เราอาจเป็นฆาตกร

    #เราอาจเป็นฆาตกร : คอลัมน์ ไกด์โลกจิต Dana Plato เป็นนักแสดงเด็กที่มีผลงานโดดเด่นมาตั้งแต่อายุยังน้อย มีผลงานการแสดงนับสิบเรื่อง จนกระทั่งเธอมีปัญหาติดเหล้ายา การแสดงลดน้อยถอยลง เธอตั้งครรภ์ตอนอายุได้ ๒๐ ปี มีลูกชายหนึ่งคนชื่อ Tyler Lambert แล้วโชคชะตาก็ดิ่งลงมา อาชีพผันผวนจากภาพยนต์เกรดเอมารับงานเกรดบีและนิตยสารเพลย์บอย เธอพยายามปรับตัว สู้ชีวิต แม้ถูกคดโกงจนเงินหายสูญ จากนักแสดงเด็กผู้มีแววรุ่งโรจน์ต้องผันเปลี่ยนมาถ่ายแบบนู้ดหาเลี้ยงชีพ จวบจนเธออายุได้ ๓๕ ปี ได้รับเชิญจากรายการ The Howard Stern Show เพื่อสัมภาษณ์และบอกเล่าเรื่องราวชีวิตตน เล่าความผิดพลาดจากการติดเหล้ายา แต่ได้อธิบายว่าตนเองได้เลิกราห่างหายจากมันแล้วเหลือเพียงต้องใช้ยาแก้ที่ได้อนุญาตตามกฏหมายเพื่อรักษาอาการปวดจากการถอนฟัน เธอถูกกดดันอย่างหนักจากพิธีกรดำเนินรายการหลายคน ทั้งเค้นคั้นให้ตอบคำถามยืนยันการเลิกยา ยั่วยุเธอ ท้าให้พิสูจน์ต่อหน้ารายการ บีบคั้นให้เธอรู้สึกผิด ต่อหน้าผู้ชมทั้งหลาย คนทำรายการทีวีก็อาจอ้างได้ว่าเขาทำไปดังนั้นเพื่อเรียกความบันเทิงหรือความน่าสนใจของรายการ หรืออยากท้าพิสูจน์อย่างไรก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนึ่งวันต่อมา Dana ฆ่าตัวตายด้วยการใช้ยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อเกินขนาด จบชีวิตอดีตนักแสดงเด็กผู้โดดเด่นและแสดงภาพยนต์ชื่อดังอย่าง Exorcist II: The Heretic และซีรีย์ทีวี Diff’rent Strokes ต่อมาอีก… Continue reading เราอาจเป็นฆาตกร

มีปีใหม่ในทุกๆ วัน

  มีปีใหม่ในทุกๆ วัน     เมื่อยามแรกลมหนาวของปีก่อน โบกบินมาสัมผัสทักทายบ้านเรา ต้นโมกข์และบางแมกไม้ก็ปลิดใบร่วงหล่นจนต้นเปลือย และบ้างคงแต่ใบเหลืองเหี่ยวแห้ง ใครบางคนเอ่ยว่ามันไม่น่ารอดแล้ว มันกำลังจะตาย ผมมิเห็นเช่นนั้น แต่วางใจในฤดูกาลของชีวิตและสิ่งที่ต้นไม้เหล่านั้นได้เลือกแล้ว แต่ยอมให้แม่ตัดกิ่งใบของโมกข์ลงจนแคระกว่าเดิม เพื่อให้โอกาสเขาได้ต่อยอดผลิใบใหม่ ล่วงราวสองสัปดาห์ ทุกต้นในบ้านที่ปลิดทิ้งใบไม้เสียเกลี้ยงต้น ผลิใบน้อยๆ สีเขียวน่ารักขึ้นแซมเสียงามตา มีเพียงต้นไผ่หน้าบ้านที่มิยอมปลิดใบลงมากเท่าที่ควร พยายามถนอมรักษาใบที่มีอยู่จนแห้งเหลืองไปทั้งต้น ระหว่างที่ผมบันทึกสังเกตการณ์พวกเขา ปีเก่าได้เพิ่งล่วงเลยไปได้สามวัน ตนเองนั้นมิได้เดินทางไกลเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลนี้แต่อย่างใด แต่เรียนรู้อยู่กับที่อย่างไม่ปิติยินดีการมีปีใหม่ มากไปกว่าการมีอยู่ของแต่ละวันในชีวิต ต้นไม้ที่บ้านก็มิได้ดูดีใจหรือต้องจัดงานต้อนรับปีใหม่ หากแต่เขาพร้อมที่จะทิ้งใบและงอกงามใหม่อยู่เสมอแทบทุกวัน ทิ้งหนึ่งใบเพื่อเปิดโอกาสให้ใบใหม่ก่อเกิด บางต้นมีดอกไม้รอผลิบานให้เราประหลาดใจและชื่นชม มีปีใหม่อยู่เสมอในแต่ละวันสำหรับต้นไม้ มีอยู่ในคนเราด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่เห็นคุณค่าในเวลาที่มีและเปิดกว้างต่อการเริ่มต้น ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ผมตัวเล็กๆ คนนั้นเคยปลูกต้นกุหลาบจนสูงและผลิดอกน่ารัก เป็นต้นไม้แสนรักดุจดังต้นส้มของเซเซ่ จนวันหนึ่งเขาป่วยลงและแม่บอกว่าเราต้องตัดรอนกิ่งและต้นลงเพื่อรักษาชีวิต ยามนั้นใจรู้สึกกลัวและกังวล เหมือนกำลังจะสูญเสียเพื่อนคนสำคัญ ผมออกมายืนดูเขาในยามค่ำดาวพราวแสง จับต้นสัมผัสรู้สึกรู้สา ปวดร้าวในใจลึกๆ เมื่อมองลำต้นที่กุดด้วน ผมกลัวการพลัดพรากจากลา และเขาเป็นเพื่อนที่รับฟังผมมากที่สุดคนหนึ่ง รองจากสมุดบันทึกเท่านั้นเอง แต่หากเราไม่ยินยอมให้มีการลดละลงเสียบ้าง ชีวิตคงเป็นเหมือนต้นไผ่หน้าบ้านตอนนี้ ผู้มิยอมปลิดทิ้งใบลงแต่ยอมเหลืองและแห้งเพื่อรักษาใบ ผมคงมิมีโอกาสได้เป็นเพื่อนกับต้นกุหลาบต้นนั้นต่ออีกระยะหนึ่งจนหมดอายุขัยของเขา ปีใหม่จึงจะเป็นเพียงแค่เทศกาลให้เราปลดเปลื้องภาระชั่วคราว เพียงเพื่อกลับมาแบกรับและเหนื่อยหนักอย่างเก่า ปีใหม่จึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ให้เราสุขสันต์… Continue reading มีปีใหม่ในทุกๆ วัน

คนเราสามารถหลอกตัวเองได้ไหม ?

    ถาม : คนเราสามารถหลอกตัวเองได้ไหม ? ตอบ : หลอกได้ และคนเราส่วนใหญ่หลอกตนเองอยู่เรื่อยๆ ตามหลักจิตวิทยาและพุทธศาสนา ที่เราบอกกันว่า “คนเราหลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้” เป็นทั้งความจริงและไม่จริง ตราบใดที่เรามีความอยาก(ตัณหา)และความยึด(มานะและอุปาทาน) เราก็ยังคงหลอกตนเองอยู่มากบ้างน้อยบ้าง หลอกตนเองคือ การไม่ยอมรับความจริงเกี่ยวกับตนเองและชีวิตอย่างที่เป็นจริง เพราะมีความอยากให้เป็น ความอยากไม่ให้เป็น และการสำคัญมั่นหมายเอาเองว่าสิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร ตามหลักจิตวิทยาแล้ว การหลอกตนเองถือเป็นหนึ่งในกลไกการปกป้องตนเอง ทั้งการโทษคนอื่นโดยไม่มองตนเอง ทั้งการหลบเลี่ยงปัญหาหรือข้อบกพร่องของตน หรือการกลบเกลื่อนความจริงไว้ด้วยการคิดต่างๆ เกิดจากความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ อย่างที่มันเป็น เพราะลืมความกล้าหาญและความเข้มแข็งที่แท้จริงในตนเองไป การหลอกตนเองนั้นยังเป็นการยึดถือเอาด้านใดด้านหนึ่งของตนเอง เช่น ติดดี หรือ จมปลักกับข้อเสียของตนเอง แต่ไม่มองตนเองให้รอบด้านว่า เราเองก็เป็นคนอีกแบบหนึ่งด้วย เราไม่ได้มีสิ่งแย่ๆ แบบนี้อย่างเดียว แล้วเราเองก็มีจุดบอดหรือสิ่งที่ต้องแก้ไขแต่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน กรณีแบบนี้ถ้ามีคนมาว่าเราหรือเจอเหตุการณ์ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่เรายึดมั่น เราก็จะเป็นทุกข์ และพยายามกลบเกลื่อนความจริงด้วยการหลอกตนเองแบบต่างๆ ดังที่ยกตัวอย่างมา ถาม : แล้วที่บอกว่า คนเราหลอกตัวเองไม่ได้ก็เป็นความจริงด้วย ? ตอบ : เราอาจกลบเกลื่อนมันได้ แต่ในที่สุดความทุกข์ก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี เหมือนหมักหมมปัญหาไว้… Continue reading คนเราสามารถหลอกตัวเองได้ไหม ?

วิธีจัดการความเครียดสะสม

วิธีจัดการความเครียดสะสม #บทความไกด์โลกจิต . เริ่มต้นเราต้องเข้าใจก่อนว่า ยามที่เราเผชิญปัญหาแล้วรู้สึกเครียด กังวลใจ และอารมณ์ลบต่างๆ เหล่านั้นมาจากกลไกของจิตใจที่ต้องการปรับตัวเราให้พร้อมรับมือสิ่งต่างๆ กลไกที่ว่านี้อาจเรียกว่า ปฏิกิริยาการปรับตัวปกติของจิตใจ (Adjustment reaction/ normal reaction) . สิ่งนี้ดีอยู่แล้ว ในแง่ที่เป็นเหมือนสัญญาณเตือนระวังภัยให้เรารับมือสิ่งต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที แต่ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำเติมเราเมื่อ กลไกลการปรับตัวดังกล่าว ทำงานมากเกินไป หรือทำงานติดต่อกันมากเกินไป กลายเป็นร่องความเครียด หรือร่องอารมณ์ด้านลบ ทั้งระดับร่างกายและจิตใจ . สิ่งดังกล่าวเลยไม่ใช่ปฏิกิริยาการปรับตัวตามปกติแล้ว กลายเป็นโรคเครียด หรือเรียกว่า ภาวะ “การปรับตัวผิดปกติ” (adjustment disorder) . 7 ข้อดังต่อไปนี้ เป็นสัญญาณบอกว่า กลไกของจิตใจเราพยายามเตือนภัยมากเกินไปแล้ว 1. เครียดมาก…จนบกพร่องชัดเจนในหน้าที่การงาน หรือ การเรียน 2. เครียดมาก…จนบกพร่องชัดเจนในเรื่องความสัมพันธ์ 3. เครียดมาก…จนบกพร่องชัดเจนในการเข้าสังคม 4. เครียดมาก…จนส่งผลต่อการกิน การนอนผิดปกติ ไปหมด 5. เครียดมาก…จนวันๆ หมกมุ่น ครุ่นคิดต่อเรื่องนั้น จนไม่เป็นอันทำอะไรกันเลย… Continue reading วิธีจัดการความเครียดสะสม

ตัวเล็ก จึงทวนกระแสง่าย

      #ตัวเล็ก จึงทวนกระแสง่าย   ผมนึกรู้สึกขอบคุณสภาพที่เป็นอยู่ ในบ้านหลังน้อย งานเล็กๆ กลุ่มคนไม่มาก ระหว่างนั่งลำพังท่ามกลางค่ำคืน สรรพเสียงต่างๆ เดินทางมาทักทาย ถ้าเราส่งเสียงดังหรือทำตัวใหญ่โต คงยากหาโอกาสฟังเสียงจากเจ้าตัวกระจิดริดที่ร้องเพลงกล่อมดาว อีกลูกหมาที่ร้องมาแต่ไกลบอกกล่าวว่าการเกิดนั้นเป็นทุกข์ แต่เสียงก็น่ารักนัก ผมรู้สึกขอบคุณที่ยังคงตัวเล็ก… การบ่มใจให้เป็นสุขแท้ มันเป็นสิ่งที่ทวนกระแส เหมือนวิ่งต้านทานลม ผมเคยคิดว่าการทวนกระแสคือการทำตัวให้แตกต่าง และ เชื่อมั่นสิ่งที่ดีกว่าที่คนทั่วไปหลายคนไม่สนใจ แต่การทวนกระแสที่ทำให้ใจเป็นสุขและช่วยเหลือผู้คนได้มากมิใช่สิ่งเหล่านั้น แต่เป็นกระแสของจิตที่ถูกพัดพาด้วยเหตุของความทุกข์ ซึ่งเราต้องย้อนทวน เปรียบเป็นกระแสลม เราจะวิ่งฝ่าลมต้านได้ ต้องย่อตัวให้เล็ก ค้อมกายลง เพื่อลดพื้นที่ต้านทาน ถ้าเราเอาตนเป็นที่ตั้ง ฝ่าลมต้านไปทื่อๆ มันย่อมยาก ชีวิตที่เอื้อให้เราตัวเล็ก เปิดโอกาสให้เราเป็นสุขแท้จากการทวนกระแสของจิตใจ จากการถูกความอยากและการยึดมั่นโน้มนำ ให้เราว่ายวนในบ่วงทุกข์ราวไม่สุดสิ้น ตัวเล็กเพื่ออยู่อย่างทวนกระแสในตัวตน หยั่งเห็นสิ่งละอันพันละน้อยที่ใครหลายคนละเลย เพราะเราตัวเล็กจึงทำสิ่งที่ละเอียดอ่อนง่าย คิดเปรียบเปรยคนเรานี่น่าอิจฉามดแมลง เล็กกระจิ๋วแต่สามารถสำรวจชีวิตได้ลึกซึ้ง บางทีหนทางตีบตันสำหรับเราผู้ตัวใหญ่กว่า แต่พวกเขาเหล่านี้อาจเห็นช่องทางผ่านไปได้ง่าย ผมขอบคุณความตัวเล็กที่เปิดโอกาสให้ได้เรียนและได้สอนกับคนตัวเล็ก ผู้ซึ่งมีใจที่เปิดรับโลกกว้าง และพร้อมขัดเกลาตนอย่างอ่อนน้อม ความอ่อนน้อมและอ่อนโยนของผู้เรียนย่อมเป็นแบบอย่างแก่ผู้สอนด้วย รายได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้เราไม่อวดโอ่ตนจนเป็นความรำคาญแก่ชีวิต นึกถึงอาจารย์ท่านบอกว่า “เอ็งนี่ดีนะ… Continue reading ตัวเล็ก จึงทวนกระแสง่าย

อุบายดูแลใจเมื่อเจอะใครรบกวน

    อุบายดูแลใจเมื่อเจอะใครรบกวน ในกลุ่มคุยผู้เรียน “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” โหน่ง ถาม : อยากถามว่าถ้ามีคนใกล้ตัวที่มีพฤติกรรมที่กวนใจเราโดยเขาอาจไม่รู้ตัว แต่เราไม่ชอบพฤติกรรมนั้นเอง ซึ่งเราต้องเจอพฤติกรรมนั้นบ่อยๆ เราจะใช้การสั่งจิตมาประยุกต์ได้อย่างไรบ้างคะ โณ ตอบ : ส่วนตัวโณใช้วิธีแผ่เมตตา กับทองเลนค่ะ คิดว่าเป็นส่วนนึงของพลังจิต เพราะขยายพื้นที่ในจิตใจตัวเองค่ะ ตา ตอบ : น่าจะลองใช้ส่วนหนึ่งในบทเรียนสั่งดู เช่น สั่งให้ตัวเราอีกคนทำหน้าที่ผู้ดูแล คอยชวนตัวเราคนเดิมให้ถอยห่างเหตุการณ์แล้วชวนมองกลับเข้าไปแบบทำตัวแค่เป็นผู้สังเกตหรือผู้มองเห็น  หรือถ้ายากไป ก็ประยุกต์บทเรียน ภาษามนุษย์ต่างดาวเปลี่ยนเรื่องเดิมให้เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย บอกเล่าตัวเองขณะเห็น  พี่เคยใช้วิธีแรกค่ะ ก็พบว่าใจเรามีอุเบกขามากขึ้นจนพฤติกรรมเหล่านั้นลดอิทธิพลลงไป ไม่สามารถสร้างปฏิกิริยาใดๆในตัวเราอีก จนเดี๋ยวนี้ก็ยังนึกขอบคุณเขา เวลาเห็นพฤติกรรมนั้น ว่าเป็นบททดสอบอารมณ์ให้เราบ่อยดี หน่ง ตอบ : สุดยอดค่ะ ขอบคุณค่ะ โณ และพี่ตา คิดวิธีเหล่านี้ไม่ถึงเลยนะเนี่ย ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ จากกิจกรรมสองวันที่่ผ่านมา รู้สึกเลยว่ามุมมองเรากว้างขึ้น และเปลี่ยนไป รวมทั้งรับรู้พลังได้มากขึ้น อยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น ตา ตอบ : บทเรียนจากคนข้างตัวจะช่วยนำพาทักษะการอยู่กับปัจจุบันมาให้ตัวเรา… Continue reading อุบายดูแลใจเมื่อเจอะใครรบกวน

อยู่อย่างยึด ย่อมยาก

    อยู่ยากหรืออยู่ง่ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบเป็นสำคัญ อยู่ในวัดอารามแหล่งบุญหรือท่ามกลางชนบททุ่งนา อาจเป็นการอยู่ยากได้ไม่น้อยกว่าผู้ต้องขังเรือนจำ อยู่ยากหรืออยู่ง่าย ไม่ได้วัดที่ชอบความง่ายๆ หรือชอบความท้าทายซับซ้อน แต่อยู่ที่ ยึดมั่นมาก หรือ ยึดมั่นน้อย อยู่อย่างยึด ย่อมอยู่ยาก ใจเราก็เหมือนนักเดินทางไกลที่แบกสัมภาระมากมาย ยิ่งเดินทางไปถึงไหน ยิ่งหาสัมภาระใหม่มาแบกถือ อย่างนี้จะถึงเป้าหมายอย่างไร เราทำให้การเดินทางชีวิตนั้นยากเอง ยิ่งแบกหนักเข้าเราก็อาจเหนื่อยล้าจนลืมความสวยงามระหว่างทาง มนุษยเรานี่เก่งนะ ทำให้ชีวิตที่ง่ายตามวิถีธรรมชาติให้ยุ่งยากซับซ้อนและก็ทนอยู่กับมันได้ แต่ความเก่งนี้แทนที่จะเพื่อช่วยให้ตัวเราและเพื่อนหลุดพ้นจากทุกข์ กลับก่อทุกข์เพราะเกาะกุมสิ่งต่างๆ อยู่ร่ำไป เอาความเก่งนั้นมาทำให้ชีวิตอยู่ยาก แทนที่จะทำให้ง่าย อยู่อย่างยึด ย่อมยากลำบาก ต้องคอยอยากให้ได้ อยากให้เป็น อย่างที่ยึดมั่นไว้ เช่นโทรศัทพ์มือถือเราหวังให้มันเป็นอุปกรณ์พิเศษและมีรุ่นใหม่ไม่น้อยหน้าใคร เราต้องทำงานหนักเพื่อผ่อนจ่าย คอยพะวงดูแลรักษา ใช้สมองคิดแก้ปัญหาความซับซ้อนของระบบ หาเงินจ่ายค่าโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตรายเดือน และเสียค่าซ่อมเมื่อเครื่องรวนหรือเสียหาย ชีวิตเหมือนจะสบายเพราะสิ่งอำนวยความสะดวก แต่มันกลับทำให้เราอยู่ยากขึ้น เมื่อรายจ่ายมากเข้า รายรับเท่าเดิมหรือผันผวนตามเศรษฐกิจ เรามีเวลาให้หน้าจอสัมผัส แต่มีเวลายิ้มให้ตนเองและครอบครัวน้อยลง มีความสุขเมื่อได้ครองสิ่งที่หวังยึดมั่น แต่ใจเป็นทุกข์หนักเพราะภาระต่างๆ ต้องดูแล ความยึดมั่นเกิดจากความอยาก เมื่อได้อย่างที่หวังก็ต้องอยากรักษาให้คงอยู่ สูญเสียไปก็เสียดายและใฝ่หวังหาสิ่งทดแทน ทุกข์ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และบั้นปลาย นี่อยู่อย่างง่ายหรืออยู่อย่างยาก เราต้องใคร่ครวญ… Continue reading อยู่อย่างยึด ย่อมยาก

