเพื่อตั้งต้นใหม่ หากเราใช้ช่วงเวลานั้นได้ดี ชีวิตก็เหมือนติดปีกบินออกไปจากจุดเดิม แต่บางครั้งเราก็กลัวและกังวลจนลืมว่าเรามีปีกอยู่ในตนเอง . บทความนี้จะนำเสนอข้อคิดจากการสังเกตผีเสื้อ ซึ่งสอนใจเราและแนะนำแนวทางเกี่ยวกับเริ่มต้นใหม่และการริเริ่มต่างๆ ของชีวิตคน ซึ่งผู้อ่านหากมีความคิดเห็นหรือแรงบันดาลใจเพิ่มเติมก็สามารถแลกเปลี่ยนแบ่งปันได้ตามช่องทางที่สะดวก . . ข้อที่ 1 ช้าก่อนแล้วจึงเร็ว : กว่าผีเสื้อจะเป็นผีเสื้อได้นั้น เขาจะต้องเป็นหนอนเสียก่อน คลานต้วมเตี้ยม เชื่องช้า ดูไม่มีวี่แววจะบินได้เลย การเริ่มต้นใหม่และการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ของเราก็เช่นเดียวกัน . เมื่อเราเริ่มต้นสิ่งใหม่ในชีวิตหรือกระทั่งเริ่มต้นชีวิตใหม่ เราอาจพบว่าสิ่งต่างๆ มันช่างเชื่องช้าไม่ได้ดั่งใจ อาจไม่มีวี่แววชัดเจนเลยว่าจะล้มเหลวหรือก้าวหน้าได้เพียงใด… Continue reading 5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนแรก)