รวมข้อความไขข้อคิดจากคอลัมน์ไกด์โลกจิต ประจำปีนี้ ทั้ง 8 ตอน ขอบคุณผู้ติดตาม ผู้อ่าน และศิษย์เก่าสถาบันธรรมวรรณศิลป์ที่ให้การติดตามมาตลอดทั้งปี และจากนี้ไป . 1 “ความกลัวนั้นเองทำให้ความตื่นตัวเป็นความ “ตื่นกลัว” ทำให้คิดมากหวาดระแวง วิตกกังวลไปต่างๆ จนเกินความเป็นจริง ความเครียดเกินครึ่งหนึ่งในชีวิตเกิดจากความคิดของเราเอง ความคิดที่ถูกผลักดันด้วยความกลัวอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้สิ่งที่เราเจอหรือระลึกถึง แลดูเลวร้ายไปกว่าความเป็นจริงเสมอ นอกจากการวิตกกังวล ความตื่นกลัวยังผลักดันให้เราพยายามมากเกินไปในเรื่องต่างๆ ทำให้เราแบกรับความคาดหวัง หมกมุ่นความดีพอหรือความสมบูรณ์แบบ กดดันตนเอง ไม่ยอมรับความจริง หักโหมจนโทรมทรุด ฯ หรือในทางกลับกันก็ทำให้เราไม่พยายามเลย เพราะกลัวที่จะผิดหวัง หรือกลัวที่จะต้องเสียใจ ทำให้ละเลยหรือปิดโอกาสตนเอง . “ความกลัวยังทำให้เรายึดติดกับบางสิ่งมากเกินไป การยึดติดนั้นเองที่ทำให้เกิดความตึงในการใช้ชีวิตที่เกินพอดี กลายเป็นความ “ตึงเครียด” หากเรามีความกลัวไม่ดีพออยู่ภายในระหว่างการทำงาน เราอาจยึดติดผลลัพธ์ของงานมากเกินไป จนนำมาสู่ความบาดหมางระหว่างเพื่อนร่วมงาน และตนอาจหักโหมบ้างานมากเกินไปจนกายใจเหนื่อยล้า ความยึดติดนั้นเองที่ก่อน้ำหนักให้เราแบกรับ กลายเป็นความเครียดสะสมในร่างกายและจิตใจ รวมทั้งความสัมพันธ์อีกด้วย จนถึงวันที่เกินขีดจำกัดจะรับไหว . “คนแต่ละคนมีความต้านทานต่อความตึงเครียดไม่เท่ากัน บางคนทนทานรับได้ยาวนาน บางคนทนรับได้น้อย หากเรามิได้คอยดูแลหรือสังเกตกายจิตให้ดี กว่าจะรู้ตัวว่ามีความเครียดสะสมมากก็อาจถึงเกณฑ์ที่เราเริ่มทนไม่ไหวแล้วหรือเลยเกณฑ์นั้นไปแล้ว ซึ่งจะเป็นจุดที่อาการต่างๆ จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน… Continue reading 8 ข้อคิด ไกด์โลกจิต ประจำปี 2563
Category: ไกด์โลกจิต
ใครไม่รู้ก็โกรธ และเกลียดชังเพราะความเห็นต่างและความขัดใจ…
1 ดีของเรา ชั่วของเขา เป็นธรรมดา . เหตุผลอะไรที่ทำให้เรามักเชื่อว่าสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง จะต้องดีสำหรับคนอื่น แม้ลึกๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นก็ตาม . ใช้ความรู้ตามหลักพุทธศาสนาอธิบาย เหตุผลนั้นก็เพราะเรามี อคติ สองอย่างที่เรียกว่า ฉันทาคติ คือ ความลำเอียงเพราะพึงพอใจ กับ โมหาคติ คือ ความลำเอียงเพราะหลงและความไม่รู้ . พึงพอใจกับสิ่งใด เราก็คิดไปว่ามันจะต้องดี ดีสำหรับตนเองไม่พอ ต้องดีสำหรับคนอื่นด้วย . หลงกับความคิดความเชื่อใด เพราะใจยังไม่รู้แจ้งเห็นจริงในกฏแห่งธรรมชาติ ย่อมด่วนตัดสินตีความว่ามันจะต้องเป็นแบบที่เราคิดสำหรับทุกคน . อคติเหล่านี้เกิดจาก สาม พ. คือ เพลิดเพลิน พอใจ และพะเน้าพะนอ . เพลิดเพลินในการรับรู้และการเสพความคิดนั้นๆ พอใจชอบใจกับสิ่งดังกล่าว และการคลุกคลีเอาใจไปเกลือกกลั้ว หรือเรียกว่า พะเน้าพะนออยู่กับมัน จนทำให้จิตปรุงแต่งไปเอง . เหตุผลทางจิตวิทยา คือความต้องการเป็นคนสำคัญ และอยากให้คนอื่นสนใจตนเอง . เกี่ยวข้องกันอย่างไร… เพราะสิ่งที่เชื่อว่าดี จิตมักนำมาเป็นตัวแทนของตัวตนและคุณค่าของตนเอง… Continue reading ใครไม่รู้ก็โกรธ และเกลียดชังเพราะความเห็นต่างและความขัดใจ…
อิสระแท้จริงที่ใกล้ตัว
หลายๆ ครั้งในชีวิตที่เราต้องอยู่ในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัด อาจเจ็บไข้ได้ป่วยจนไม่อาจใช้ชีวิตตามปกติ ต้องเผชิญกับรถติดและชีวิตที่ไม่อาจไหลลื่นได้ตามที่ต้องการ ต้องอยู่ร่วมกับสถานการณ์หรือความเป็นไปอันมิได้ดั่งใจ อึดอัดขัดข้องกับเรื่องราวชีวิตที่ร้อยรัด ต้องเล่นไปตามกติกาและเงื่อนไขที่ไม่อาจกระดิกตัวอย่างง่ายดาย มันทำให้เราเป็นทุกข์เพราะริดรอนอิสรภาพอันมีค่าไป . มีความไม่แน่นอนในชีวิตมากมายที่ทำให้เราไม่อาจเป็นอิสระอย่างที่ใฝ่หวัง แล้วน้อยครั้งนักที่สิ่งนอกตัวเหล่านี้จะเป็นไปอย่างที่เราต้องการอย่างแท้จริง ทำอย่างไรเราจึงจะรู้สึกอิสระได้แม้ดำรงกับความไม่แน่นอนและข้อจำกัดของชีวิต ทางออกสำคัญทางหนึ่งคือการกลับมายังอิสระแท้จริงที่อยู่ใกล้ตัวเราเอง . . ๑ โซ่ตรวจและคุกภายใน . ในความเข้าใจของคนทั่วไป อิสระคือการสามารถทำอะไรๆ ได้ตามที่ต้องการ เป็นอิสระที่หลายคนมักพอใจและใฝ่หา แต่นั่นยังเป็นที่ภายนอก เป็นเสรีภาพในทางหนึ่งเท่านั้น แต่ยังไม่ใช่ของแท้ที่ดีที่สุด เพราะท้ายที่สุดการมีเสรีภาพเหล่านั้นก็ยังไม่เป็นอิสระจากสองอย่าง คือความทุกข์ และ เหตุของความทุกข์ ซึ่งยังคงดำรงอยู่เรื่อยไปแล้วเวียนวนซ้ำซากไม่สิ้นสุด แม้จะได้มาในสิ่งที่อยากได้ก็ตาม . อิสระมีสองประการ ได้แก่ภายนอกกับภายใน อย่างแรกคือการสามารถทำอะไรได้ตามความพอใจ ไม่ถูกปิดกั้น ขัดขวาง หรือห้ามไว้ สามารถเป็นในสิ่งที่อยากเป็น มีในสิ่งที่อยากมีได้ตามปรารถนา และสามารถพูดหรือแสดงออกอย่างไม่มีข้อจำกัด . ปัญหาของอิสระที่ภายนอกเช่นนี้ คือมักจะมีความอยากเกี่ยวข้องเสมอๆ โดยที่จะสังเกตได้จากข้อความที่พูดถึงอิสระจะมีความอยากอยู่ด้วย ไม่ปรากฏชัดเจนก็แอบซ่อนอยู่เบื้องหลัง คือการได้ เป็น ทำ หรือพูดตามที่ใจอยาก อิสระเช่นนี้ยังไม่แท้ เพราะมีความอยากเป็นเครื่องผูกมัด ยิ่งสนองตอบยิ่งถูกมัดแน่นขึ้น… Continue reading อิสระแท้จริงที่ใกล้ตัว
๔ ข้อต้องรู้ ถ้าไม่อยากทำร้ายคนอื่น
[ ก่อนเริ่มบทความ ผู้เขียนขอแสดงความขอบคุณและความชื่นชมจากหัวใจ ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการเข้าเยี่ยมชมวัดพระแก้วและผู้จำหน่ายชุดแต่งกายประจำทางเข้า ซึ่งได้กรุณาเก็บคอมพิวเตอร์ที่ผู้เขียนใช้พิมพ์บทความนี้แล้ววางลืมทิ้งไว้พร้อมทั้งออกเดินตามหาผู้เขียนจนพบ ขอบพระคุณคุณตึ๋งผู้เดินตามหาผู้เขียนและสนทนาธรรมด้วยอัธยาศัยไมตรี เมื่อช่วงบ่ายคล้อยวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ขอประโยชน์และกุศลอันดีจากบทความนี้จงมีแก่ทุกท่าน . อนึ่ง ชุดที่จำหน่ายในวัดพระแก้วบริเวณทางเข้านั้นเป็นการจำหน่ายเพื่อนำรายได้เพื่อการกุศล สามารถให้การสนับสนุนได้แม้แต่งกายถูกต้องก็ตาม ] ๑ คาดหวังตัวเองอย่างไร คาดหวังคนอื่นอย่างนั้น : . เหตุใดเราจึงผิดหวังในตัวผู้อื่น เหตุใดจึงหวั่นไหวกับท่าทีและบางคำพูดของใครคนนั้นจนทำให้หงุดหงิด รำคาญ หรือท้อแท้ใจ เพราะอะไรเราจึงคอยกะเกณฑ์หรือสร้างเงื่อนไขบางอย่างต่อผู้อื่นและความสัมพันธ์ . เราจะไม่เป็นคนแพ้ ถ้าไม่คิดแข่งขันหรืออยากดีตั้งแต่ต้น เช่นเดียวกันเราก็จะไม่ผิดหวังกับผู้อื่นหรือรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หากมิได้คาดหวังในตัวเองและไม่คิดเปรียบเทียบตนกับใครก่อน สิ่งที่เรากระทำต่อตนเองมักมีผลสะท้อนมายังการกระทำต่อผู้อื่น คนที่ชอบหลอกลวงโกหกคนอื่นก็เพราะเขาก็หลอกตนเองอยู่ด้วยเช่นกัน ด้วยการกลบเกลื่อนความจริงและการไม่ยอมรับตัวเอง . เราต่างก็เบียดเบียนกันอย่างไม่รู้ตัวก็ด้วยความคาดหวังเป็นอันดับแรกๆ ความคาดหวัง อาจจะอยู่ในรูปของความศรัทธา ความเชื่อมั่น และความเชื่อใจ โดยมีความอยากและความยึดติดผูกมัดในใจอยู่ลึกๆ เมื่อเขาหรือสิ่งนั้นเริ่มผิดแผกไปจากที่อยากและยึดติด เราก็เริ่มที่จะไม่พอใจ เดือดร้อน จนนำมาสู่การบีบคั้นและเบียดเบียนอีกฝ่ายหนึ่ง . พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือบ้าง ก้อนดินบ้าง ท่อนไม้บ้าง ศาตราบ้าง… Continue reading ๔ ข้อต้องรู้ ถ้าไม่อยากทำร้ายคนอื่น
๔ ธรรมะในการตัดสินตีความ
๑ การตัดสินในทางพุทธศาสนา . การตัดสิน หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า judge คือการตีตรา ตีความ ตัดสินที่จะมีมุมมอง พิจารณา และให้คุณค่าอย่างไร . เราอยู่กับการตัดสินทุกๆ วัน และแทบทุกชั่วโมง บางลัทธิและบางคำสอนร่วมสมัยสอนให้เราไม่ตัดสินอะไร “Don’t Judge Everything” แม้จะมีการตัดสินอยู่เนืองๆ ในจิตใจ รวมทั้งการตัดสินว่านี่คือการตัดสินหรือไม่ตัดสิน บางลัทธิและความเชื่อของบุคคลก็สุดโต่งไปในทางตัดสินทุกสิ่งบนโลกใบนี้ที่ตัวเองได้รับรู้ “Judge Everything” ด้วยจุดยืนและความคิดที่ตนยึดถือไว้ . พุทธศาสนาเป็นกลางระหว่างสองแนวคิดดังกล่าว ไม่ได้สอนให้เราตัดสินทุกสิ่ง มิได้บอกให้เพิกเฉยไม่ตัดสินสิ่งที่ควร แต่เน้นให้รู้จักการตัดสินที่เหมาะสมและรู้เท่าทันในการตัดสินตีความของตนเอง . การตัดสินนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เราจำเป็นต้องคิดและตัดสินใจว่าจะให้คุณค่ากับเรื่องต่างๆ อย่างไร จะมีท่าทีแบบไหน วันนี้จะใส่เสื้อผ้าชุดไหน อาหารที่ซื้อมารับประทานเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ชีวิตวันนี้จะมีคุณค่าได้อย่างไร คนๆ นี้เหมาะสมกับเราหรือเปล่า หรือจะรับฟังด้วยท่าทีตัดสินหรือไม่ตัดสินก็ต้องตัดสินใจ . การตัดสินและการตัดสินใจอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่น้อยครั้งที่เราจะย้อนกลับมาพิจารณาให้รู้เท่าทัน จึงมักเผลอตัดสินตีความไปอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาใหม่ หรือไม่ส่งเสริมกุศลให้เกิดขึ้น และการพยายามไม่ตัดสินที่มากจนเกินไปบางครั้งก็ทำให้เราไม่สามารถตัดสินในเวลาที่ควร . การตัดสินตีความเกิดจากการรับรู้ผ่านอายตนะหรือ หู… Continue reading ๔ ธรรมะในการตัดสินตีความ
๔ ธรรมะรับมือสรรพโรค
๑ มองโลกให้ถูกต้อง ไม่กลัวโรคภัย : . ความกลัวที่ขาดสติเป็นโรคที่น่ากลัวกว่าโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติ ความกลัวเกิดจากอวิชชาแปลว่าความโง่หรือความไม่รู้จริงในกฎแห่งธรรมชาติ ความไม่รู้นี้ทำให้การรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บและความทุกข์ทั้งหลายเป็นไปอย่างมืดบอดเหมือนหลับตาเดิน จะรับมือกับโรคภัยในโลกก็ต้องเข้าใจความเป็นจริงของโลก . การมองโลกอย่างถูกต้องจึงเป็นข้อแรก ในการรับมือกับสรรพโรคด้วยหลักคิดของธรรมะในพุทธศาสนา หากมองโลกไม่ถูกต้องแล้วความกลัวก็ย่อมครอบงำ ทำให้เรารับมือต่อสถานการณ์ที่มีทุกข์ภัยด้วยความโลภ โกรธ และหลง ส่งผลเป็นความทุกข์ต่อตนเองและคนอื่นเรื่อยไปไม่สิ้นสุด รับมือกับสถานการณ์ด้วยความโกรธก็กล่าวโทษไปทั่ว โลภก็ไขว่คว้าตักตวงฉวยโอกาส หลงก็ละเมอไปกับข้อมูลข่าวสารมากมาย แม้เชื้อโรคอยู่ไกลจากตัว แต่สุขภาพที่ดีก็เริ่มกลายเป็นบ้าเป็นโรคทางจิตตามหลักพุทธศาสนา เพราะการมองโลกไม่ถูกต้องเป็นจุดเริ่มต้น . ความจริงของโลกข้อแรกคือทุกสิ่งหนุนเนื่องไปตามแรงแห่งกรรม ความมีโรคและไม่มีโรค มีกรรมเป็นเครื่องกำหนด กรรมนี้มีความหมายถึงการกระทำและผลของการกระทำ ร้อยเป็นเส้นสายใยที่ต่อเนื่องด้วยเหตุและผล ทั้งในอดีต ปัจจุบัน แล้วนำไปสู่อนาคต สายใยนี้เชื่อมโยงตัวเรา คนอื่นๆ และสิ่งทั้งหลายในธรรมชาติเข้าด้วยกัน ไม่มีใครก่อกรรมใดหรือรับผลกรรมใดเพียงลำพัง . ในแง่หนึ่งการอุบัติขึ้นของเชื้อโรคและภัยธรรมชาติที่หนักหนามากขึ้นก็เป็นผลพวงของกรรมร่วมกันของเราในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ซึ่งเบียดเบียนบั่นทอนธรรมชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยการล้างผลาญ ตัดรอน และทำให้ทรุดโทรมลง จนโลกทั้งใบไม่อาจเพียงพอสำหรับเผ่าพันธุ์เดียว การประสบพบกับเหตุการณ์ร้ายและโรคระบาดร่วมกันจึงเป็นกรรมร่วมในสังคม . นี่คือความจริงข้อสำคัญมากที่คนร่วมสมัยเริ่มหลงลืมกันไปแล้วคือ กฎแห่งกรรม อันกล่าวว่า สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม สิ่งใดจะเกิดหรือไม่เกิดกับเราก็ล้วนเป็นไปตามกรรมที่กระทำมาในอดีตและวันนี้ การจะเจอหรือไม่เจอกับทุกข์ภัยก็ล้วนเป็นไปตามการกระทำที่เคยกระทำไว้ในอดีตและยาวนานกว่านั้น เราเคยเบียดเบียนบั่นทอนสิ่งใดมาก่อนวันหนึ่งเราก็ย่อมพบเจอเชื้อโรคหรือผู้คนที่มาเบียดเบียนบั่นทอนกายใจ เราเจอกับสิ่งที่ต้องเจอ เป็นในสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็ด้วยเพราะเหตุแห่งกรรมกำหนด… Continue reading ๔ ธรรมะรับมือสรรพโรค
ข้อคิดและแนวทางเพื่อการ “พัก” อย่างแท้จริง
๑ ปริมาณและวันหยุดไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด : . เราจะพักอย่างไรเพื่อให้กายจิตได้พักผ่อนอย่างแท้จริง บางครั้งเราก็ต้องการเวลาหยุดพักนานๆ วันหยุดที่ยาวต่อเนื่องกัน แต่เราได้พักในเวลาเหล่านั้นอย่างแท้จริงมากเพียงใด บางทีหยุดงานแล้วเราก็เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวหรือตระเวนกิน เสพความบันเทิง และจับจ่ายใช้สอย แต่เราได้พักอย่างแท้จริงเพียงใด หลายครั้งการพักผ่อนหย่อนใจก็ทำให้เราเหนื่อยล้าหรือป่วยมากขึ้น . ภายนอกอาจได้หยุดพัก แต่หลายครั้งที่ภายในไม่ได้พักจริง จึงยิ่งพาภายนอกไม่ให้พัก เช่น หยุดทำงานก็หยิบมือถือขึ้นมาตรวจสอบสิ่งต่างๆ ในโลกอินเตอร์เน็ตโดยไม่จำเป็น หรือวันหยุดแล้วก็อยากไขว่คว้าสิ่งต่างๆ หรือคิดถึงอนาคตบ้างอดีตบ้างจนความคิดไม่ได้สงบลงเลย บางคนหลับลงแล้วยังทำงานต่อก็ยังมี . บางครั้งเราก็รู้ว่าภาระภายนอกและกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำช่างมากมายเหลือเกินจนไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือใส่ใจดูแลตนเองอย่างเพียงพอ . ในพระไตรปิฎก*(๑) กล่าวว่าภารกิจของพระพุทธเจ้าในแต่ละวันนั้นมีอยู่ห้าอย่างด้วยกัน มีได้แก่ ปุเรภัตตกิจ กิจก่อนเสวยอาหารตั้งแต่รุ่งเช้า อาทิ ทรงบิณฑบาต เสด็จไปอาณานิคมต่างๆ ตรวจดูจิตของสัตว์โลก อนุเคราะห์อุปัฏฐาก เป็นต้น , ปัจฉาภัตตกิจ กิจหลังเสวยอาหาร ให้โอวาทภิกษุและประทานกรรมฐานให้ฝึกฝน และทรงเยี่ยมหมู่ชนที่รวมกลุ่มมา เป็นต้น , ปุริมยามกิจ กิจยามค่ำ ตอบคำถามเหล่าภิกษุทั้งหลายจนถึงช่วงค่ำ จนถวายบังคมลาแล้ว , มัชฌิมยามกิจ กิจยามค่อนดึก ทรงต้องต้อนรับเทวดาน้อยใหญ่ที่มาประชุมกันและทรงวิสัชนาปัญหาให้… Continue reading ข้อคิดและแนวทางเพื่อการ “พัก” อย่างแท้จริง
รับมือความเครียดไม่ยาก หากรู้ ๕ ข้อนี้
๑ เข้าใจความเครียด : . ความเครียดนั้นเป็นกลไกการ “ตื่นตัว” โดยธรรมชาติ เป็นสัญชาตญาณเพื่อปลุกกายจิตให้ตั้งท่า หรือเรียกว่าตั้งการ์ดให้พร้อมสำหรับการเอาตัวรอดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป ความเครียดยังเรียกได้อีกแบบว่าความ “ตึง” เป็นอาการที่กายหรือจิตมีความพยายามในการจะทำสิ่งใด เหมือนการจะขยับเขยื้อนร่างกายก็ย่อมจะมีความตึงเกิดขึ้นสลับกับความหย่อน ทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติ จึงกล่าวได้ว่าความเครียดเป็นภาวะธรรมดา ไม่ใช่ศัตรูหรือสิ่งที่เราต้องกลัว แต่สิ่งที่ทำร้ายเราจริงๆ แล้ว คือการตื่นตัวและการตึงจนเกินความพอดีและความจำเป็น . หากเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตดังเสียงเพลงของพิณหรือกีตาร์แล้ว การใช้ชีวิตก็คือการขึงสายของพิณหรือกีตาร์นั้น หากขึงหย่อนเกินไป หรือขึงตึงเกินไป เสียงเพลงของพิณหรือกีตาร์นั้นก็ไม่ไพเราะ การใช้ชีวิตหากตึงหรือหย่อนเกินไป คุณภาพชีวิตก็ไม่พอดี . ความเครียดที่พอดีก็คือการขึงสายที่เหมาะสม ย่อมมีความตึง มีความตื่นตัว อยู่เป็นธรรมดาและตามความจำเป็น ความเครียดไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ชีวิตจะเลวร้ายเมื่อระดับความเครียดอยู่ในระดับที่ไม่เหมาะสม หรือกล่าวให้ถูกต้องคือเมื่อกายจิตตื่นตัวและมีความตึงที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป . เมื่อกายจิตรับรู้ปัญหาหรืออุปสรรคบางอย่างก็จะปลุกเราให้ตื่นตัวด้วยความเครียดให้รู้สึก ด้วยอาการทางกายก็ดี หรืออาการทางใจก็ดี เพื่อเร่งเร้าให้เราจัดการกับสิ่งตรงหน้า ร่างกายและท่าทีของเราก็จะมีความตึงมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้หรือหนีสิ่งที่เข้ามา จนเมื่อปัญหาเหล่านั้นผ่านพ้นไปแล้ว ตามธรรมชาติกลไกการตื่นตัวย่อมต้องทำงานน้อยลง กายและจิตก็จะผ่อนคลายลง ลดการตั้งการ์ด หรือ “การปกป้องตนเอง” ลงไปในระดับปกติ . ข้างต้นนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อปัญหาผ่านพ้นไปแล้ว แต่กลไกการตื่นตัวยังทำงานอยู่ไม่เลิกรา… Continue reading รับมือความเครียดไม่ยาก หากรู้ ๕ ข้อนี้
๑๑ ข้อคิด คอลัมน์ “ไกด์โลกจิต” ส่งท้ายปี ๒๕๖๒
