ทุกข์เหลือน้อย เมื่อคอย ดูความจริง ทุกๆ สิ่ง เกิดขึ้น ก่อนดับสูญ “อนิจจัง” ใดเล่า ควรเทิดทูน “อนัตตา” เป็นมูล พึงใส่ใจ คาดหวังความ ไม่เที่ยง ให้เที่ยงแท้ จึงเหลือแต่ ความเศร้า ใจสลาย แม้มิอาจ คิดยื้อ ยามตัวตาย ยังมิวาย ไขว่คว้า มากับตน พึงเห็นจริง ทุกสิ่ง เพียง “ทุกขัง” ใช่ที่ตั้ง ความสุข ทุกแห่งหน ล้วนเป็นของ บกพร่อง ไม่คงทน อย่ามืดมน ไปหลง ดงมายา หากต้องการ ปลดแอก ความแบกหนัก พึงรู้ใน “ไตรลักษณ์” ไม่กังขา มิใช่ตัว ใช่ของตน เพียงตถตา มิใช่ข้า มิใช่เขา เท่านั้นเอง เนตัง มะมะ เนโส หมัสมิ… Continue reading หากต้องการ ปลดแอก ความแบกหนัก
Category: บทภาวนา อนัตตา
อันตัวกวน มิมีตน มาแต่ไหน
สิ่งใดเล่า กวนใจ กว่ากิเลส เป็นมูลเหตุ มืดบอด พาสับสน สิ่งใดชวน หวาดระแวง แฝงกมล กว่าความคิด วกวน ตนสร้างมา ถึงแม้อยู่ แดนไกล ไร้เพื่อนบ้าน ยังร้าวราน กับกิเลส เล่ห์ตัณหา เฝ้าส่งเสียง เรียกร้อง น่าระอา พร่ำบอกว่า ข้าจะมี ข้าจะเอา แม้ตัดซึ่ง เยื่อใย ไม่เหลือมิตร ก็มีจิต คิดฟุ้ง ยุ่งไม่เหงา ชวนเคลือบแคลง ระแวงได้ แม้แต่เงา เพราะศัตรู อยู่ในเรา ใช่เขาเอย … ลมโบกโชย พัดผ่าน เหมือนมารผจญ ไม่เห็นตัว ไม่เห็นตน เมื่อวางเฉย ดั่งดนตรี เข้าหู เคลื่อนผ่านเลย ไม่วุ่นวาย เหมือนอย่างเคย แค่วางลง อันตัวกวน มิมีตน มาแต่ไหน เป็นเพียงใจ ไประแวง… Continue reading อันตัวกวน มิมีตน มาแต่ไหน
อย่าสร้างใบหน้าที่น่ารังเกียจ เพียงเพื่อเกลียดชังสิ่งที่เลวทราม
ไม่มีทางที่จะเอาชนะความเลวร้าย ด้วยความเลวร้าย หนทางเดียวที่จะกำราบความชั่วช้า คือความไม่ชั่วช้า กำจัดปีศาจ อย่างไม่กลายร่างเป็นมาร ทำลายความหลงผิดให้พินาศ ต้องยึดความถูกต้องในทุกด้าน * ไม่มีทางที่ความดีงามจะเอาชนะ หากพยายามด้อยค่าความเป็นมนุษย์ ทำเช่นนั้นก็เพียงสร้างมารร้ายขึ้นมา ด้วยใจหวังดีที่แสนมัวหม่น อย่าสร้างใบหน้าที่น่ารังเกียจ เพียงเพื่อเกลียดชังสิ่งที่เลวทราม อย่าเป็นจิตใจที่หยาบกระด้าง เพียงเพื่อแตกหักกับสิ่งไม่น่าคบหา จงเคารพตัวเองและมนุษย์ เพื่อฉุดพวกเขาจากการไม่เคารพตน จงเป็นแสงสว่างที่แตกต่าง ใช่กลมกลืนกับความมืดมนตรงนั้น มองให้เห็นกลเกม เล่ห์กิเลสชักใย เอาตัวห่างออกมาจากรังแมงมุม มีอุเบกขาและปัญญา ดูเถิด… ความดีที่เปื้อนทิฐิ ก่อวิหิงสา ** มากมาย หนทางในการแก้ไขปัญหา ต้องไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคืออัตตา ที่ก่อวิหิงสา ความโง่เขลาที่โกรธเกลียดและละโมบ เธอไม่ใช่เจ้าของสิ่งเหล่านี้ สนามปะทะแห่งนามรูป ไม่มีชัยชนะใดยืนยง จงมองวิธีการของมารร้าย ให้เห็นความว่างเปล่า เนตัง มะมะ เนโส หมัสมิ นเมโส อัตตาติ นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นตัวเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน ครูโอเล่ คอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” ตอนที่… Continue reading อย่าสร้างใบหน้าที่น่ารังเกียจ เพียงเพื่อเกลียดชังสิ่งที่เลวทราม
กาลเวลาไม่ใช่ตัวตน
กาลเวลาไม่ใช่ตัวตน นับเพื่อเฝ้ารอ เหมือนนับอณูของลม ปะทะปลายจมูกของเธอ . มิต้องนับให้ทุกข์ทน แค่ดำรง ณ ตรงนั้น อยู่กับเวลา เธอก็ได้เป็นหนึ่งเดียว กับสิ่งที่ปรารถนา . ไม่ต้องกำกับให้ลำบาก กาลเวลาจะดำเนินตามปัจจัย มิใช่ตามหัวใจ เพียงเดินตามหนทาง เธอจะไม่เสียเวลา . ยืดกายตรง นั่งเสมือนไม่ทำอะไร ราวปล่อยคืนวันลอยเลื่อน มิฉกฉวยโมงยาม แต่กลับมีเหลือเฟือ . เวลาคือเธอ แต่ก็ไม่ใช่ของเธอ เป็นพื้นที่ แต่เพียงความว่างกว้างใหญ่ ไม่มีเวลาให้จัดการ มีแค่ตัวเองต้องจัดการ . อย่าพยายามทำอะไร เพื่อมีโมงยามมากขึ้น ยิ่งอยากมี ยิ่งสูญเสียมันไป นั่งตรงนี้ก่อน หายใจให้มากพอ เธอจะเห็นเวลาที่แท้จริง . มิใช่ปฏิทิน มิใช่นาฬิกา มิใช่เป้าหมายที่หมายตา ไม่ได้อยู่ในหัว ไม่ได้อยู่ตรงไหน มิใช่การนับคำนวนใดใด เวลาที่แท้จริง อยู่เพียงในลมหายใจ อยู่กับกายใจตน . ไม่ต้องหาเวลาดูแลตัวเอง อยู่ตรงนี้กับตัวเอง เธอก็มีเวลา .… Continue reading กาลเวลาไม่ใช่ตัวตน
ความกลัว…ดั่งเธอเปียกโชกกลางสายฝน
ความกลัว…ดั่งเธอเปียกโชกกลางสายฝน ตัวสั่นสะทกกับความหนาว เพียงชั่วคราว มันไม่อยู่ตรงนั้นอย่างคงทน เมื่อแดดออกอุ่นไอ ก็คลายชุ่มน้ำ . มันไม่ใช่ของเธอ ใครอยู่ตรงนั้นก็เปียกปอน ร่างกาย หัวใจ ใช่ก้อนหิน เธอควรหาร่มให้ตน หรือหลังคาพักก่อน นกน้อยที่อยากโผบิน . เรื่องร้ายเหล่านั้น แค่ฝนตกอยู่ตามกาล หล่นร่วง เสื่อมหาย – วิสัยธรรมชาติ ไม่เป็นเพราะเธอ ไม่เป็นตามต้องการ อย่าเอาตัวเข้าไปรับสายฝนสาด . เมื่อฟ้าใส เมฆจาง กางสายรุ้ง เธอจะมองหาความครึ้มหมองเพื่ออะไร มืดหม่นผ่านพ้นไป ให้ความสวยงามรองเรือง กายใจนี้มิได้ตากฝนอีกแล้ว . เปียกปอนก็กลับบ้านของตน กลับมาอยู่กับสิ่งที่จากมา ถอดเครื่องคลุมที่สวมตัว สละออกเพื่อเริ่มต้น โยนทั้งหมดลงตระกร้า . อย่าเอาความเปียกโชกเป็นตัวเธอ อย่าถือว่าฝนคือเสื้อผ้า ละยึดถือที่สวมทับ คลายมันออก เธอก็กล้า . ความกลัว… หนาวสั่น เช็ดตัวก็แห้งหาย กลับมาอยู่ที่กาย ปัจจุบันตรงนี้ไม่มีภัย จักรวาลโอบกอดเธอด้วยผ้าใหม่ . .… Continue reading ความกลัว…ดั่งเธอเปียกโชกกลางสายฝน
คนผิดหวัง เราที่สุด คือตัวเอง
ลมหายใจแบกอะไร หรือว่างเปล่า ขณะเดินทางออกเข้า-ยาวสั้น อณูละเอียดกระทบจมูกก่อนจากไป เหลืออะไรให้หนัก กดทับทรวง . ความคาดหวังจากใครบังคับเธอ มันมาเจอใจเธอ ได้อย่างไร… ตรึกคำถาม ตามลม ไม่ไผลเผลอ เพื่อจะเจอต้นตอตีบตันใจ . สายตานั้นหรือเปล่า เขาร้าวราน พลังงานผิดหวังหรือโกรธเกรี้ยว เป็นวาจาบีบใจให้โรยล้า หรือกายาเจ็บช้ำ ด้วยไม้เรียว . มันแค่รูป อารมณ์ เสียง สัมผัส ฯ กระทบกับอายตนะกายใจนี้ เธอปรุงแต่งตัดสินเพื่อชี้วัด… คุณค่าตน-คาดมัดหวังได้มี . สายตาเพียงภาพที่จากลา ถ้อยวาจาคือเสียงที่ดับแล้ว พลังงานและสัมผัส ว่างมลาย ตอนนี้กลับเหลืออะไร-ไม่เปลี่ยนแปลง . คนผิดหวัง เราที่สุด คือตัวเอง ก่อนแบ่งออกแฝงไปแก่รอบข้าง * พาลยลยินรับรู้อย่างกลัวเกรง แต่งตีความเอาเองไม่ถามใคร . คนต่างแบ่งความหนักที่ถ่วงจิต หวังผ่อนคลายอย่างผิดทางหลุดพ้น ขณะลมหายใจใบ้ชีวิต สถิต ณ ผัสสะ ไร้ทุกข์ทน . แค่เธอเพียงรับผิดชอบที่ผัสสะ… Continue reading คนผิดหวัง เราที่สุด คือตัวเอง
ไยเธอจึงทุกข์เพราะการให้
พระจันทร์ทุกข์เพราะการให้หรือไม่หนอ ขณะทอแสงละออกระจ่างฟ้า ต้นไม้ตรมเพราะออกผลแก่คนหรือ แม้ในมือง้างขวานหวดจามผ่า เธอเคยเห็นสายน้ำร่ำไห้ไหม รองรับขับถ่ายปฏิกูลเกลื่อนกล่น เห็นดอกไม้น้อยใจบ้างเพียงใด ผึ้งนำน้ำหวานไปแล้วทิ้งกัน มีนิยามผู้ให้และผู้รับ บังคับปลากับสาหร่ายไว้หรือเปล่า ดินถือตนเป็นคนให้ที่ใหญ่หลวง ดีกว่าหนอนเลื้อยคลานนั้นหรือเล่า ไยเธอจึงทุกข์เพราะการให้ มีใจครึ้มมัวดังเมฆหมอง ลองถามตนต้องการอะไร ขุ่นเพราะสิ่งใดซึ่งหมายปอง ปล่อยวางการให้ดังสายฝน ตกหล่นไม่เหลือรอยไม่ยึดเหนี่ยว ใครชื่นใครชังไม่กังวล ให้เพื่อว่างดั่งฟ้ากว้างเป็นหนึ่งเดียว การให้คือ อนัตตา ธรรมชาติสอนในหน้าที่ของทุกสิ่ง สละละเห็นแก่ตัวและอัตตา คือเป้าหมายการบริจาคที่ยอดยิ่ง เธอลองให้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำทานอย่างสะอาดจากคาดหวัง ถือตามเหตุปัจจัยไม่ชอบชัง ทั้งผู้ให้ ผู้รับ เพียงความว่าง เมื่อให้จนไม่เหลือความผู้ให้ ใครจะทุกข์เพราะการช่วยแก่คนอื่น ทำทานสละอยากฝากโลกไว้ ขอแค่ว่างแม้ความดี ที่เหลือคืน เนตัง มะมะ เนโส หมัสมิ นเมโส อัตตาติ นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นตัวเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน อนุรักษ์ ครูโอเล่ คอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” ตอนที่ 40… Continue reading ไยเธอจึงทุกข์เพราะการให้
ข้าวปลาอาหารมิได้แพงขึ้น แต่เงินตรามีค่าน้อยลง
“เงินทองคือของมายา ข้าวปลาคือของจริง” กล่าวกันแต่โบราณล่วงกาลเวลา ยังควรระลึกตรึกเตือนใจ . จากเปลือกหอย แร่หิน กระดาษฝ้าย สู่ตัวเลขลอยคว้างกลางอากาศ สิ่งสมมติสื่อกลางแลกเปลี่ยนค้าขาย เราให้ค่าจนคล้ายมิอาจขาด . อนิจจา เงินตราหาเที่ยงแท้ไม่มี จากวันนี้ วันนั้น ผันไปกลายเป็นอื่น จากนิดน้อยบาทเดียว เที่ยวซื้อสิ่งมากมาย จากสกุลหลักร้อยกลายเป็นพันเป็นหมื่น มิเคยคงที่หรือยั่งยืน… . ทุกขา เงินตราหาสุขแท้ไม่เจอ เสื่อมเพราะเผลอ ยกมายาเป็นนายเหนือ เสื่อมเพราะบ้าฐานะอยากจะมีมากดั่งใจ เสื่อมเพราะพลาดก่อเพิ่มภาระผูกพันหนัก มั่นหมายคราวใด ใจยากจนคราวนั้น… . อนัตตา เงินตราหาตนแท้ไม่ได้ ว่างเปล่าเจ้าของครอบครอง แค่แลกเปลี่ยนเวียนมา ว่างจากมูลค่าแท้จริง แค่อ้างอิงเป็นเส้นสาย ว่างไร้ตัวฉันและชีวิต มิอาจยึดติดเป็นคุณค่า มีเพื่อหมด เพียงสมมติมายา… . ดูให้ดี ข้าวปลาอาหารมิได้แพงขึ้น แต่เงินตรามีค่าน้อยลง เธอจะเลือกใช้ชีวิตเพื่อไขว่คว้า สิ่งที่มีค่าน้อยลงเรื่อยๆ หรือ ? . เงิน คริปโต หุ้น เหรียญดิจิตอล… Continue reading ข้าวปลาอาหารมิได้แพงขึ้น แต่เงินตรามีค่าน้อยลง
เธอลอง…อยู่กับความเหงาอย่างเต็มใจ
ลองฟังเสียงแห่งความโดดเดี่ยวด้วยหูของเธอ มองความอ้างว้างด้วยสายตาคู่นั้น นิ่งงันแต่แน่วแน่ในที รู้สึกถึงกายที่เดียวดายตอนนี้ เพื่อเราจะอยู่ด้วยกัน . ลองยินเสียงอย่างแยบยลจากที่ใกล้และไกล พริ้วผ่านเข้ามาไหวน้อยๆ ข้างในตัว ดื่มด่ำดมดอมกลิ่นที่สายลมฝากให้ ขณะที่เธออยู่กับตน ด้วยใจที่เต็มตื่นและตื้นตัน . ลองทักทายอารมณ์ที่แวะเวียนด้วยความเงียบ แขกนานาผู้จรมาแล้วลาจาก กับบทสนทนาคุ้นเคยอันเรียบง่าย ดีบ้าง ร้ายบ้าง ไม่มีอะไรมาก ต่างอยู่ในคำว่า อนิจจัง . เธอลอง…อยู่กับความเหงาอย่างเต็มใจ ยอมให้ตนโดดเดี่ยวบ้าง ปิดโทรทัศน์ โทรศัพท์ สังคม และใครๆ พักการกระทำหรืออยากทำ และปล่อยวาง ปรีดากับความอ้างว้าง . ความไม่มี…มิได้ลดทอนสิ่งที่มี เธอจะเห็นความมีได้ชัดเจน…เมื่อไม่มี เดียวดายก็หาใช่ลำพังอย่างมั่นหมาย ว่างเปล่าก็หาใช่มืดหม่น แค่เราละเลยอะไรไปมากมาย . โลกที่หนีเหงาอย่างฉาบฉวย ติดกับดัก…อยากยึด…จนย่อยยับ * ไม่มีอะไรน่าคลุกคลีหรือฉกฉวย เดียวดายยังดีนักไม่ยับเยิน . อยู่ด้วยกันตรงนี้ในความโดดเดี่ยว เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับใครๆ ที่คอยเธออยู่ เรารอตรงนี้อย่างนิ่งงัน แต่แน่วแน่เด็ดเดี่ยว เจอกันในความว่างที่กว้างใหญ่ . เนตัง มะมะ เนโส… Continue reading เธอลอง…อยู่กับความเหงาอย่างเต็มใจ
คือผู้กินยามเป็น ถูกแทะเล็มยามชรา
กิน เพื่อถ่าย ถ่าย เพื่อรอด กิน เกินกาย ถ่าย แหลกเหลว . แค่ทุกข์ที่ต้องกิน เพียงทุกข์ที่ต้องถ่าย วงจรไม่สิ้น แม้ยามตาย . คือผู้กินยามเป็น ถูกแทะเล็มยามชรา จนลมหายใจล่วงไป เรากลายเป็นอาหาร . ร่างพุพอง เน่าหนองไหล เลี้ยงจุลชีพ ฉีกทึ้งซาก สัตว์นานารอมื้อใหม่ เกิดตายทับทบ บนกองศพ . จวบลาจากกาย เรายังเสวยเวทนา รับผัสสะทางใจ สวรรค์นรกเกิดมา . จิตวิญญาณขับถ่าย เป็นภพชาติชรา ในวังวนเวียนว่าย ไปกับอวิชชา . คล้ายทารกในเปล เขลาไร้เดียงสา กินถ่ายละเลง เล่นคลุกกายา . หลงกินหลงถ่าย ชาติภพบนกองอุจาระ คิดว่าสวยน่าเพลินใจ กับรสชาติผัสสะ . เธอจงโตขึ้นเถิด มองให้เห็นความบ้า กิน-ถ่าย-ตาย-เกิด แล้วก้าวเดินออกมา . เนตัง… Continue reading คือผู้กินยามเป็น ถูกแทะเล็มยามชรา