7 วิธีการ ลดความเป็น “Perfectionist”ในตัวคุณ เรียบเรียงใหม่จากบทความคอลัมน์ ไกด์โลกจิต ตอนที่ 34 โดยครูโอเล่ “Perfectionist” เป็นลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่พยายามทำให้สิ่งต่างๆ หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ใส่ใจ ดีครบถ้วนสมบูรณ์ตามมาตรฐานหรือหลักการที่ยึดถือ ลักษณะพฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะบางบุคคลเท่านั้น แม้บางคนจะมีนิสัยนี้เป็นบุคลิกประจำตัวซึ่งพยายามทำให้ “เป๊ะ” แทบทุกเรื่อง ยึดถือมาตรฐานและความถูกต้องในเรื่องต่างๆ จนเป็นคน “เนี้ยบ” อยู่แล้ว หลายคนที่ไม่ได้มีบุคลิกนิสัยนี้ก็อาจมีบางเรื่องที่จะคาดหวังมากเป็นพิเศษ อ่อนไหวกับประเด็นนั้นๆ มากกว่าเรื่องอื่น วิตกกังวลกับมันบ่อยๆ หรือกำหนดมาตรฐานตั้งเงื่อนไขเอาไว้ เช่น บางคนไม่ต้องการให้คนรอบตัวเก็บความลับหรือปิดบังความจริงกับตนแม้แต่นิดเดียว บางคนจะออกนอกบ้านทีการแต่งหน้าแต่งกายจะทำไปอย่างลวกๆ ไม่ได้ บางคนให้คุณค่ากับงานไม่อยากให้มีข้อตำหนิผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว บางคนไม่อยากเห็นการเปรียบเทียบคะแนนและระดับความสามารถกับเพื่อน บางคนมีข้อกำหนดว่าคนรักจะต้องทำแบบนั้นและไม่ทำแบบนี้ บางคนมีข้อชี้วัดชัดเจนว่าคนดีจะต้องเป็นอย่างไรและห้ามทำอะไร ฯ เราต่างมีความเป็น “Perfectionist” ในตัวเองอย่างน้อยในแง่ที่ต้องการให้ตนเองและสิ่งที่ใส่ใจ “ดีพอ” ตามเงื่อนไขและมาตรฐานที่แอบมีอยู่ในจิตใจ และมีมาตรวัด “ความสมบูรณ์แบบ” ในเรื่องที่สำคัญของตนเอง ความใฝ่ในความสมบูรณ์แบบมีอยู่ในตัวเราทุกคน อาจคาดหวังอยากให้มีครอบครัวที่เพอร์เฟค อยากมีอาชีพที่ตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต อยากมีแฟนที่เข้าใจและยอมรับตนทุกๆ อย่าง อยากมีลูกที่อยู่ในโอวาททุกบรรทัด อยากมีเคหาอาศัยที่ไร้ข้อบกพร่อง อยากมีปีใหม่ที่มีความสุขตลอดทั้งปี ฯ การนิยมความสมบูรณ์ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… Continue reading 7 วิธีการ ลดความเป็น “Perfectionist”ในตัวคุณ
Author: admin
การอบรม เขียน.ข้าม.ขอบ ประจำปี 2566
🥰 หลักสูตร เขียน.ข้าม.ขอบ ในชุดหลักสูตร “เขียนเปลี่ยนชีวิต” รุ่นที่ 55 เมื่อวันที่ 9 – 10 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ คลองสี่ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หลักสูตรนี้ว่าด้วยการเขียนบำบัดเพื่อการทบทวนข้อจำกัดของตนเอง และการเดินทางเพื่อก้าวข้ามขอบที่มีเพื่อการเติบโตของชีวิต ด้วยกิจกรรมการเขียนหลายๆ แบบ ขอให้ผู้เรียนที่น่ารักของเรามีพลังใจในการก้าวข้ามสิ่งต่างๆ ในชีวิต เพื่อไปถึงเป้าหมายที่สำคัญของชีวิตต่อไป และขอบคุณสำหรับการเดินทางร่วมกันตลอดทั้งสองวันนี้ และขอบคุณร้าน Vegancook หมู่บ้านพฤกษาบี สำหรับอาหารเจมื้อกลางวันที่อร่อยในราคาย่อมเยา และกรุณามาส่งให้เราฟรีถึงสำนักงานของเรา ต่อไปเป็นข้อความสรุปบทเรียนจากผู้เข้าร่วมในวันที่สองของการอบรม ⭐ สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันแรก – ได้เห็นอีกมุมภายในใจที่ไม่เคยนึกถึง ได้เห็นต่างจากเดิมที่เคยคิดไว้ – เห็นความสุขจากพื้นที่เดิมง่ายขึ้น – ก่อนหน้าเคยคิดกังวล ต้องการการยอมรับ ได้เห็นสิ่งที่ต้องการที่แท้จริง – ยอมรับและเห็นคุณค่าของตนเอง ก็ได้ข้ามขอบแล้ว – เห็นการข้ามขอบของตนเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ… Continue reading การอบรม เขียน.ข้าม.ขอบ ประจำปี 2566
เรื่องเล่า 8 ปีหลักสูตร “ห้องเรียน พลังแห่งจิต”
8 ปีมาแล้วที่เราได้เปิดหลักสูตร “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” วิชาที่ว่าด้วยการใช้ศาสตร์การสะกดจิต ทั้งด้าน Hypnosis และ NLP ในมิติใหม่ๆ ที่แตกต่างจากในสังคมขณะนั้น เริ่มต้นด้วยความตั้งใจว่า ศาสตร์ความรู้นี้มีประโยชน์มากกว่าการเน้นเพียงความสำเร็จทางโลก ความร่ำรวย และการหลงในพลังวิเศษ แต่ควรนำมาถ่ายทอดเพื่อส่งเสริมให้เกิดสติ การพัฒนาตนเอง และการรู้จักควบคุมจิตใจของตนเองได้อย่างแท้จริง หลักสูตรนี้จึงสอนให้เข้าใจถึงแก่นแท้ และสามารถใช้หลักการนี้ด้วยปัญญา ไม่ได้สร้างพลังให้ศรัทธาผู้สอนหรือยกว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่มุ่งหมายให้เกิดความเคารพตนเอง และเห็นว่าสิ่งที่ดูไกลตัวและวิเศษนี้ แท้ที่จริงแล้วอยู่ในตนเอง ในชีวิตประจำวัน และควรค่าแก่การฝึกฝนอย่างไร ในภาพนี้เป็นรุ่นที่สอง (เมื่อปี 2559) เราได้รับอนุเคราะห์ให้ใช้ห้องอเนกประสงค์ในสวนสาธารณะใกล้ชุมชนเพื่อจัดการเรียนการสอน ทำให้มีเด็กๆ ในชุมชนเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งทำให้กิจกรรมต้องปรับไปเล็กน้อยเพื่อรับพวกเขาเข้ามามีส่วนร่วม สิ่งที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของรุ่นนี้ คือการได้ฝึกสะกดจิตในพื้นที่เปิด ใกล้ร่มไม้ ใกล้ชุมชน ใกล้ถนนและทางด่วน ขณะที่หลากหลายชีวิตกำลังเดินทางด้วยความรวดเร็วบนท้องถนน เราก็สามารถเรียนรู้ที่จะสงบกายใจ และลงลึกในตนเอง แม้บรรยากาศรอบข้างจะไม่ได้สงบเป็นสัปปายะอย่างสมบูรณ์ แต่เราก็สามารถบ่มเพาะความมั่นคงภายใน ดั่งต้นไม้ที่หยั่งรากให้เห็นเป็นตัวอย่าง ทำให้เห็นภาพว่าการเรียนการสะกดจิต ไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องกระทำในห้องแอร์หรือในโรงแรม แต่เรากระทำกันในโลกของความเป็นจริงก็ได้ ทำที่บ้าน ในชุมชน หรือท่ามกลางความวุ่นวายในชีวิตก็ได้ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัวหรือต้องเก็บไว้ในที่หรูหรา แม้ทุกวันนี้เราจะยังไม่ได้กลับมาเปิดสอนแบบออฟไลน์… Continue reading เรื่องเล่า 8 ปีหลักสูตร “ห้องเรียน พลังแห่งจิต”
โครงการ “คุณให้เขา เราให้คุณ” ครั้งที่ 5
โครงการ “คุณให้เขา เราให้คุณ” ครั้งที่ 5 : Free Hypnosis Tapes For Charity รับฟรี ! คลิปเสียงโปรแกรมจิตฟรี (ฟังออนไลน์ ในเว็บไซต์ปัญญ์ สเปซ) จำนวนมากกว่า 30 หัวข้อ โดยนักสะกดจิตอาสาจาก “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” ขั้นสูง รุ่นที่ 5 – 7 ความยาวรวมมากกว่า 600 นาที ! เพียงบริจาคให้องค์กรการกุศล เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน คนยากไร้ และการศึกษาจำนวน 500 บาทขึ้นไป ในช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 แล้วแจ้งหลักฐานการโอนมาทางเพจเฟสบุ๊ค “สถาบันธรรมวรรณศิลป์” 🎧 รู้จักคลิปเสียงโปรแกรมจิต Hypnosis… Continue reading โครงการ “คุณให้เขา เราให้คุณ” ครั้งที่ 5
ผู้จบการอบรม “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นที่ 17
ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้ง 15 คน 🥳 ที่ได้จบการอบรม “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นที่ 17 วันที่ 11 – 12 ,18 – 19 และ 25 พฤศจิกายน 2566 เส้นทางแห่งการเรียนรู้เพื่อรู้จักตนเองอย่างแท้จริง ต้องพบกับประสบการณ์ที่หลากหลาย ผ่านการต่อสู้กับตัวเอง ความเคยชิน และความผิดพลาด ชนะและล้มเหลว ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเข้าใจความหมายของการยอมรับและการปล่อยวางสิ่งที่เคยเชื่อว่าเป็น เพื่อเป็นในสิ่งที่มากกว่านั้น เพื่อปอกเปลือกตัวตนลงไปสู่แก่น บนเส้นทางที่ยังต้องเดินอย่างต่อเนื่องอีกยาวไกล ขอขอบคุณนักเรียนทุกคนที่เป็นพลังในการเดินทางไปด้วยกันจนวันสุดท้ายของการเรียน และได้ให้คำแนะนำแก่กันตั้งแต่เรื่องสถานการณ์จนถึงการก้าวข้ามปมภายใน และขอบคุณสำหรับการสรุปบทเรียนจากการอบรม 🥰 ขออนุญาตนำบางส่วนมาแชร์ดังนี้ครับ “เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเราเองก็ยังมีจุดบอด จุดที่มองไม่เห็น ตัวตนรอง ที่เรามองข้าม หรือกดทับเอาไว้ เลือกที่ปฏิเสธ หรือไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง ว่าเราเป็นคนยังไง เราควรจะต้องพัตนา ปรับปรุงตนเองอย่างไร “ถ้าหากอยากจะมีความสุขในการใช้ชีวิต เราต้องทำให้ตนเองมีความสุขให้ได้ก่อน เริ่มจากมองเห็นคุณค่าสิ่งดีๆ สิ่งรอบตัวเราที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อดีต ปัจจุบัน ฝึกฝนที่จะสังเกต เรียนรู้สิ่งต่างๆ… Continue reading ผู้จบการอบรม “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นที่ 17
คุณค่าของเธอ ไม่ได้ขึ้นกับความเข้าใจ(ของคนอื่น)
เมื่อใดที่คนอื่นเข้าใจตัวเราผิดพลาด แล้วทำให้รู้สึกหม่นหมอง เสียกำลังใจ โกรธหงุดหงิด หรือน้อยเนื้อต่ำใจ แสดงว่าใจเรากำลังผูกคุณค่าตนเองไว้ที่มุมมองกับความคิดของผู้อื่น และการได้รับความเข้าใจ จนเป็นทุกข์ การใส่ใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากเราถือสิ่งนี้ไว้มากเกินไปจนไม่มีหลักยึดให้ใจหนักแน่นพอ หัวใจก็จะเป็นลูกบอลที่ถูกยื้อแย่งและส่งไปหาคนนั้นที คนนี้ที มิได้กลับมาหาคุณค่าที่ตนเองอย่างมั่นคง ความสุขทุกข์ก็จะขึ้นอยู่กับผู้อื่น เรากำลังนำภาพที่คนอื่นมองเห็นมาเป็นเนื้อตัวเรา ทั้งที่ความคิดคนผันแปรไม่แน่นอน เมื่อใดอารมณ์ดีความคิดก็เป็นอย่างหนึ่ง เมื่อใดอารมณ์เสียความคิดก็เปลี่ยนแปลง ยามทำถูกใจก็ยกยอชื่นชม ยามขัดใจก็หมิ่นหยามหมางเมิน ตัวเราคือสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ณ ตรงนี้ มิใช่ในดวงตาหรือความคิดใคร หากเราถือตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่คนอื่นมอง ก็เสมือนถือว่าภาพจากเครื่องฉายเป็นของจริง เมื่อใดเขาไม่สนใจไยดีหรือคิดเห็นเป็นอื่น เราก็รู้สึกด้อยค่าประหนึ่งไม่มีตัวตน การถูกเข้าใจผิดมิได้ติดตราประทับไว้ที่ตัวเราแต่เพียงลำพัง คนที่ทำคุณงามความดีหลายคนย่อมเคยผ่านการถูกเข้าใจผิด หรือแม้แต่การถูกประณามหยามเกียรติ ศาสดาของศาสนาต่างๆ ย่อมเคยถูกเข้าใจผิดหรือคิดเห็นในทางลบร้ายจากผู้อื่น ก่อนที่ท่านจะก้าวผ่านด้วยสัจจะ ศรัทธา และปัญญา หากพวกท่านนำคุณค่าจากสายตาผู้อื่นมาเป็นเครื่องชี้วัดตัดสินคุณค่าแล้ว โลกนี้ก็คงไร้ซึ่งศาสนาพยุงความดีของมนุษย์ และไม่มีคำสอนเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์มาจนถึงทุกวันนี้ คุณค่าของสิ่งใดๆ มีคุณค่าในตัวมันเอง การตีตราให้ราคาจากภายนอกมิใช่สิ่งที่เที่ยงแท้และยั่งยืน เปลี่ยนแปลงได้ตามอารมณ์ สถานการณ์ และปัจจัยมากมาย เราจะเลือกฝากคุณค่าของตัวเองไว้ที่ตาชั่งเหล่านั้นหรือไม่ ถึงอย่างนั้นมิใช่ห้ามเราไม่รับฟังผู้อื่นเลย มุมมองจากผู้อื่นเป็นแง่คิดให้เรารับฟังและเรียนรู้ได้เสมอ แต่ต้องแยกให้ออกระหว่างคุณค่าของสิ่งที่เราเป็นหรือได้ทำ กับความคิดเห็นหรือความเข้าใจจากผู้อื่น สองส่วนนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน สิ่งที่คนอื่นบอกเป็นการ “เสนอแนะ” ความคิดเห็นเป็นสิ่งนอกตัว… Continue reading คุณค่าของเธอ ไม่ได้ขึ้นกับความเข้าใจ(ของคนอื่น)
เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (3)
…คำบอกเล่าหลังจบการเรียนรู้… “มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนทุกข์มาก และมาระบายกับเรา ซึ่งบางทีเราก็ให้คำแนะนำเค้ามากไม่ได้ ก็เลยยื่นสมุดให้ และให้เค้าเขียน พอเขียนเสร็จแล้วก็ถามเค้าว่ารู้สึกยังไง เค้าก็บอกว่าโอเค มันดีขึ้นนะ มันได้ปลดปล่อยบางสิ่งที่เค้าพูดกับเราไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในภาษาเค้าหรือภาษาเราก็ตาม จบออกไปแล้วก็คิดจะเขียน เขียนไว้มันดีกว่า มันมี space ของเรามากขึ้น” เมื่อกิจกรรมการเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขังแดนหญิงสมุทรปราการ ได้มาถึงครั้งที่ 12 ในช่วงปัจฉิมนิเทศ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 เราได้ชวนเขาทบทวนถึงการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองจากการเข้าร่วมโครงการที่ผ่านมา