๑๑ ข้อคิดคอลัมน์ ไกด์โลกจิต ประจำปี ๒๕๖๑ “หากใครคนหนึ่งทำให้เราเจ็บช้ำ ใครคนนั้นกำลังเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ตัวเรา ครูที่ไม่ต้องการศรัทธา ความชอบตอบกลับ คือคนที่สอนให้เราเข้าใจในความทุกข์ . “ทั้งนี้เมื่อเราพบเจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้าย ก่อนที่เราจะพยายามลบเลือนความทุกข์ด้วยข้อคิดใด เราควรกลับมาใส่ใจดูแลและรับฟังใจของตนเองอย่างลึกซึ้ง อย่างไม่หน่ายหนีหรือรังเกียจใจตนเองยามบอกช้ำ . “แม้สิ่งใดหรือใครจะพลัดพรากจากเราไป เราต้องไม่ทิ้งหัวใจของตนเอง มิว่าใครเป็นเหตุก่อทุกข์ เราต้องไม่เป็นเหตุก่อทุกข์แก่ใจและร่างกายเราซ้ำเติม เรามีคุณค่าเสมอ หัวใจและร่างกายเรามีคุณค่าเกินกว่าที่จะทำสิ่งเลวร้ายอย่างเดียวกับกับที่ทำร้ายเรา ต่อตัวเราเอง และต่อใคร” . จากบทความ คุณค่าแท้การให้ “อภัย” เผยแพร่เดือนมกราคม ๒๕๖๑ . . “หลายครั้งเราก็หลงลืมว่า คุณค่าและสิ่งสำคัญในชีวิตคือสิ่งที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด นั่นคือ จิตใจ และ ร่างกายตนเอง เราได้ดูแลอย่างสมดุลหรือไม่หากเทียบกับสิ่งนอกตัว ในสังคมปัจจุบันมีกระแสหลากหลายฉุดดึงให้เราสนใจเรื่องนั้นที เรื่องนี้ที ผลักดันให้เราทะยานอยากและใฝ่หวังถึงบางสิ่งที่มีค่า ดิ้นรนขวนขวายเพื่อสิ่งเหล่านั้น ไขว่คว้าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า . “แล้วหันหลังให้ขุมทรัพย์ของชีวิตที่มีค่ามากที่สุดทรัพย์หนึ่ง ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด นั่นคือสุขภาพของร่างกาย หากหัวใจเรายังรักตัวเองได้ไม่มากพอ เรามักเห็นสิ่งที่ตนเองไม่มีสำคัญกว่าสิ่งที่มีแล้ว จนวันหนึ่งเรากำลังจะสูญเสียสิ่งที่มีไป… Continue reading ๑๑ ข้อคิดคอลัมน์ ไกด์โลกจิต ประจำปี ๒๕๖๑
Category: ไกด์โลกจิต
๘ วิธีเข้มแข็งจากภายใน ไม่ยากเลย (ตอนสอง)
๘ วิธีเข้มแข็งจากภายใน ไม่ยากเลย (ตอนสอง) ๕ อย่าพยายามหนีความจริงและความรับผิดชอบ : . ความเข้มแข็งที่แท้จริงเกิดจากการกล้าเผชิญหน้าด้วยใจยอมรับ ยิ่งเราพยายามหนีปัญหาและหาทางลัด บอกปัดความรับผิดชอบ หรือตีกรอบเป็นกำแพงด้วยความคิดและข้ออ้าง ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งทำให้จิตใจเราอ่อนแอลง . เพียงแค่เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรับผิดชอบ ตอนนั้นเราก็กล้าหาญมากแล้ว และมีโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมไปกับพัฒนาตนเอง ต้องมีความกล้าเท่านั้นจึงจะยอมรับความจริงและรับผิดชอบได้ คนที่ไม่กล้ายอมรับและรับผิดชอบสิ่งต่างๆ คือคนที่ไม่อาจเห็นความเข้มแข็งในตนเองได้เลย . หากเราพยายามแต่จะปกป้องตนเองและหาทางลัด เราอาจรอดไปจากเหตุการณ์นั้นได้ชั่วคราว แต่เราจะไม่เติบโต ไม่รู้สึกภาคภูมิกับตนเอง และเกิดเรื่องเดิมขึ้น เราก็จะทุกข์อีกและมีแนวโน้มว่าจะซ้ำร้ายกว่าเดิม . เมื่อใจรู้สึกทุกข์ หากขาดสติแล้วใจก็มักจะพยายามหนีความทุกข์หรือสร้างกำแพงขึ้นมาห่อล้อมใจไว้ เป็นไปตามความเคยชิน แต่ปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไขและตัวเราก็จะไม่เข้าใจความจริงของชีวิต เพราะปัญหาหรือทุกข์ที่เกิดขึ้นคือความจริง การยิ่งพยายามหนีจากทุกข์ยิ่งทำให้เราหลอกตัวเอง ทำมากเข้าก็หลอกตัวเองเป็นชั้นๆ ทับซ้อนจนเป็นเงื่อนปมซับซ้อน . การเข้มแข็งจากภายในเกิดจากการเคารพตนเอง ภาคภูมิใจในตนเองได้ ยิ่งเรายอมแพ้แก่ความอ่อนแอข้างใน วงจรการหลอกตัวเองและการพยายามหนีจากทุกข์ก็จะดำเนินต่อไป ย้ำความอ่อนแอแก่ใจมากขึ้นๆ เมื่อถึงที่สุดทุกข์ก็จะทุกข์ยิ่งกว่าที่เป็นจริง ด้วยใจที่ไม่ยอมรับความจริงนั้น . ความรับผิดชอบคือคุณสมบัติสำคัญของผู้มีความเข้มแข็งจากข้างใน ความรับผิดชอบนี้เกิดจากการรู้หน้าที่ แต่ก็เกิดจากการยอมรับความจริงที่เป็นด้วย เพราะยอมรับความจริงเท่านั้น เราจึงรู้ว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำสิ่งใด… Continue reading ๘ วิธีเข้มแข็งจากภายใน ไม่ยากเลย (ตอนสอง)
๘ วิธีเข้มแข็งจากภายใน ไม่ยากเลย (ตอนแรก)
๘ วิธีเข้มแข็งจากภายใน ไม่ยากเลย (ตอนแรก) บางครั้งเราต้องยิ้มแม้หัวใจกำลังร้องไห้ พยายามให้ภายนอกดูเข้มแข็งและสู้ต่อ แม้ภายในหวั่นไหวและเปราะบางเหลือเกิน บางครั้งเราก็หวังให้ตนเองมั่นคงกว่านี้ ไม่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกดังที่เคยเป็นมา เราต้องการความเข้มแข็งเพื่อยืนหยัดต่อความทุกข์ทั้งหลาย ซึ่งบางเวลามันดูเหมือนมากมายไม่รู้สิ้นสุด . เราไม่อาจพึ่งพาสิ่งนอกตัวให้เรามั่นใจและมั่นคงได้เสมอไป แม้สิ่งเหล่านั้นจะเคยวางใจได้ก็ตาม วันหนึ่งเราก็ต้องพบว่าตนเองอยู่ลำพัง บางครั้งเวลาก็มิได้ช่วยอะไร แต่เป็นใจเราที่เรียนรู้มากพอจะเติบโตจากสิ่งเหล่านั้น ให้เข้มแข็งมากพอที่จะพึ่งพาตนเองแล้วฝ่าข้าม เราเคยเข้มแข็งมากชนิดที่ไม่ต้องคอยวางแผนหรือกังวลกับสิ่งทั้งหลายมาก เมื่อตอนเป็นเด็ก เราจะนำความเข้มแข็งเหล่านั้นกลับมาได้อย่างไร . ความเข้มแข็งแบบหนึ่งเกิดขึ้นจากภายใน ขณะที่เรามักเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งด้วยการสร้างกำแพงและเกราะหนาห่อหุ้มตนเองมาตลอด เข้มแข็งจากภายนอก จนใจก็ลืมไปว่าตนเองมีความกล้าหาญข้างในอย่างไร กำแพงอาจต้านทานและกั้นขวางบางอย่างได้ แต่บ้านจะมั่นคง ต้องมีหลักข้างในที่แข็งแกร่ง ชีวิตและหัวใจเราเองจะมั่นคงได้ มิใช่ด้วยความเข้มแข็งจากภายนอกเท่านั้น . บทความตอนนี้แนะนำหนทางชุดหนึ่งเพื่อบ่มเพาะความเข้มแข็งอันเกิดจากภายในตัวเราเอง ไม่ยากเลย ขอเพียง… . . ๑ พาใจกลับมาที่ร่างกาย : เมื่อพบปัญหาหรือความทุกข์ใจ จิตมักถูกกระแสของความคิด คำพูด และเหตุการณ์ทั้งหลาย พัดพาล่องลอย ทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆ อย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ เหวี่ยงไปมา ประเดี๋ยวสุข ประเดี๋ยวทุกข์ พอมีสิ่งต่างๆ… Continue reading ๘ วิธีเข้มแข็งจากภายใน ไม่ยากเลย (ตอนแรก)
๕ แง่คิดเมื่อถูกเข้าใจผิด
“๕ แง่คิดเมื่อถูกเข้าใจผิด” คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต ๑ คุณค่าไม่ได้ขึ้นกับความเข้าใจ : . เมื่อใดที่คนอื่นเข้าใจตัวเราผิดพลาด แล้วทำให้รู้สึกหม่นหมอง เสียกำลังใจ โกรธหงุดหงิด หรือน้อยเนื้อต่ำใจ แสดงว่าใจเรากำลังผูกคุณค่าตนเองไว้ที่มุมมองกับความคิดของผู้อื่น และการได้รับความเข้าใจ จนเป็นทุกข์ . การใส่ใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากเราถือสิ่งนี้ไว้มากเกินไปจนไม่มีหลักยึดให้ใจหนักแน่นพอ หัวใจก็จะเป็นลูกบอลที่ถูกยื้อแย่งและส่งไปหาคนนั้นที คนนี้ที มิได้กลับมาหาคุณค่าที่ตนเองอย่างมั่นคง ความสุขทุกข์ก็จะขึ้นอยู่กับผู้อื่น . เรากำลังนำภาพที่คนอื่นมองเห็นมาเป็นเนื้อตัวเรา ทั้งที่ความคิดคนผันแปรไม่แน่นอน เมื่อใดอารมณ์ดีความคิดก็เป็นอย่างหนึ่ง เมื่อใดอารมณ์เสียความคิดก็เปลี่ยนแปลง ยามทำถูกใจก็ยกยอชื่นชม ยามขัดใจก็หมิ่นหยามหมางเมิน . ตัวเราคือสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ณ ตรงนี้ มิใช่ในดวงตาหรือความคิดใคร หากเราถือตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่คนอื่นมอง ก็เสมือนถือว่าภาพจากเครื่องฉายเป็นของจริง เมื่อใดเขาไม่สนใจไยดีหรือคิดเห็นเป็นอื่น เราก็รู้สึกด้อยค่าประหนึ่งไม่มีตัวตน . การถูกเข้าใจผิดมิได้ติดตราประทับไว้ที่ตัวเราแต่เพียงลำพัง คนที่ทำคุณงามความดีหลายคนย่อมเคยผ่านการถูกเข้าใจผิด หรือแม้แต่การถูกประณามหยามเกียรติ ศาสดาของศาสนาต่างๆ ย่อมเคยถูกเข้าใจผิดหรือคิดเห็นในทางลบร้ายจากผู้อื่น ก่อนที่ท่านจะก้าวผ่านด้วยสัจจะ ศรัทธา และปัญญา . หากพวกท่านนำคุณค่าจากสายตาผู้อื่นมาเป็นเครื่องชี้วัดตัดสินคุณค่าแล้ว… Continue reading ๕ แง่คิดเมื่อถูกเข้าใจผิด
๗ วิธีไม่สมบูรณ์แบบ ลดความเป็นนัก(ใฝ่)สมบูรณ์แบบ
บทความนี้ได้ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่แล้ว อ่านฉบับใหม่ได้ที่ https://www.dhammaliterary.org/reduce-perfectionist/ ๗ วิธีไม่สมบูรณ์แบบ ลดความเป็นนัก(ใฝ่)สมบูรณ์แบบ “Perfectionist” เป็นลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่พยายามทำให้สิ่งต่างๆ หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ใส่ใจ ดีครบถ้วนสมบูรณ์ตามมาตรฐานหรือหลักการที่ยึดถือ แต่มักทุ่มเทและจดจ่อเกินไป จนกลายเป็นความเครียดและการบีบคั้นตนเองและผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง รู้สึกยากที่จะพอใจและเชื่อใจ . เราทุกคนสามารถมีภาวะและลักษณะเช่นนี้ได้ บางคนมีลักษณะนี้เป็นบุคลิกประจำตัวอาจพยายามทำให้ “เป๊ะ” ทุกเรื่องหรือหลายเรื่อง หลายคนที่ไม่ได้มีบุคลิกนิสัยนี้ก็อาจมีเรื่องบางเรื่องที่จะจดจ่อมากเป็นพิเศษ อ่อนไหวมากกว่าเรื่องอื่น ถ้าหากว่าลักษณะอาการนี้มีมากเกินไปจนไม่อาจควบคุมได้ จักกลายเป็นอาการทางจิตเรียกว่า “Perfectionism” ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต . – สัญญาณที่บอกว่าเราอาจกำลังใฝ่ความสมบูรณ์แบบในเรื่อง/คนนั้นๆ เช่น – กลัวความผิดพลาดและความไม่แน่นอนกับเรื่อง/คนดังกล่าวจนวิตกกังวล – ทุ่มเทเต็มที่และตั้งใจเกี่ยวกับเรื่อง/คนดังกล่าวจนเกินพอดี พยายามเข้าไปจัดการแม้แต่เรื่องเล็กๆ สิ่งน้อยๆ – รับผิดชอบมากเกินไปจนกลายเป็นการแบกรับและทำให้เราละเลยเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ หรือไม่ค่อยได้พัก – โกรธหรือหงุดหงิดง่ายหากเรื่อง/คนดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่เรียบร้อย – ใส่ใจรายละเอียดมากเกินไป จนไม่อาจวางใจหรือปล่อยวาง – จับผิดเล็กๆ น้อยๆ เห็นข้อตำหนิข้อบกพร่องมากมาย แต่ไม่ค่อยใส่ใจข้อดีที่มีอยู่ –… Continue reading ๗ วิธีไม่สมบูรณ์แบบ ลดความเป็นนัก(ใฝ่)สมบูรณ์แบบ
อย่าควบคุมลูกมากเกินไป : กรณีศึกษา แคเรน คาร์เพนเทอร์ และงานวิจัยอื่น
วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๘๓ เป็นวันที่โลกต้องสูญเสียนักร้องหญิงซึ่งมีน้ำเสียงดั่งนางฟ้า ผู้ฝากผลงานเพลงไพเราะมากมาย เช่น Close to you , Top of the world นาม “แคเรน คาร์เพนเทอร์” เสียชีวิตแม้อายุเพียง ๓๒ ปี เธอจากไปด้วยอาการหัวใจล้มเหลว สืบเนื่องมาจากโรคกลัวอ้วน แต่สาเหตุใดที่ผลักดันให้เธอเป็นโรคเช่นนี้ และมีแนวโน้มมาตั้งแต่วัยเด็ก . ความสัมพันธ์ระหว่างแคเรนกับครอบครัว ถูกอธิบายว่า …ซับซ้อน… ผู้เป็นแม่คาดหวังให้ความสามารถทางดนตรีของพี่ชาย : ริชาร์ด คาร์เพนเทอร์ ประสบความสำเร็จ ก้าวหน้า และมีชื่อเสียง ซึ่งพาให้เธอต้องสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย แต่ไม่มีใครเตรียมตัวให้แคเรนรับมือกับความสำเร็จเหล่านั้น ว่าจะนำมาสู่ความเครียด และสิ่งใดบ้าง เช่นเดียวกันกับเด็กอีกหลายคนที่ถูกผลักดันและกดดันสู่ความเป็นเลิศ . ทั้งโดยลักษณะนิสัยและการเลี้ยงดู ทำให้เธอมีลักษณะเป็นคนที่ทำตามความคาดหวังจากผู้อื่นเพื่อให้ได้รับการยอมรับ โดยปฏิเสธความต้องการของตนเอง ซึ่งหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ ได้ระบุหลังจากเธอเสียชีวิตว่า สองสิ่งในโลกที่มีค่าสำหรับแคเรน คือเสียงของเธอและความรักจากแม่ โดยทั้งสองเป็นสิ่งพิเศษที่พี่ชายได้ครอบครอง… Continue reading อย่าควบคุมลูกมากเกินไป : กรณีศึกษา แคเรน คาร์เพนเทอร์ และงานวิจัยอื่น
7 วิธีดูแลด้านลบในตัวเอง (ตอนสอง)
7 วิธีดูแลด้านลบในตัวเอง (ตอนสอง) 5 รักตัวเองตรงไปตรงมา : ทุกด้านมืดในตัวตน มีความรักและความห่วงใยตนเองซ่อนอยู่ เป็นความพยายามปกป้องตนจากความกลัวและบาดแผลที่เด็กน้อยข้างในเจ็บปวดมาแต่วันวาน และมักเป็นความพยายามเติมเต็มความต้องการแท้จริงในหัวใจ ด้วยความเคยชินที่อาจไม่เหมาะสมนัก . ความต้องการแท้จริงที่ว่านี้ คือความต้องการพื้นฐานของหัวใจมนุษย์ทุกคน มีอาทิเช่น ความรัก ความปลอดภัย ความเข้าใจ การสื่อสาร การแสดงศักยภาพ การเติบโต และอื่นๆ อีกมากมาย เราต่างมีความต้องการเหล่านี้อยู่ในใจเหมือนกัน แต่แสดงออกเพื่อหมายเติมเต็มไม่เหมือนกัน . เพื่อความภาคภูมิใจและการมีคุณค่า บางคนไขว่คว้าฐานะตำแหน่งสูงใหญ่ บางคนพอใจในการมีบ้านและที่ดินเล็กๆ เป็นของตัวเอง บ้างพยายามสอบติดในมหาวิทยาลัยและคณะที่ดี บางคนเข้าอบรมมากมาย ต่างพยายามมุ่งไปสู่จุดเดียวกันในหลากหลายวิธีการ . เหตุการณ์ในอดีตบางเรื่องทำให้หัวใจมีช่องโหว่ ทำให้ความต้องการบางข้อถูกจำกัดหรือไม่ได้รับการเหลียวแล กลไกการปกป้องตัวของหัวใจจึงสร้างพฤติกรรมหมายให้เราดูแลและเติมเต็มชิ้นส่วนที่หายไป หรือเพื่อเรียกร้องใครสักคนให้กลับมาดูแล เราต่างมีด้านลบที่พยายามเติมเต็มรูรั่วของหัวใจตน แต่ซ้ำร้ายที่หลายครั้งท่าทีดังกล่าว กลับทำให้หัวใจยังคงรู้สึกขาดแคลน . เมื่อต้องการความเข้าใจ เรากลับพูดประชดประชันและบ้างเงียบงันต่อกัน ความเข้าใจจึงไม่เกิดขึ้น หัวใจก็ยิ่งรู้สึกอ้างว้างและความสัมพันธ์ยิ่งมีช่องว่างสวนทางกับความต้องการภายใน . แทนที่เราจะดูแลความต้องการข้างในให้ตรงไปตรงมา กลับทำให้มันยากขึ้นด้วยกำแพงของหัวใจเราเอง ด้านลบในตัวเราก็มีคุณค่า เขาช่วยปกป้องตัวเราจากสิ่งที่กลัวหรือเคยถูกทำร้าย… Continue reading 7 วิธีดูแลด้านลบในตัวเอง (ตอนสอง)
7 วิธีดูแลด้านลบในตัวเอง (ตอนแรก)
1 ยอมรับตัวเอง แต่ไม่จมปลัก : เราจะแก้ปัญหาใดได้ เราต้องมองให้เห็นปัญหาและสาเหตุของปัญหานั้นก่อน ก้าวแรกที่สำคัญของการแก้ไขพฤติกรรมและสิ่งลบในตัวเอง จึงเป็นการยอมรับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่และเต็มใจ เริ่มจากการพิจารณาถึงผลเสียที่เคยเกิดขึ้นต่อตนและคนอื่น ใคร่ครวญด้วยหัวใจ ยอมรับความผิดพลาดที่ผ่านมา รักตัวเองให้มากพอที่จะพัฒนาตนและแก้ไขข้อบกพร่องที่ทำให้เราและคนรอบข้างเป็นทุกข์ . ความกล้าหาญที่แท้จริงอยู่ในหัวใจเราทุกคน เมื่อยืดอกเผชิญหน้าปัญหาที่เกิดขึ้นจากตน ไม่พยายามหลีกเลี่ยง เบี่ยงเบน หรือผลักไสโทษคนอื่น เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวเราเอง หากแก้ไขอย่างขาดการยอมรับแล้ว ย่อมแก้ไม่ถูกจุด เพราะอาจพยายามโทษคนอื่นและสิ่งนอกตัว แต่ละเลยพฤติกรรมเดิมๆ ซึ่งพาให้เกิดปัญหาแบบที่เคยเกิดขึ้น . การมองโลกแง่ดีและคิดบวกต่อตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากขาดการยอมรับด้านลบแล้ว เท่ากับยังเป็นการหลอกตัวเองและกลบเกลื่อนปัญหาไว้ ยอมรับตัวเอง หมายถึงเข้าใจตัวเองรอบด้าน ตามความป็นจริง ทั้งดีร้ายและความเคยชิน ส่งผลดีและเสียอย่างไร ไม่เฉพาะด้านที่อยากมอง . การยอมรับคือแลเห็นแต่ไม่ตอกย้ำ ยอมรับแต่ไม่ซ้ำเติมตัวเองจนเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เพราะการยอมรับไม่ใช่การจมปลัก เพียงต้อง “เห็นโทษ” จากสิ่งที่ทำอย่างเข้าใจ แต่ไม่ใช่ “เฝ้าโทษ” ตัวเอง แม้รู้ว่าเรามีเสียอย่างไร มีด้านลบแบบไหน แต่หากเราเอาแต่ย้ำคิดว่า เพราะฉันเป็นคนเช่นนี้ เช่นนี้ จะยิ่งมีแต่ส่งเสริมให้เรายึดติดด้านลบนั้นเป็นตัวตน เป็นของตน ทั้งที่เรามีหลากหลายด้านในตัวเอง . ยอมรับคือแลเห็นและน้อมนำมาพิจารณาปรับปรุง เพื่อระวังไม่ให้กาย… Continue reading 7 วิธีดูแลด้านลบในตัวเอง (ตอนแรก)
๓ ประโยชน์ ฝึก “กราบ” กำราบใจ
๓ ประโยชน์ ฝึก “กราบ” กำราบใจ บทความนี้ขอนำเสนอความหมายและคุณค่าของจริยาหนึ่งในวัฒนธรรมไทยและสังคมพุทธศาสนา คือการ “กราบ” เราไม่เพียงกราบเพื่อเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อยำเกรงหรือสร้างอภินิหาร เพราะจริยาและมารยาทของสังคมไทยมักมีธรรมะอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เป็นกรอบธรรมเนียม “บังคับ” แต่เป็นหลัก “กำกับ” กายใจให้อยู่บนทางของความดี ความงาม และความจริง “กำราบ” ใจต้านทานกระแสของกิเลสและสิ่งมัวหมองทั้งหลาย . เรากล่าวได้ว่าการดำรงอยู่ใน จริยธรรม ทั้งการประพฤติปฏิบัติทั้งหลาย ด้วยกาย วาจา และใจ ซึ่งมีหลักมารยาทและการประพฤติที่เหมาะสม เป็นดั่งการปฏิบัติธรรมระหว่างการใช้ชีวิต เพื่อสกัดกั้นกายใจมิให้มีโอกาสก่อทุกข์แก่ตนเองและผู้อื่นในสังคม เป็นศีลครองตน และเป็นการภาวนาเพื่อขัดเกลาใจจากกิเลส . ทั้งนี้ในบทความได้ยกประโยชน์การ “กราบ” ในฐานะการฝึกจิตใจในชีวิตประจำวัน เป็นสามข้อ ดังนี้ . . ๑ ลดความทุกข์จากการถือมั่นอัตตาตน : การกราบนั้นเป็นมากกว่าการไหว้ เพราะเราไม่เพียงแสดงความเคารพด้วยค้อมศีรษะลงเท่านั้น แต่ยังน้อมทั้งตัวลงกับพื้นที่ต่ำกว่าตนและคล้อยต่ำลงกว่าอีกฝ่าย เป็นการค้อมกายเพื่อฝึกน้อมใจค้อมลงต่ำ ดัดจิตผ่านจริยวัตรเป็นอุบาย . จิตคนนั้นมีแนวโน้มจะใฝ่มองสิ่งสูงกว่าตนและใฝ่หาสิ่งวิเศษอันเลอค่า แล้วเป็นทุกข์เพราะลืมความเป็นธรรมชาติธรรมดาอันเป็นจริง ที่อยู่กับดินและเรียบง่าย ต้องเที่ยวมองขวนขวายไขว่คว้ามายาทั้งหลายมา จนเดือดร้อนเป็นทุกข์เพราะมิอาจรู้สึกพอใจในชีวิตอย่างแท้จริง… Continue reading ๓ ประโยชน์ ฝึก “กราบ” กำราบใจ
๔ สิ่งที่ความป่วยกายสอนหัวใจ (ตอนสอง)
๔ สิ่งที่ความป่วยกายสอนหัวใจ (ตอนสอง) ความจริงที่เจ็บปวด คือสิ่งที่เราควรรับฟังให้มากที่สุด ยิ่งกว่าความจริงอันหอมหวาน เวลาหัวใจเราซับซ้อนเกินไปจนก่อทุกข์แก่ตนเองหรือใครๆ ร่างกายจะยังคงตรงไปตรงมา เฝ้าส่งสัญญาณเตือนใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนมิตรที่ซื่อสัตย์และซื่อตรง คอยบอกคำจริงที่ไม่หวาน แม้หัวใจไม่อยากรับฟัง รวนเรเพราะความอยากและอารมณ์นานา . บทความนี้ยังคงต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว เพิ่มเติมอีกสองหัวข้อ สำหรับบทเรียนหรือสิ่งสำคัญที่ความเจ็บไข้ได้ป่วยทางร่างกายสอนแก่หัวใจเรา . ๓ ไม่มีความเป็นตัวตนให้ยึดถือไว้ : แม้ใจเราหวังให้สิ่งต่างๆ คงอยู่ตราบนานเท่านาน หรือคิดไปเองว่าสิ่งทั้งหลายที่รักและหวงแหนจะอยู่กับเราเช่นนั้นชั่วนิรันดร์ แต่ย้อนมามองร่างกายของตัวเอง เราก็มิอาจทำให้เป็นเช่นนั้นได้เลย โรคและความป่วยไข้มักมาเยือนในเวลาที่ไม่อยากให้เกิด อวัยวะ ผิวหนัง และกล้ามเนื้อย่อมต้องหย่อนยานและเสื่อมลง แม้เราสะกดจิตตนเองมากเท่าใดก็ตาม หรือพยายามรักษาความงามและเฝ้าดูแลสิ่งที่ยึดถือไว้อย่างไร ร่างกายและแม้ตัวตนก็ต้องแปรเปลี่ยน . ด้วยความกลัวในหัวใจ คนเรามักพยายามยึดให้ทุกสิ่งคงอยู่ ทำทุกอย่างแม้อย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าสิ่งที่รักและหวงแหนนั้นจะยังคงเป็นเช่นที่อยากให้เป็น แต่ร่างกายก็พยายามสอนธรรมอยู่อย่างนั้นให้เรารับฟัง ไม่มีสิ่งใดคงที่และเที่ยงแท้ แม้แต่หัวใจเราเองก็ตาม แต่คนเรามักไม่ค่อยได้ฟัง พยายามใช้ชีวิตและร่างกายอย่างเกินธรรมชาติเพื่อคว้ามาซึ่งสิ่งที่อยากได้และอยากเป็น จนกระทั่งวันหนึ่งความป่วยเท่าทวี เตือนเราหนัก สิ่งที่คว้ามาก็ต้องปล่อยลงแม้ใจไม่อยากก็ตาม . คนสวนไม่อาจห้ามต้นไม้มิให้ชราและตายจาก มิอาจห้ามออกผลหรือทิ้งดอกใบ แต่ทำได้ดีที่สุดที่จะบำรุงรักษาตามปัจจัย แล้วชื่นชมคุณค่าทั้งในยามงอกงามและโรยรา . คนสวนเรียนรู้ธรรมจากต้นไม้ที่ตัวเองปลูก… Continue reading ๔ สิ่งที่ความป่วยกายสอนหัวใจ (ตอนสอง)