ป่วยเพราะปิดกั้น

ตั้งแต่วัยเด็กแล้วที่ผมมักป่วยง่ายและอ่อนแอต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เดินทางไกลเปลี่ยนที่ทีก็มักเป็นหวัดไม่สบาย ขึ้นรถและอยู่ห้องติดแอร์ก็มักวิงเวียน  โตขึ้นจึงได้หมอวินัจฉัยว่าเป็น ภูมิแพ้อากาศ พร้อมกับให้ยาทานที่ทำให้ผมเพลียและคลื่นไส้อาเจียนไปหลายวัน อยู่ใกล้คนจำนวนมากๆ ก็ทำให้ผมอ่อนแอเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นคนที่อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อมพอสมควร นี่คงเป็นหนึ่งเหตุปัจจัยที่ทำให้ผมเคยชินกับการอยู่ลำพังสันโดษ ในอาณาจักรขนาดเล็กของตน ณ ที่เราสามารถจัดการดูแลพื้นที่ของตนให้ตัวเราสบายใจได้ แต่เมื่อล่วงวัยมาอีกระดับหนึ่ง ผมกลับหายจากอาการภูมิแพ้อากาศและแข็งแรงขึ้น จากร่างกายที่ผอมแห้งและหม่นหมอง เป็นสมบูรณ์และผ่องใสขึ้น ไม่ได้เกิดจากกาลเวลา บางทีเวลาป่วยไข้เราก็อยากจะนอนจนมันหายป่วยแล้วลุกขึ้นไปใช้ชีวิตต่อ ความจริงแล้วเวลาไม่ได้ช่วยเรา แต่เป็นการเดินทางของร่างกายและหัวใจผ่านกาลเวลา แม้ในยามเรานอนหลับ พันธมิตรในเนื้อหนังมังสาก็หาญกล้าต่อกรกับผู้รุกรานและเหนื่อยซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่ซึกหรอ เหล่านี้เรียนรู้กันตั้งแต่วัยเด็กแล้ว ย้อนมองกลับไป ผมเห็นว่าตนเองแช่มชื่นใจสดใสขึ้นเมื่อยามเปิดรับสิ่งต่างๆ ในชีวิต ทั้งสมหวังผิดหวัง เหลียวแลมองโลกหลากแง่มุม ออกจากมุมมืดที่ตนเองเกาะกุม ตอนที่ผมย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ ผมโดนเพื่อนแกล้งมาก โดนล้อหนักมาก จนไม่อยากพูดกับใคร อยู่โรงเรียนจึงเป็นเด็กเงียบๆ เรียบร้อย เป็นจนถึงมัธยมต้น แต่พอวันหนึ่งได้เข้าค่ายลูกเสือที่ภูเขาแห่งหนึ่ง เพื่อนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าผมเปลี่ยนไปในตอนนั้น กลายเป็นคนร่าเริงแจ่มใส สนุกกับการเดินทางไกล อ้อมกอดของภูเขาที่แม้จะร้อนและใบแห้งสีน้ำตาลมากว่าเขียวสด เติมลมหายใจให้กับเด็กน้อยผู้เคยโดดเดี่ยวท่ามกลางตึกปูนปั้น หลังจากร่ำเรียนกับครูน้อยใหญ่นอกโรงเรียน เห็นว่าตนเองมิได้ป่วยเพราะบรรยากาศรอบตัวเท่านั้น แต่เพราะบรรยากาศของใจด้วย มีขยะในนั้นที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่ารบกวนชีวิต ทั้งความคิดว่าตนเอง “อ่อนแอ” “ไร้คุณค่า” “ยากที่มีใครรัก” “คนอื่นๆยอมรับแต่ด้านที่ดีของผมและต้องตามใจเขา” “ผมต้อยต่ำและยากจะมีใครเข้าใจ” ความมืดมนในใจก่อตัวเหมือนเมฆดำ… Continue reading ป่วยเพราะปิดกั้น