โดยใช้ “ไพ่กัลยาณมิตร” เป็นเครื่องมือ พวกเขาได้บอกเล่ากับเรา อาทิ “ได้สติมากขึ้น ได้แสดงออกมากขึ้น จากคนที่คิดว่าตัวเองไม่ค่อยอยากจะพูด ไม่ค่อยอยากจะอะไรกับใคร ก็ทำให้เราสามารถพูดกับเพื่อนได้ แคร์ความรู้สึกกัน บอกกันได้ ทำให้เรารู้สึกดี และพอมีสมุด บางอย่างที่เราคิดอยู่คนเดียวในใจ ไม่สามารถที่จะบอกใครในเรื่องของเราได้ เราก็สามารถที่จะเขียนลงสมุดได้ ทำให้เรารู้สึกดีเวลาได้ระบายสิ่งที่เราอึดอัดในใจออกไป มันทำให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็มีสมุดที่ยังเก็บความลับของเราได้ มันไม่สามารถที่จะพูดให้ใครฟังได้ เพราะสมุดไม่มีปาก” “ตอนแรกที่เค้าให้มาเรียนก็สงสัยว่าเค้าอบรมคนที่เป็นจิต แต่เราไม่ได้เป็น ถ้าอบรมไปนานๆฉันจะเป็นจิตไหม พอได้มาอบรมแล้ว… Continue reading เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (3)
“เขียนคุยกาย ฟังเสียงในตน” 2566
ขอขอบคุณทีมงาน 🙏 มูลนิธิกัลยาณการุณย์ ที่ได้เชิญชวนเราจัดอบรมการเขียนบำบัดในหัวข้อ “เขียนคุยกาย ฟังเสียงในตน” โดยเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร “การดูแลสุขภาพและความงดงามแบบองค์รวม กาย ใจ และจิตวิญญาณ” รุ่นที่ 12 ณ โรงพยาบาลบางโพ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 การเขียนไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการสื่อสาร แต่ยังเป็นผู้ช่วยให้เราได้เป็นหมอให้กับตนเอง ในการส่งเสริมสุขภาวะทางกายและจิตใจ ยินดีที่ทางมูลนิธิได้ให้ความวางใจแก่ทางเรามาอบรมในเรื่องนี้เป็นรุ่นที่ 5 กิจกรรมการเขียนบำบัดทางออนไลน์ฟรี สามารถสมัครเรียนรู้ด้วยตนเองได้ที่ www.punnspace.com/learning/ หลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต www.dhammaliterary.org/khianpianchiwit/
เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (2)
เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (2) …การเรียนรู้จากการฝึกเขียนสร้างสรรค์… หลังจากผ่านการเรียนรู้ด้วยการเขียนบำบัดผ่านการเล่าเรื่องราวในอดีต การย้อนมองชีวิตเพื่อใคร่ครวญ และการวางแผนอนาคตข้างหน้า เราได้ให้ผู้เรียนได้ฝึกเขียนงานสร้างสรรค์ ทั้งในรูปแบบกลอนไฮกุ กลอนหัวเดียว และการแต่งเรื่องราว เป็นเนื้อหา “Article Craft” ซึ่งเป็นช่วงสองครั้งสุดท้ายของการอบรมการเขียนบำบัดเพื่อพัฒนาสุขภาวะผู้ต้องขังแดนหญิง เรือนจำสมุทรปราการ การฝึกเขียนสร้างสรรค์ของเรา ไม่ได้มุ่งหมายที่การพัฒนาทักษะทางด้านการเขียน หากเป็นทักษะในการด้านคิดและปัญญา ซึ่งกระทำผ่านการร้อยเรียงถ้อยคำ จินตนาการ การตกผลึกจากการอ่านและการทบทวนชีวิต อันจะช่วยส่งเสริมพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาให้แก่พวกเขา หลังจบการฝึกเขียน พวกเขาเล่าว่า “ทําให้เห็นว่าชีวิตยังมีวันหน้า ต้องไม่ท้อถอย ต้องก้าวไปข้างหน้า ต้องมี