ระดมบทเรียนจากน้องค่ายธรรมวรรณศิลป์ ทำดีอย่างไรไม่ให้ติดดี หรือใช้ความดีของเราทำร้ายผู้อื่น ๑ ทำดีอย่างพอดี ใช้บรรทัดฐานที่เหมาะสม ๒ เข้าใจความต่าง สื่อสารอย่างละเอียดอ่อน ๓ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่อาจตัดสินคนอื่นภายนอก ๔ สร้างเหตุที่ดีโดยไม่คาดหวังผล ๕ เข้าใจ นิยามความดีมีหลากหลาย ๖ ใช้ความดีเป็นรากฐานเพื่อต่อยอดสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าความดี ๗ ติดตามผลจากการทำดีของเราด้วย ๘ ส่งต่อความดีด้วยการทำดี ๙ สะท้อนตนเองเพื่อขัดเกลา พัฒนาตน ๑๐ มีกัลยาณมิตรสะท้อนตัวเรา ๑๑ เข้าใจว่า ดี ไม่ใช่ เอ แต่ ดี ไม่ใช่ เอฟ มันเป็นไปเช่นนั้นเอง น้องสมิทขึ้นกระดาน
Author: admin
เชิญร่วมงานมอบรางวัล ธรรมวรรณศิลป์ ๒๕๕๘
เชิญผู้ผ่านการอบรม เครือข่าย และผู้สนใจ ร่วมงานมอบรางวัล ธรรมวรรณศิลป์ แก่เยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการประกวดงานเขียน “ความทุกข์กับชีวิตของฉัน” การประกวดนี้มิใช่รางวัลเพื่อส่วนตัวแต่เป็นรางวัลและโอกาสของสังคม ท่านใดต้องการสนับสนุนรางวัล อาทิ หนังสือ สมุด หรืออุปกรณ์ สามารถติดต่อทางโครงการเพื่อร่วมสนับสนุนได้เช่นกันครับ ทั้งนี้มอบรางวัลในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ อาศรมวงศ์สนิท คลอง ๑๕ นครนายก ท่านใดยินดีเข้าร่วมงาน หรือสนับสนุนรางวัล โปรดแจ้งทางโครงการล่วงหน้านะครับ ได้ที่ youngawakening@gmail.com
ข้อสอบกลางภาคเขียนทบทวนชีวิตและสะท้อนบทเรียน นักศึกษา ม.บูรพา
อาจารย์ของโครงการฯ ได้รับเชิญให้จัดกระบวนการและร่วมออกแบบข้อสอบกลางภาคนักศึกษา ม.บูรพา จำนวน ๓ ห้องเรียน ในวิชาการออกแบบและการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ บันทึกเชิงกระบวนการส่วนตัวพากลับมาทบทวนตนเอง จับประเด็นวิเคราะห์ และเรียบเรียงถ่ายทอด ดังนี้เป็นส่วนหนึ่งจากงานเขียนข้อสอบ “ความรู้สึกหลังบันทึก หลังบันทึกนั้นทุกอย่างก็ดีขึ้นเพราะเราได้ระบายความผิดพลาดในอดีตลงไปในกระดาษให้กระดาษแผ่นนั้นนำความรู้สึกแย่ๆของเราออกไป รู้สึกว่าตัวเองก็เก่งนะที่สามารถเก็บความรู้สึกที่บั่นทอนจิตใจของตัวเองมาเป็นเวลาเกือบ1ปี ทำให้รู้ว่าความสุขจริงๆแล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาที่เกิดเรื่องดีดีเท่านั้นแต่ความสุขมันเกิดได้ทุกทีขอแค่เรายอมรับในสิ่งที่เราผิดพลาดและก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้ หลังจากได้ระบายความรู้สึกแย่ๆลงไปในกระดาษ มันเหมือนเป็นบทเรียนชิ้นนึงของเรามันเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เราสามารถนำมันมาเป็นบทเรียนและนำมันมาเป็นแนวทางและแก้ไข้ปัญหานั้นหากปัญหานั้นกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง” (นายธนบดี พรกระจ่างสกุล) “ข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวตนเรา ฉันสังเกตได้ว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์แบบว่าใจเย็นแต่บางสถานการณ์ก็ใจร้อนพร้อมหาเรื่องได้ตลอดถ้ามาทำให้โกรธ ไม่ชอบเข้าสังคม รักความสันโดษ สงบนิ่ง ไม่ชอบความวุ่นวาย หัวเราะง่าย เก็บกดไม่ค่อยได้แสดงออก ขี้สงสารใจอ่อนกับคนแก่ ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเป็นคนที่หัวโบราณมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ เวลาทำงานหรือทำอะไรก็ตามจะต้องแผนมีหลักการวางขั้นตอนไว้เสร็จ เป็นคนที่อยู่ในขอบเขตเรื่องกฎระเบียบ เป็นคนตรงต่อเวลาไม่ชอบผิดสัญญา เป็นคนที่รักความอิสระเสรี ทุกคนมีสิทธิทางความคิดการกระทำเท่าๆกัน จริงจังกับงานไม่ชอบการเล่นจนเสียการเสียงาน จริงจังกับการใช้ชีวิตโดยจะท่องไว้เสมอว่าชีวิตคนเราไม่มีวันย้อนกลับได้จึงทำทุกอย่างเต็มที่และไม่ประมาทจนคนอื่นมองว่าเราเครียดเกินไป ที่จริงฉันเองก็มีมุมที่เฮฮาผ่อนคลายแต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นถ้าไม่ใช่ครอบครัวและเพื่อนสนิทจริงๆ ชีวิตของฉันก็เป็นไปแบบเรียบง่ายอยู่ในกฎระเบียบที่ครอบครัววางไว้ ซึ่งตัวตนของฉันจะมีปรากฏอยู่ในบันทึกบางส่วนฉันไม่ได้เลือกที่จะบันทึกตัวตนทั้งหมดของฉันลงไปในบันทึกเพราะเกรงว่าจะดูแย่ไปกว่าเดิมเพราะเท่าที่ได้อ่านบันทึกของฉันทั้ง 2 ก็พอเดาได้ว่าฉันเป็นคนยังไงอาจจะไม่ตรงกับทัศนคติของคนอ่านก็เป็นได้เดี๋ยวจะพาลทำให้คนอ่านหมั่นไส้และไม่ชอบฉันขึ้นมากันพอดี ข้อสังเกตจากบันทึกอีกอย่างคือไม่มีใครรู้จักเราเท่าตัวเราเอง คงยากที่จะให้เราเป็นอย่างที่คนอื่นบอกว่าเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะเชื่อได้ยังไงว่าสิ่งที่คนอื่นบอกมันคือตัวตนเราบางทีสิ่งที่คนอื่นบอกอาจจะเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เราเป็น ดังนั้นเราจึงต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองแต่ก็อย่าเชื่อมั่นจนไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น” (นางสาวอลิษา แก้วบัวดี) “คนเรามักจะใช้ชีวิตให้มีความสุขในแบบที่ต้องการ ปล่อยให้อดีตเป็นเพียงแค่ความทรงจำ จนลืมที่จะนึกย้อนกลับไปเพื่อหาบางสิ่งบางอย่างและฉันเองก็เป็นเหมือนกับคนเหล่านั้น แต่เมื่อถึงยามจำเป็นที่ต้องใช้เรื่องราวในอดีตเป็นเครื่องมือในการศึกษาเล่าเรียน… Continue reading ข้อสอบกลางภาคเขียนทบทวนชีวิตและสะท้อนบทเรียน นักศึกษา ม.บูรพา
รวมสรุปการเรียนรู้ การอบรม เขียนค้นพบตัวเอง ๒๕๕๘
รวมบทเรียนการเรียนจักตนและการเรียนรู้ จากการอบรมกึ่งออนไลน์ “เขียน = ค้นพบตัวเอง” ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.ebooks.in.th/ebook/32504/รวมบทเรียนการเรียนจักตนและการเรียนรู้_%22เขียน_=_ค้นพบตัวเอง%22_๒๕๕๘/ คุณหญิง อาชีพ พยาบาล “กลับมาเห็นความสำคัญของด้านตรงข้ามที่อยู่ในตัวเรา ที่จะช่วยให้เราได้ปรับใช้กับบางสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมค่ะ ทุกสิ่งอย่างเป็นการเรียนรู้และช่วยให้เราเติบโตได้จริงๆค่ะ เพียงแต่เรามีสติกับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ที่ช่วยเตือนให้มีสติกลับมา และบ่งบอกว่าต้องเจริญสติให้มากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ก้าวข้ามขอบของตัวเอง คือการยอมรับและเปิดเผยตัวตน โดยเฉพาะด้านร้ายของตัวเอง ก้าวข้ามความกลัวจากการปรุงแต่งไปล่วงหน้า ยอมรับการเสียหน้า ความผิดพลาด และล้มเหลว (แต่ยังทำได้ไม่ดี เพียงแค่คิดว่า ไม่ใช่ปัญหา…แต่คือการเรียนรู้) ” คุณปวี อาชีพ วิศวกร “ผมคิดว่าหลังจากจบหลักสูตรนี้แล้ว ผมจะใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเองให้น้อยลงนะครับ เพราะรู้สึกเลยว่าลึกๆแล้วตัวเองอยากจะลงมือทำแล้ว รู้สึกว่าคิดทบทวนเรื่องตัวเองโดยไม่ได้ทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมมานานเกินพอละ และก็จะพยายามมองหาความสุขรอบๆตัวให้มากขึ้น อยากที่จะตื่นขึ้นมาทุกวันโดยรู้ตัวว่าวันนี้เราอยากทำอะไร ไม่ใช่ว่าตื่นมาพร้อมกับความเบื่อหน่ายที่ว่าวันนี้เรามีสิ่งที่ไม่อยากทำ แล้วมานั่งคิดถึงสิ่งที่อยากจะเป็นในวันพรุ่งนี้ บางทีแล้ว เราอาจจะได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการได้ โดยที่เราไม่ต้องแก้ไขอะไรมากมายเลยก็ได้” คุณกอบกุล อาชีพ แม่บ้าน ” การบันทึก เป็นสิ่ง มหัศจรรย์ทำให้เรา เจอปม อะไรบางอย่าง… Continue reading รวมสรุปการเรียนรู้ การอบรม เขียนค้นพบตัวเอง ๒๕๕๘
มองโลกมุมใหม่ผ่านใจตากล้อง
มองโลกมุมใหม่ผ่านใจตากล้อง คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์ งานเขียนต่อยอดจากบันทึกการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง” 20 ธ.ค. 2545 เป็นอีกวันหนึ่งที่คงจะอยู่ในความทรงจำของฉันไปอีกนาน วันนั้นเป็นวันที่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซไทยมาเลย์นัดหมายเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีที่สัญจรมาประชุมที่หาดใหญ่ทบทวนโครงการดังกล่าว ฉันเคยมีประสบการณ์เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ ทั้งในฐานะผู้สังเกตการณ์และในฐานะผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ฉันจึงเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดและคับแค้นใจของประชาชนที่ถูกแย่งชิงทรัพยากรจากผู้มีอำนาจโดยไม่เป็นธรรม ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจทำให้ฉันพร้อมที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน ก่อนหน้านี้เคยมีการจัดทำประชาพิจารณ์โครงการนี้มาแล้วถึงสองครั้ง และจบลงด้วยการที่ชาวบ้านล้มเวทีทุกครั้ง ทั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อว่าการจัดประชาพิจารณ์ดังกล่าว จะเป็นเพียงการสร้างความชอบธรรมให้กับโครงการมากกว่าการรับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ฉันเองได้ช่วยถ่ายวีดีโอทั้งสองครั้ง ครั้งนี้เพื่อนจึงโทรมาขอให้ช่วยถ่ายวีดีโอให้อีก แต่เพราะมีงานที่นัดหมายล่วงหน้าแล้วจึงปฏิเสธ แต่ตกลงจะให้เพื่อนยืมกล้องไปถ่ายเอง บังเอิญวันนั้นมีนักพัฒนารุ่นน้องสองคนที่มาช่วยงานอยากไปร่วมชุมนุมด้วย ฉันจึงตัดสินใจขับรถไปส่งและถือโอกาสเอากล้องวีดีโอให้เพื่อน ตั้งใจว่า เมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะเดินทางกลับบ้านทันที เราถึงหาดใหญ่ก่อนเวลานัดหมาย จึงรับรุ่นพี่อีกคนเพื่อไปกินข้าว แต่ยังไม่ทันได้กินก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนบอกว่า ตอนนี้ตำรวจตั้งด่านสกัดไม่ให้ชาวบ้านเดินทางเข้ามาในหาดใหญ่ ด้วยความเป็นห่วงพวกเราจึงขับรถไปยังจุดดังกล่าว แต่เลือกเส้นทางลัดเนื่องจากคาดว่าเส้นทางปกติคงมีตำรวจสกัดอยู่ เมื่อไปได้ราวครึ่งทางเพื่อนโทรมาบอกว่าตำรวจยอมเปิดเส้นทางแล้ว ชาวบ้านกำลังเดินทางเข้าหาดใหญ่ให้พวกเราไปรอที่ทางเข้าโรงแรมซึ่งนายกฯ และคณะรัฐมนตรีพัก เรารีบกลับมายังจุดนัดหมาย ฉันตัดสินใจจอดรถห่างจากจุดนัดหมายราวสองร้อยเมตร เพราะเห็นว่าเริ่มมีรถยนต์จอดหลายคัน หากไปด้านหน้าแล้วไม่มีที่ว่างจะต้องขับรถเวียนหาที่จอดทำให้เสียเวลามากขึ้น เมื่อพวกเราทั้งสี่คนเดินไปถึงก็พบว่ามีตำรวจนับสิบนายใช้แผงเหล็กกั้นปิดเส้นทางเข้าโรงแรม พวกเราจึงรอดูสถานการณ์อยู่ในบริเวณนั้น กว่าขบวนรถของชาวบ้านจะมาถึงก็เกือบสองทุ่ม เมื่อเจอแผงกั้นขบวนจึงหยุดรอให้แกนนำชาวบ้านและ นักพัฒนาเจรจากับตำรวจเพื่อขอให้เปิดเส้นทาง ระหว่างรอการเจรจาชาวบ้านบางส่วนนั่งลงกินข้าว บ้างก็ทำละหมาด บางส่วนก็ยืนจับกลุ่มติดตามสถานการณ์… Continue reading มองโลกมุมใหม่ผ่านใจตากล้อง
“แสงสว่างกลางวิกฤต” คุณนก
“แสงสว่างกลางวิกฤต” คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน งานเขียนต่อยอดจากการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง” ในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอีกอาทิตย์หนึ่งที่รู้สึกถึงการเข้าใกล้วิกฤตของชีวิต การได้เห็นความเจ็บป่วยของแม่ที่ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง และการซ้ำเติมความเจ็บป่วยด้วยอุบัติเหตุล้มหัวฟาดของแม่ ภาพของแม่ที่ไร้เรี่ยวแรง มึนงง ตอบสนองช้า … มันเป็นภาพที่น่าหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาแม้จะรับรู้ภาวะโรคร้ายที่ปรากฎแต่ด้วยสภาพร่างกายทั่วไปภายนอกที่ดูปกติ มันทำให้เชื่อเสมอว่าแม่ยังไหว ไม่ว่าจะอยู่ในระยะที่ใครๆเค้าว่านี่คือระยะสุดท้ายแล้ว แต่ภาพที่เห็นแม่ยังทานข้าวได้ ยังอยากทานนู่นทานนี่ ยังมีความพยายามดั้นด้นลากจูงพ่อไปตระเวณตามใจปาก มันทำให้มีความหวังและรู้สึกว่าแม่แค่ผู้หญิงไม่มีผม … จากวันนั้นถึงวันนี้สามปีผ่านไป แม่อยู่ในภาวะไม่มีผม สลับกับมีผม และยังคงตระเวณหาของกินที่เห็นในรายการทีวี แต่แล้วสองเดือนที่ผ่านมาภาวะอยากอาหาร หายไป แม่ปวดท้องตลอด ทานได้น้อยลงเรื่อยๆ จนแทบจะไม่ทานเพราะกลัวคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง … สัญญาณบางอย่างปรากฎในใจ ความไม่เที่ยง … ในที่สุดสิ่งที่กลัวก็เป็นจริง โรคร้ายลุกลาม ความใจสู้ของแม่ลดลง แม่ที่อยากทานนู่นทานนี่หายไป เหลือแต่ผู้หญิงที่ผ่ายผอม ไร้เรี่ยวแรง นอนซม แล้วหมอก็ตัดสินใจให้เคมีบำบัดรอบที่สาม ร่างกายไม่พร้อมเหมือนครั้งก่อนๆ เพียงเข็มที่สองก็อยู่ในสภาพทรมาน ต้องกินยาแก้ปวดและยานอนหลับ … แม่เบลอ เชื่องช้า … และในที่สุดก็เกิดเหตุ… Continue reading “แสงสว่างกลางวิกฤต” คุณนก
ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์
ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์ ธรรมนนท์ กิจติเวชกุล งานเขียนต่อยอดจากการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง” ในเส้นทางการเดินทางของชีวิต ฉันเคยยึดมั่นธรรมเนียมของการซื้อของฝาก การส่งการ์ดในวาระสำคัญของชีวิต การแลกเปลี่ยนของขวัญกับคนที่เจอะเจอกัน แม้ในหลายปีที่ผ่านมาของขวัญ ของฝากที่เป็นวัตถุจางหายไปทั้งในฐานะของผู้ให้และผู้รับ แต่ฉันเชื่อว่าการมอบของขวัญยังคงมีเสมอในทุกวันของชีวิต ในวันนี้ที่ฉันเดินทางมาถึงวัยกลางคน น่าจะเป็นจุดสำคัญในการทบทวนว่าของขวัญที่ให้มันมีคุณค่าหรือความหมายต่อชีวิตของคนๆหนึ่งและผู้คนที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างไร และอะไรคือของขวัญที่คนเล็กๆคนหนึ่งได้นำมาสู่โลกใบนี้ หลายปีก่อนเจอข้าราชการป่าไม้คนหนึ่งเดินมาทักทาย ว่าเป็นรุ่นน้องและจำได้ว่าได้รับของฝากที่ระลึกหลังจากฉันกลับจากญี่ปุ่น เขารู้สึกดีใจ ปลื้มใจมาก ฉันเองก็ปลื้มใจว่าของเล็กน้อยที่นำมาฝากผู้คนหลังเดินทางไกลยังอยู่ในความทรงจำของคนบางคน และนี่คงเป็นคุณค่าหนึ่งของของขวัญ คือการรับรู้ว่าการให้ยังคงมีความหมายในโลกใบนี้ ฉันมักให้ของขวัญกับคนที่พบเจอในช่วงเวลานั้นๆของชีวิต เมื่อถามตัวเองว่า เราหลงลืมผู้คนไปมากมายหรือ ความสัมพันธ์ที่ผ่านมามีความหมายต่อชีวิตหรือไม่ แล้วมิตรภาพที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร การเก็บรักษามิตรภาพและความสัมพันธ์ของเราคือการสื่อสารหรือของขวัญที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอหรือ สำหรับบางคนมันอาจเป็นเช่นนั้น น่าแปลกที่ฉันมักหลงลืมผู้คนที่เคยพานพบบนเส้นทางชีวิต แม้หลายคนยังคงอยู่ในความทรงจำ อาจไม่มีของขวัญสม่ำเสมอเมื่อยามไกลกัน แต่ฉันมั่นใจว่า “ฉันไม่ทำร้ายใคร” “ฉันพร้อมรับฟังไม่ว่าอยู่ตรงไหน” ของขวัญหรือของที่ระลึกมอบออกไปมีความหมายเสมอในความสัมพันธ์ ณ ปัจจุบันขณะ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าคือเมื่อเราอยู่ด้วยกัน นั่นคือเวลาที่เป็นของขวัญแก่กันที่ยิ่งใหญ่ ของขวัญที่ส่งไปบางชิ้นเพื่อบอกถึงการให้อภัยในทุกสิ่ง ฉันเรียนรู้ที่จะพอใจสิ่งที่ให้ หรือแม้กระทั่งการไม่ให้ก็คือการให้ เรียนรู้ที่จะยอมจำนนต่อสิ่งที่กำหนดไม่ได้ มีความศิโรราบต่อความถือตน ได้บ่มเพาะศรัทธาว่าสิ่งที่ให้ไปมันจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ฉันจะไม่มีวันขาดแคลน และเมื่อเป็นผู้ให้ฉันได้รับยิ่งกว่าใคร นอกจากนั้นฉันยังได้เรียนรู้ที่จะให้ความสำคัญกับการเติบโตและการกลับสู่สมดุล เรียนรู้ที่จะรักและกรุณาต่อตนเอง… Continue reading ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์
กระบวนการบันทึกร่วมกับการออกกำลังกายต่อเนื่อง ๒๑ วัน
ผลการศึกษาทดลองของศูนย์การเขียนเปลี่ยนชีวิต โครงการธรรมวรรณศิลป์ www.youngawakening.org/write4life , facebook.com/write4life กระบวนการบันทึกร่วมกับการออกกำลังกายต่อเนื่อง ๒๑ วัน (มกราคม ๒๕๕๘) การทดลองใช้การวิ่งจ็อกกิ้ง ๑๕ นาทีขึ้นไป และกระบวนการบันทึกหลังจากพักเหนื่อย เป็นเวลา ๑๐ นาทีขึ้นไป การศึกษาทดลองพบว่า ระยะทางที่ได้จากการวัดการวิ่งมีแนวโน้มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบันทึกช่วยกำกับดูแลวินัยและสร้างเจตจำนงมุ่งมั่นเพียรพยายาม เวลาที่ใช้ออกกำลังกายมีแนวโน้มมากขึ้นอย่างสมัครใจ เมื่อประกอบกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจหลังกระบวนการบันทึกพบว่า แนวโน้มอัตราการเต้นของหัวใจปรับตัวลงอยู่ในระดับสมดุล สอดคล้องการศึกษาวิจัยก่อนหน้าของ ดร. เจม เพนเนบาเกอร์ที่พบว่าการเขียนช่วยให้ร่างกายปรับสู่สมดุลภาวะ ทางโครงการฯ ยังได้ทดลองศึกษาเพิ่มเติม พบว่า หลังกระบวนการบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจปรับลดลงมา จากก่อนกระบวนการบันทึก ทั้งนี้ยังเป็นหนึ่งการทดลองศึกษาของโครงการฯ จะยังต้องมีการศึกษาต่อเนื่องในลำดับต่อไป สามารถติดตามผ่านสื่อของโครงการฯ
“สวนโมกข์กลางใจ” คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์
“สวนโมกข์กลางใจ” คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์ งานเขียนต่อยอดจากบันทึกการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง” ในชีวิตฉันมีสถานที่ที่ชอบและประทับใจอยู่มากมาย แต่คงไม่มีสถานที่แห่งไหนที่จะสะท้อนการเติบโตของตัวฉันในแต่ละช่วงของชีวิตได้ดีเท่าที่แห่งนี้… “สวนโมกขพลาราม” ฉันรู้จักสวนโมกข์ครั้งแรกเมื่อสมัยเรียนระดับมหาวิทยาลัย ตอนนั้นอาจารย์ท่านหนึ่งที่ฉันรักและเคารพมาก ท่านเห็นว่าการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยยังคับแคบอยู่มาก ด้วยความปรารถนาดีไม่อยากให้ลูกศิษย์เป็นกบในกะลา อาจารย์จึงได้นิมนต์หลวงพี่ประชา เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในฐานะคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่สนใจงานด้านศาสนากับการพัฒนา จำได้ว่าสิ่งที่ท่านกล่าวเป็นสิ่งใหม่และน่าสนใจมาก แต่กบก็ยังเป็นกบ แม้จะมีคนเปิดกะลาให้ได้เห็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวออกไปเรียนรู้ในทันที เพราะในเวลานั้นยังมีช่องว่างของประสบการณ์และความเข้าใจชีวิตอยู่มาก ยังไม่รู้จักโลกภายนอกมหาวิทยาลัยสักเท่าใด แต่หลวงพี่ก็กรุณามากที่ชวนพวกเราไปเยี่ยมท่านที่สวนโมกข์ อาศัยว่ามีเพื่อนคนหนึ่งที่มีศรัทธาปสาทะในพุทธศาสนาอยู่บ้างได้ชวนโบกรถไปด้วยกัน ฉันจึงได้รู้จักและเยียบยืนบนแผ่นดินธรรมที่ชื่อว่า สวนโมกขพลารามเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อหลายสิบปีก่อน สวนโมกข์เป็นวัดป่าที่ยังไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างทุกวันนี้ คนที่มานอกจากญาติโยมรอบวัดแล้วก็มีแต่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ศรัทธาท่านพุทธทาส บรรยากาศภายในวัดจึงค่อนข้างเงียบสงบมาก มีเพียงช่วงเวลาทำวัตรเช้าเย็นที่พระภิกษุ แม่ชี และผู้มาพักได้มาสวดมนต์ร่วมกันที่อุโบสถกลางแจ้งที่เรียกว่า ลานหินโค้ง นอกจากนั้นทุกคนจะแยกย้ายกันทำกิจและศึกษาธรรมะในกุฏิหรือที่พัก ในเวลาที่พวกเราเดินขึ้นเขาพุทธทองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงกิ่งไม้ใบไม้เสียดสีลู่ลมและเสียงหรีดหริ่งเรไรระงมตลอดเส้นทาง ทำให้รู้สึกเย็นเยียบและวังเวงพิกล ภาพปริศนาธรรมบางภาพที่อยู่ภายในโรงมหรสพทางวิญญานก็ดูเข้าใจยากและน่ากลัวจนไม่กล้าเดินคนเดียว ถึงกระนั้นฉันก็ยังชอบสวนโมกข์เพราะความสงบร่มรื่น ไม่มีโบสถ์วิหารอลังการเหมือนวัดทั่วไป ได้สวดมนต์แปลเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้ฟังเทศน์สอนธรรมด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ได้นั่งเงียบๆอยู่กับตัวเองริมสระนาฬิเกร์ ได้กินข้าวก้นบาตร แม้จะรู้จักสวนโมกข์เพียงผิวเผินในระยะเวลาสั้นๆ แต่โดยรวมฉันประทับใจและรู้สึกดีกับสถานที่แห่งนี้ ผ่านไปหลายปีฉันได้กลับมาสวนโมกข์อีกครั้งในฐานะผู้เข้าอบรมอานาปานสติ การอบรมในครั้งนี้จัดให้กับนักพัฒนารุ่นใหม่ เพื่อให้นำอานาปานสติมาพัฒนาตนเองและเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ในขณะนั้นฉันเพิ่งทำงานได้ไม่นานนัก กำลังสนุกกับการทำงานในพื้นที่และมีความเชื่อมั่นว่าตนเองมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาความทุกข์ยากของคนที่ด้อยโอกาสได้ ตอนนั้นมีทั้งความหลงตัวเอง… Continue reading “สวนโมกข์กลางใจ” คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์