รวมบางข้อคิดและเนื้อหาจากบทความคอลัมน์ ไกด์โลกจิต ตอนที่ ๓๙ ถึง ตอนที่ ๔๙ ประจำปี ๒๕๖๒ ซึ่งเผยแพร่รายเดือนทางเว็บไซต์และเพจเฟสบุ๊คของเรา . ผู้อ่านสามารถอ่านบทความเต็มของทุกเรื่องได้ฟรี ในเว็บไซต์ www.dhammaliterary.org/คอลัมน์-ไกด์โลกจิต/ . . – บทความเรื่อง สร้างวันว่าง ด้วยการวาง . “ต่อให้แม้ไม่ใช่วันว่างหรือเวลาว่าง แต่หากเราวางใจไว้ว่า สิ่งใดสำคัญต่อเรามากๆ แล้ว เราย่อมสามารถแบ่งเวลาและหาหนทางจัดการมันได้ สิ่งใดที่ดีที่อยากทำแต่แม้มีเวลาว่างแล้วก็ไม่ทำ เพราะเรายังวางใจในคุณค่าของสิ่งนั้นๆ ไม่พอ . “เราต้องคิดถึงคุณค่าของสิ่งที่เราตั้งใจที่จะลงมือทำ ไม่คิดว่าหากไม่ได้ทำวันหน้าก็อาจทำได้ ลองคิดในทางแย่ที่สุดว่าหากไม่ได้ทำแล้วจะเป็นอย่างไร และอาจไม่มีโอกาสหน้าให้ทำอีกก็ได้ . “เราจะมีเวลาว่างได้ เรายังต้องวางใจในตนเองด้วยว่า เราสามารถทำสิ่งนั้นๆ ได้ และหาทางจัดการให้ได้ทำสิ่งดังกล่าวให้สำเร็จ เพราะตราบใดที่เราเอาแต่บอกว่า ไม่นำทำได้ ไม่น่ามีเวลาพอ หรือเรามีข้อจำกัดอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ไม่มีทางทำได้เลย เพราะสะกดจิตตนเองไว้แล้ว สะกดกลั้นไฟแรงมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จไว้แล้ว . “วางใจยังมีความหมายว่า ศรัทธา หรือ ความเชื่อ… Continue reading ๑๑ ข้อคิด คอลัมน์ “ไกด์โลกจิต” ส่งท้ายปี ๒๕๖๒
๕ คำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อรับมือคำด่าและท่าทีแย่ๆ
๑ ยอมรับความเป็นจริงแห่งชีวิต : . “การนินทาหรือการสรรเสริญนี้มีมาแต่โบราณ มิใช่มีเพียงวันนี้ คนย่อมนินทาแม้ผู้นั่งนิ่ง แม้ผู้พูดมาก แม้พูดพอประมาณ ผู้ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก บุรุษผู้ถูกนินทาโดยส่วนเดียว หรือถูกสรรเสริญโดยส่วนเดียว ไม่มีแล้ว จักไม่มี และไม่มีในบัดนี้” *(๑) . เป็นธรรมดาที่เราจะถูกดุ วิจารณ์ ตำหนิ ตัดสิน หรือมีท่าทีแย่ๆ ต่อเรา ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดกับเราลำพังคนเดียวบนโลก ไม่ได้เป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเท่านั้นในตอนนี้ เราเป็นคนธรรมดาคนๆ หนึ่ง ย่อมทำผิดพลาดได้ ย่อมเผลอพลั้งทำสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจ เป็นธรรมดาที่จะถูกตำหนิได้ เพราะเราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น . เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าการนินทาหรือการสรรเสริญมีมาแต่โบราณ หรือเรียกว่าเป็นของเก่า เพราะเวลาเราโดนว่าหรือโดนชมเชย ใจมักรู้สึกไปเองว่าคำพูดหรือท่าทีเหล่านั้นมันสำคัญมาก ใหญ่โตมาก เป็นของเราแต่ผู้เดียว เหมือนโลกทั้งใบเราถูกตำหนิเพียงลำพัง ตรงนี้เป็นเพราะอัตตาเผลอคิดไปเอง . การถูกว่า ถูกกระทำในทางที่ไม่ชอบใจ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่นเดียวกันกับ ลาภ หรือสิ่งดีๆ ที่ได้มา ได้มี , ความเสื่อมลาภ , ยศ… Continue reading ๕ คำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อรับมือคำด่าและท่าทีแย่ๆ