ความหวังและไขว่คว้าโอกาส, ได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์ รอยหยักในสมอง จินตนาการ ทักษะการคิดเขียน, ได้เปรียบเปรยตนเองและผู้อื่นกับตัวละครต่างๆ ทําให้เห็นชีวิตที่ผ่านมา และนึกถึงคําเตือนที่คนอื่นที่เคยบอก, สอนเราว่าสิ่งที่คิดว่าดีสําหรับเรา อาจไม่ได้ดีจริงก็ได้, ทําให้ได้ใช้ความคิด เพลิดเพลิน ปลดปล่อยอารมณ์ ส่วนนิทานทําให้เห็นว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก เป็นบทเรียนราคาแพง ควรฟังคนอื่นบ้าง, การฟังนิทานของเพื่อนก็ทําให้คิดว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป จะจดจําไว้, มีสติ คิดก่อนทํา… Continue reading เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (2)
เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (1)
…บทเรียนจากความทุกข์ มุมมองที่เปลี่ยนไป… การเขียนบำบัดเป็นเครื่องมือเรียบง่ายที่ทรงพลัง ซึ่งไม่เพียงช่วยเหลือด้านอารมณ์หรือการผ่อนคลายความรู้สึกของผู้เขียน ยังช่วยในการใคร่ครวญ ย้อนมองชีวิต และตกผลึกความคิดเกี่ยวกับตนเอง โครงการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด กลุ่มผู้ต้องขังแดนหญิงในเรือนจำสมุทรปราการ ที่เราได้ดำเนินการตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา จนครบจำนวน 12 ครั้ง ในการชวนผู้ต้องขังได้ดูแลตนเองผ่านการเขียนบำบัด 4 รูปแบบ การย้อนมองความทุกข์ของตนเอง ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม ทำให้เราเกิดการยอมรับและความเข้าใจ เราอาจจะ “เสียใจ” ในสิ่งที่เคยทำหรือการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่มันก็จะทำให้เรา “กลับใจ” ด้วย ซึ่งจะทำให้เราเริ่มต้นใหม่ได้ดีกว่าเดิม แม้จะไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ แต่เราแก้ไขอิทธิพลจากอดีตได้ . เราพบข้อความในสมุดของผู้เรียน ที่เป็นการถอดบทเรียนจากความทุกข์ในอดีตที่ผ่านมา พวกเขาบางคนเล่าว่า “ความทุกข์นี้เกิดขึ้นกับทุกคน ซึ่งเรามองรอบๆข้างต่างก็มีความทุกข์คนละแบบ ซึ่งต้องแก้ปัญหากัน และก็เป็นบทเรียนที่ไม่อาจจะลืมได้เลย ถ้าเราเอาความทุกข์ที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน จะทำให้เราไม่กล้ากลับไปทำ และต้องทบทวนก่อนที่จะทำในครั้งต่อไป ความทุกข์ที่เป็นบทเรียนและสอนให้เราต้องจดจำไปตลอดชีวิต คือความผิดพลาดเกี่ยวกับการทำงานที่มีการวางแผนไว้ไม่ถี่ถ้วน ทำให้มีปัญหาพอกพูนจนไม่สามารถแก้ไขได้ พัวพันไปหมด ไม่มีทางแก้ไขจนถึงขั้นต้องโดนฟ้องและจำคุกในที่สุด ซึ่งเป็นความทุกข์อันยิ่งใหญ่ในชีวิต ต้องจดจำไปตลอด คิดถึงทุกครั้งก็เสียใจ และทำให้ครอบครัวเสียใจไปกับเหตุการณ์ที่เรากระทำไปด้วย” “ความทุกข์ที่ผ่านมาสอนฉันหลายอย่าง และเรารู้ว่าใครที่รักเราจริงๆและรักเราที่สุด… Continue reading เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (1)