ค้นพบตัวเองอย่างต้นไม้

    หลังจากเราย้ายบ้านขององค์กรและที่จำศีลของตนเอง ผมพบว่าการปลูกต้นไม้ และเฝ้าดูแลการเติบโตของพี่น้องแตกใบเหล่านี้ให้ความสุขในแบบที่ไม่คิดฝัน ท่ามกลางพื้นที่เล็กๆ พวกเขาทยอยสร้างความประหลาดใจและความอิ่มใจกับการทักทายมนุษย์ผู้อาศัย ด้วยการพิสูจน์ที่ทางของการมีชีวิต ดินกระถางน้อยๆ ถูกแต้มด้วยกลีบใบทีละนิดดุจหยดสีลงในผืนผ้าน้ำตาล ต้นอ่อนทานตะวันลากเลื้อยตัวเองไขว่คว้าหาแสงสว่าง ต้นตำลึงที่ไม่ได้ปลูกเองแต่คิดหวังในใจอยากปลูกมาร่วมสองเดือน จู่ๆ ก็ผุดงอกขึ้นใกล้ท่อน้ำ สายลมใดพัดพามากันหนอ กระทั่งยามลงต้นไผ่หน้าเรือน ผู้ใจบุญก็นำต้นไม้และโอ่งน้ำมามอบให้ทันที   ผมไม่ได้ปลูกต้นไม้เพราะเป็นงานอดิเรก หรือเป็นความจำเป็นของการแต่งบ้าน แต่เพราะความสุขและคุณค่าอย่างหนึ่งที่ผมไม่ได้สังเกตในคราวแรก แอบซ่อนอยู่ในการกระทำ คนเรามีที่ทางการค้นพบตัวเองได้หลากหลาย และมีที่ทางให้ตนเองหยัดยืนได้เสมอ บางครั้งเราก็ได้แต่รดน้ำและมองดูการต่อสู้กับความมืด จนกระทั่งมันงอกใบสู่แสงสว่างด้วยตนเอง บางครั้งเราก็หยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ตนและคนอื่นได้บ้าง แต่กระนั้นทุกชีวิตมีหนทางและที่ทางให้ตนเองแตกใบ แม้มันไม่ใช่วันนี้ก็ตาม   การค้นพบตัวเองอาจจุดประกายขึ้นในการอบรม จากวิทยากรและกระบวนการต่างๆ หรือการแสวงหาด้วยวิถีนานา อาจบ่มปัญญาจากการสะท้อนและการถูกวิจารณ์จากผู้อื่น สิ่งเหล่านั้นเหมือนกับรดน้ำทีละครั้งทีละครั้ง แก่เมล็ดพันธุ์ที่อยู่ในเนื้อตัวและนาใจ คำสอนที่ดีและประสบการณ์ที่ดีอาจเป็นปุ๋ยเลอคุณค่า ความทุกข์เน่าเปื่อยกลายเป็นซากก็ล้วนเกื้อกูลต่อการเติบโต กระนั้น เมล็ดพันธุ์ใดใดจะงอกงามขึ้นมาได้ ปัจจัยภายนอกมิเคยเพียงพอ แต่ด้วยลงมือทำเพื่อก้าวข้ามจากเปลือกเมล็ดพันธุ์สู่ต้นอ่อนและทยอยเหยียดยอดใบสู่แสง เป็นหน้าที่ของชีวิต   เราก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าข้างในตนเองเป็นอะไร จะมีสีสันสักเพียงไหน จนกว่าเราจะยอมโตขึ้นและแตกกิ่งใบออกมา เมื่อดอกแย้มบานเราจะเห็นว่าตนเองงามเพียงใด ผมค้นพบแรงผลักดันตนเองระหว่างการลงดิน รดน้ำ จัดแจงหาที่ทางแก่ต้นอ่อนน้อยๆ ว่าผมมีความสุขกับการบ่มเพาะและหยั่งเห็นการเติบโตมาก เป็นความสุขที่สงบใจ ไม่ต้องใฝ่หาจากสิ่งใด… Continue reading ค้นพบตัวเองอย่างต้นไม้

7 บทเรียนต้นไม้สอนมนุษย์

  ต้นไม้เป็นครูที่ยิ่งใหญ่ของเรา แสดงธรรมและสอนบทเรียนต่อชีวิตอยู่เสมอแม้เราจะสังเกตหรือไม่ พระพุทธเจ้าท่านก็เรียนรู้จากต้นไม้ ตรัสรู้ใต้ร่มเงาของโพธิใหญ่ เราลองสังเกตชีวิตของพวกเขา เราอาจได้บทเรียน 7 ข้อนี้หรือมากกว่า 1 แก่นแท้ของชีวิตไม่อาจตัดสินได้แค่ ฤดูเดียว ช่วงเวลาหนึ่งต้นไม้อาจทิ้งใบโกร๋น อีกฤดูงอกใบสะพรั่ง ฤดูกาลต่อมาอาจมีดอกไม้แบ่งบานตา แล้ววันหนึ่งก็ผลิผลสุกปรั่งให้กิน ชีวิตมีฤดูกาล วันนี้เราอาจเห็นตนเองหรือคนอื่นเหมือนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา วันหนึ่งเมื่อถึงฤดูกาลที่เหมาะสม อาจกลายเป็นต้นไม้ที่สวยเด่นสง่า 2 เปลือกนอกกับภายในแตกต่างกันได้ บางผลอย่าง มะเดื่อ “ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง” ผิวเปลือกงามข้างในแมลงแทะกิน หรือหลายผลไม้ที่ภายนอกเปลือกแข็งกระด้าง แต่ภายในอ่อนหวาน อย่างมังคุด ผลไม้จากต้นไม้สอนเราว่า สิ่งที่แสดงออกภายนอกอาจปกปิดภายในที่แตกต่างออกไปก็ได้ อย่าเชื่อแต่ภาพลักษณ์หรือสิ่งที่ตาเห็นหรือสัมผัสจับต้องได้เท่านั้น 3 ต้นไม้สอนเราให้ไม่ย่อท้อ และมานะขันแข็ง ถึงแม้บางฤดูกาลจะร้อนร้าย หรือสายฝนพายุกระหน่ำ ต้นไม้ก็เพียรพยายามปรับตัวให้อยู่รอด อดทนตรำตากแดดซึมซับปรับเปลี่ยนเป็นพลังหล่อเลี้ยงชีวิต แม้บ้างยืนต้นมิมีใครเห็นคุณค่า ก็ยังทำตามหน้าที่ของตนอยู่เสมอไป 4 ร่มเงาและผลไม้จากต้นไม้ มิได้หวงแหนเห็นแก่ตัว มิได้เลือกที่รัก มักที่ชัง ใครจะเด็ดหรือเก็บผลก็ยินดีต้อนรับ ต้นไม้เป็นแบบอย่างของใจเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อสิ่งที่ดีให้แก่ทุกๆ สรรพสัตว์  ตั้งแต่ดอกอันหอมกรุ่น ผลไม้เลี้ยงชีวิต จนถึงลำต้นตัวมันเอง กล่าวกันว่า… Continue reading 7 บทเรียนต้นไม้สอนมนุษย์