” ความรักของดาวลูกไก่ ” คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน
” ความรักของดาวลูกไก่ “ คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน / งานเขียนต่อยอดการอบรมเขียน = ค้นพบตัวเอง รับวันแห่งความรัก ในบรรยากาศของวันแห่งความรักที่มีกลิ่นไอความรักอบอวลไปทั่วโลกออนไลน์ มีความสุขสดชื่นในความรักที่มอบแก่กันและกัน ในบรรยากาศนี้ทำให้ฉันย้อนระลึกถึงเรื่องราวความรักในตำนานแห่งดวงดาวเรื่องหนึ่งที่ได้ยินได้ฟังมาแต่เด็กเรื่องราวของดาวลูกไก่นั่นเอง …เรื่องราวของตำนานนี้เป็นความรักในรูปแบบที่แตกต่างจากความรักที่ผู้คนให้ความสนใจในวันแห่งความรักเป็นความรักที่พร้อมจะให้และสละออก เพื่อให้คนที่รักมีความสุข เป็นความรักที่ไม่ต้องการการครอบครองลองมาย้อนเรื่องราวความรักของดาวลูกไก่กันอีกสักครั้งในแบบฉบับที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง ในตำนานเล่าว่ามีตายายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ชายป่า ตายายเลี้ยงแม่ไก่ไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งต่อมาออกไข่และฟักออกมาเป็นลูกไก่ตัวน้อย 7 ตัว ตายายจึงคอยเลี้ยงดูให้อาหารแม่ไก่และลูกๆด้วยความเมตตา ในคราวหนึ่งมีเหยี่ยวบินโฉบมา หมายจะจับเอามาไก่และลูกไก่ไปเป็นอาหาร ตายายมาเห็นเข้าจึงคว้าไม้ไปไล่เหยี่ยว ช่วยให้แม่ไก่และลูกปลอดภัย แม่ไก่จึงยิ่งซาบซึ้งใจและสำนึกในบุญคุญของตายายเป็นอย่างมาก … อยู่มาวันหนึ่งมีพระธุดงค์องค์หนึ่งมาปักกลดอยู่ที่เชิงเขา ตายายเห็นว่าในละแวกนั้นมีเพียงบ้านของตายาย จึงเกิดความเป็นห่วงว่าพระธุดงค์จะไม่มีใครถวายภัตตาหาร แต่เมื่อค้นดูเสบียงอาหารในครัว ก็เห็นว่าไม่มีสิ่งใดเหลือเลย พืชผักที่ปลูกไว้ก็เหี่ยวแห้งเพราะอากาศแล้ง ตายายจึงปรึกษากันว่าคงจะต้องฆ่าแม่ไก่มาเพื่อปรุงอาหารถวายพระ แม่ไก่บังเอิญมาได้ยินเรื่องราวจึงตัดสินที่จะยอมสละชีวิตตน เพื่อตอบแทนบุญคุญตายายที่ชุบเลี้ยงและปกป้องมาตลอด แม่ไก่จึงเรียกลูกทั้งเจ็ดมาล่ำลาสั่งเสียให้ลูกๆรักใคร่ปรองดอง ดูแลกันและกัน พอรุ่งเช้าตาจึงเชือดแม่ไก่เพื่อให้ยายปรุงอาหาร ขณะที่ยายกำลังก่อเตาไฟเพื่อปรุงอาหาร เจ้าลูกไก่ทั้งเจ็ดต่างวิ่งเข้ามาดูร่างอันไร้วิญญาณของแม่เป็นครั้งสุดท้าย ยิ่งได้เห็น ลูกไก่ทั้งเจ็ดยิ่งเศร้าโศกเสียใจร่ำไห้คิดถึงแม่ที่จากไปน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ลูกไก่ตัวน้อยตัวหนึ่งตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วหันไปบอกพี่ๆว่า ฉันทนอยู่ต่อไปโดยไม่มีแม่ไม่ได้ ฉันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ หากขาดแม่ที่ฉันรัก ฉันจะโดดเข้ากองไฟตายตามแม่ไป … แต่แล้วเจ้าพี่ใหญ่ก็เข้าห้ามและปลอบใจน้องน้อยว่า น้องเอ่ย… Continue reading ” ความรักของดาวลูกไก่ ” คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน