๑๐ บางข้อคิดคอลัมน์ “ไกด์โลกจิต” ประจำปี ๒๕๖๐ ๑ “ ปีใหม่จึงจะเป็นเพียงแค่เทศกาลให้เราปลดเปลื้องภาระชั่วคราว เพียงเพื่อกลับมาแบกรับและเหนื่อยหนักอย่างเก่า ปีใหม่จึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ให้เราสุขสันต์ ก่อนกลับมาทุกข์เพราะเรื่องเดิมมิได้แปรเปลี่ยน เพราะปีใหม่ของชีวิตมิใช่เทศกาล หากแต่เป็นการยอมวางและเริ่มต้นใหม่ . “ การเริ่มต้นใหม่อาจทำให้เรากลัวและเสียดาย ดุจที่ผมรู้สึกยามเห็นต้นกุหลาบที่ผูกพันถูกตัด ยามเราต้องวางสิ่งที่เคยเชื่อมั่นหรือเป็นคำตอบแก่เราลง มันย่อมทำให้เรารู้สึกไม่เชื่อใจ และบางคนอาจสับสน แต่ซ้ำร้ายบางคนมิอาจยอมรับถึงกับเสียศูนย์ชีวิตเลยก็มี หากเราไม่กล้าก้าวออกมาแล้ว ชีวิตย่อมกลับมาอยู่ในร่องวงจรเก่าหรือทนทุกข์เดิมซ้ำมิอาจหาทางแก้ไข วันหนึ่งสิ่งที่เราเชื่อว่าใช่หรือแน่นอนได้ผิดเพี้ยนไป หัวใจย่อมเสียหลักและตกทุกข์ ความเชื่อมั่นในตัวเราหรือชีวิตตนมิได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เคยยึดถือเท่านั้น คุณค่าแท้ของต้นไม้มิได้อยู่ที่ใบหรือดอก ต้นไม้รู้เช่นนั้นจึงกล้าปลิดทิ้งลงเพื่อเปิดโอกาสให้ชีวิตมีหนทางไป หาไม่แล้วเราก็จะปิดโอกาสเติบโตของตนเอง ” . จากคอลัมน์ ไกด์โลกจิต ตอน “มีปีใหม่ในทุกๆ วัน” . . ๒ “ หัวใจที่หม่นหมองเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ความเสียใจไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน อารมณ์เหมือนเมฆที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลง : ท้องฟ้าเป็นเหมือนภาพยนต์เรื่องยาวที่ฉายเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกคืนวัน ตอนนี้เราเห็นเมฆเป็นแบบนั้น ท้องฟ้าสดใสหรือหมองหม่นแบบนี้ อีกชั่วโมงหนึ่งหรือวันต่อไป เมฆและฟ้าก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว . “ หัวใจคนก็เป็นดั่งท้องฟ้านี่เอง… Continue reading ๑๐ บางข้อคิดคอลัมน์ “ไกด์โลกจิต” ประจำปี ๒๕๖๐
Category: ไกด์โลกจิต
๕ ข้อคิดพัฒนาจิตและงานศิลป์ จากการตีมีดเหล็ก
๕ ข้อคิดพัฒนาจิตและงานศิลป์ จากการตีมีดเหล็ก (แก่ครูและผู้ไม่หยุดเรียนรู้) หากจะเป็นมีดที่แกร่งกล้า สามารถตัดฝ่าสิ่งมัวหมองใจทั้งหลาย หรือหากหวังความสำเร็จของการฝึกพลังใจ จงอย่ากลัวไฟหลอมและค้อนทุบตี หันหน้าเข้าหาความทุกข์และไม้เรียวจากจักรวาล กล่อมเกลาหัวใจหยาบกร้าน ทลายกำแพงอัตตา และก้าวข้ามทิฐิตนเอง . บทความตอนนี้ได้เรียบเรียงจากการตีมีดเหล็กอรัญญิก ซึ่งมีขั้นตอนโดยสรุปประมาณ ๑๐ ขั้นตอน ผู้เขียนสรุปรวบยอดขั้นตอนและขอนำมาเปรียบเทียบกับข้อคิดการพัฒนาจิต เป็นห้าข้อดังต่อไปนี้ หากผู้อ่านเห็นข้อคิดข้อที่น่าสนใจจากเหล็กและการตีเหล็ก สามารถแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . . ๑ “หลาบ” “ซ้ำ” ให้ หลาบจำ : ขั้นตอนแรกของการตีมีดนั้นคือการนำเหล็กที่ตัดตามขนาด เข้าเตาเผาไฟจนแดง อาศัยแรงช่างกว่าสามคนใช้พะเนินตีจนได้ “หุ่น” หรือเรียกแบบงานเขียนว่า ร่างแรก ขั้นตอนนี้ชาวบ้านเรียกว่าการ “หลาบ” เหล็ก ซึ่งการพัฒนาจิตในช่วงเริ่มต้นเราต้องอาศัยเพื่อนที่เหมาะสม ร่วมปฏิบัติเป็นกลุ่ม ผ่านการเรียนรู้แบบมิ่งมิตร สร้างสัมพันธ์เป็นกัลยาณมิตร ประคองและบ่มฉันทะรักการเรียนรู้ ลงแรงช่วยกันโตดังการตีมีดในช่วงแรกต้องอาศัยช่างถึงสามนาย ร่วมหลอมแรงให้เนื้อแนบแน่น . เมื่อถึงขั้นตอนที่สอง เรียกว่า “ซ้ำ” คือการนำเหล็กที่เพิ่งตี เข้าเตาเผาไฟอีกคราว… Continue reading ๕ ข้อคิดพัฒนาจิตและงานศิลป์ จากการตีมีดเหล็ก
5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ (ตอนสอง)
5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ (ตอนที่สอง) . ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย และห้วงเวลามืดมนของชีวิต คำกล่าวของผู้รู้และบุคคลที่มีหัวใจอันประเสริฐ ย่อมเป็นดั่งตะเกียงปัญญาส่องทางแก่เรา ณ เวลาก็ตามที่จิตเราน้อมระลึกนึกถึง . เนื่องในวาระสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 เราจึงควรน้อมนำพระราชดำรัสจากพระอัจฉริยภาพของพระองค์ เป็นเพื่อให้คำสอนที่ดีจากพ่อมิเพียงแนบเนาหัวใจลูก หากแต่ดำรงอยู่ในชีวิต เป็นที่พึ่งด้วยปัญญาและศรัทธา พ่อจึงอยู่กับเราเสมอ . บทความนี้เป็นตอนที่สอง ในหัวข้อ 5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญและขยายความ เพื่อให้ผู้อ่านได้ทบทวนและน้อมนำพระราชกระแสมาปรับใช้ในชีวิตของตนเอง ผู้อ่านท่านใดมีข้อคิดแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมในเนื้อหาเดียวกัน สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามช่องทางที่สะดวกและเหมาะสม . . 3 : “ การขบคิดวินิจฉัยปัญหา จึงต้องใช้สติปัญญา คือคิดด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพื่อหยุดยั้งและป้องกันความประมาทผิดพลาด และอคติต่างๆมิให้เกิดขึ้นช่วยให้การใช้ปัญญาพิจารณาปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างเที่ยงตรง ทำให้เห็นเหตุเห็นผลที่เกี่ยวเนื่องกัน เป็นกระบวนการได้กระจ่างชัด ทุกขั้นตอน ” * . ประเด็นสำคัญที่ท่านทรงชี้แนะแก่เราคือ ปัญญาอย่างเดียวนั้นไม่พอ… Continue reading 5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ (ตอนสอง)
5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ (ตอนแรก)
5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ . (ตอนแรก) . เมื่อครั้งผู้เขียน ค้นคว้าและรวบรวมข้อคิดจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นไฟล์สมุดบันทึก “ลิขิตตามรอยก้าว พ่อหลวง ร.๙” เพื่อแจกฟรีแก่บุคคลทั่วไป ผู้เขียนพบว่ามีข้อคิดและบทเรียนที่ดีในด้านการพัฒนาจิตและชีวิตระดับบุคคลอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ถูกกล่าวถึงน้อยจากประชาชนคนไทย และยิ่งน้อยไปอีกในการถูกส่งเสริมสู่การปฏิบัติจริงจากภาครัฐและความเข้าใจของพสกนิกร จึงควรค่าอย่างยิ่งที่เราจะกล่าวถึงและน้อมนำคำสอนที่ถูกละเลยและหลงลืมเหล่านี้มาใคร่ครวญและปฏิบัติในชีวิตของตนเอง . ในหลวง รัชกาลที่ ๙ และพระบรมศาสดาทั้งหลายต่างสอนเราถึงความพอเพียงและความพอใจในสิ่งที่ตนมี แต่ก็ทรงตรัสสอนเพื่อเติมควบคู่อีกว่า การจะมีชีวิตที่มีความสุขและบรรลุความหมายของชีวิต ต้องอาศัยวิริยะและฉันทะพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดหย่อนและไม่ย่อท้อ ดั่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้มีความเพียรจึงหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้ . ทั้งการพอใจในตนเองและการมีความเพียรเป็นสองขั้วหยินหยางที่ต้องมีควบคู่กัน ขาดด้านใดไปแล้วย่อมเป็นผลเสีย หากเรามีความมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง แต่ขาดการรักตนเองตามที่เป็นจริง เราย่อมรู้สึกขัดแย้งตนเองไม่รู้สิ้นสุดแม้เข้าอบรมมากมายก็ไม่อาจรู้สึกเต็ม หากเราพึงพอใจตนเอง แต่ขาดการพิจารณาสิ่งลบที่ควรแก้ไข เราย่อมกลายเป็นคนหลงตัวเองและมีส่วนสร้างปัญหาเดิมๆ ให้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า . บทความต่อไปนี้จึงเป็นการรวบรวมบางข้อคิดคำสอนจาก ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในด้านการดูแลจิตใจ การพัฒนาชีวิต และการต่อสู้กับปัญหา พร้อมการวิเคราะห์นัยยะสำคัญลึกซึ้งที่แอบซ่อน ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นเดียวกันตามช่องทางที่สะดวกและความเหมาะสม . . 1 :… Continue reading 5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ (ตอนแรก)
3 แรงบันดาลใจจาก ดินสอ
3 แรงบันดาลใจจาก ดินสอ เราใช้ชีวิตเหมือน ดินสอหัวทู่ หรือไม่ มัวแต่ “เอาใจ” ยุ่งกับภาระ ผู้คนและข่าวสารทั้งหลาย จนลืม “ใส่ใจ” ตนเองหรือเปล่า เมื่อขาดการดูแลความรู้สึกและความต้องการแท้จริงข้างใน ลืมพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เหมือนปล่อยดินสอทู่ลง เส้นสายลายชีวิตย่อมไม่คมและไม่ตรงความหมาย . เรามัวแต่ใช้ชีวิต จนลืม “ไส้ใน” ของตนเองหรือไม่ เมื่อชีวิตได้แต่ถูกใช้เหมือนดินสอจนปลายหัก เหมือนร่างกายและหัวใจอ่อนล้าจนทรุดโทรม เรามองนอกตัวเองเกินไปจนลืม “เข้าใจ” ตนเองและสิ่งที่เราเป็นแท้จริง . บทความต่อไปนี้คือแรงบันดาลใจ ซึ่งเราสามารถเรียนรู้และซึมซับได้จากความเป็นดินสอ ของเล็กๆ ใกล้ตัวเป็นครูและเพื่อนในมือเราได้เสมอ หากผู้อ่านมีข้อคิดหรือความเห็นความรู้สึกอื่นเพิ่มเติมก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . . 1 ดินสอต้องเหลาจึงใช้ได้ ลอกเปลือกตัวตนจนพบศักยภาพ : คนเราต้องเข้าถึงและเผยสิ่งที่ดีข้างใน จึงพบหนทางของชีวิตที่แท้จริง เพราะความสามารถของเราทุกคนนั้นมีมากมายอยู่แล้ว ขอเพียงเราปอกเปลือกตัวเอง และเผยออกมาใช้ให้เป็นเท่านั้น . ดินสอเป็นตัวอย่างของการขัดเกลาตน การเหลาดินสอทำให้เปลือกไม้ข้างนอกหลุดลอก เผยไส้ถูกลับเป็นหัวแหลม เหมาะแก่การใช้งาน คนที่ขาดการขัดเกลาย่อมเหมือนดินสอทู่หรือดินสอที่ไม่ได้เหลา แม้มีดีในตัวก็ไม่อาจนำมาใช้ได้ดี .… Continue reading 3 แรงบันดาลใจจาก ดินสอ
8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม)
8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม) . เคยมีบ้างหรือไม่ที่เราสงสัยในความรักจากแม่ แม้หลายหัวใจชื่นชมคุณค่าแห่งรักผ่านถ้อยคำร้อยรำพันนานา แต่ไยหัวใจดวงนี้บางคราจึงสงสัย หรือมิอาจรู้สึกถึงรักจากท่าทีท่านได้ . มีอะไรผิดแปลกไปหรือไม่ เราดีไม่พอหรือ หรือแม่เรามิใช่เหมือนคนอื่น หัวใจเด็กน้อยแม้ในยามเป็นผู้ใหญ่ อาจสงสัยเช่นนี้ ด้วยหลายครั้งท่าทีและหัวใจคนเราไม่ตรงกัน ปากห่างไกลจากหัวใจ . แม่เรานั้นไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ลูกเองก็เช่นกัน ไม่มีใครสมบูรณ์และทำให้เราพอใจทุกประการ ความรักระหว่างแม่กับลูกคือบทเรียนยิ่งใหญ่ของรัก ซึ่งรักได้แม้อีกฝ่ายทำร้ายตนเองก่อน รักแม้ไม่เคยใช้เวลายาวนานทำความรู้จัก และรักแม้ต่างไม่สมบูรณ์แบบ มีข้อดี มีข้อติ แต่มิใช่ข้อบั่นทอนคุณค่าของการพบเจอ . คู่รักหลายคู่ต่างก็แยกย้าย เพียงเพราะความต่างและความไม่สมบูรณ์ของกัน แม้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมายาวนานหรือให้เวลารู้จักมักคุ้นกันแล้ว แต่แม่กับเรา แม้เคยทะเลาและผิดใจกันปานใด หรือมีเหตุเป็นอันต้องทำร้ายกายใจกัน ความเป็นแม่และลูกยังคงมั่น แม้เรารู้สึกถึงรักไม่ชัดเจน แต่กายใจเราที่เป็นอยู่คือประจักษ์พยานรักจากแม่ แม้รักนั้นอาจไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม . บทความตอนที่ 3 นี้คือคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในการเป็นแม่ เป็นทั้งสิ่งล้ำค่าและบทเรียน ที่เราต่างมีอยู่ในตัวเรา มิว่าเราเพศชายหรือหญิง เป็นแม่หรือไม่ เราทุกคนมีความเป็นแม่อยู่ในตัวเอง เพราะเราเกิดมาจากแม่ . หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นหรือความรู้สึกใดต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมนอกเหนือจากเนื้อหาก็สามารถแบ่งปันได้ตามช่องทางที่เหมาะสม .… Continue reading 8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม)
8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สอง)
8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สอง) การเป็นแม่นั้นคือครูที่ยิ่งใหญ่ หน้าที่นี้และลูกคือของขวัญล้ำค่าสำหรับผู้เป็นแม่เสมอ แต่มิใช่เพียงท่านเท่านั้น ลูกเองก็ได้รับสิ่งมีค่าอย่างเดียวกันแนบเนาในชีวิตของตน เพราะเราทุกคนมี “แม่” อยู่ในลมหายใจและตัวตนเสมอมิว่าทางหนึ่งทางใด ทั้งในความทรงจำ เลือดเนื้อ และเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงาม . จึงกล่าวว่าแม่นั้นมี “พระคุณ” ใหญ่หลวงต่อตัวเรา ด้วยหัวใจของการเป็นแม่ เป็นดั่ง “คุณพระ” ปกปักษ์แก่หัวใจเด็กน้อยและตัวท่าน มีหัวใจแห่งธรรมของทุกศาสนาอยู่ในความเป็นแม่ ทุกเส้นทางที่เราทั้งสองได้พบเจอ คือก้าวหนึ่งของการเติบโตแห่งจิตใจ เราได้เรียนรู้ความรักที่แท้ก็ในความเป็นแม่กับลูก เราได้พบแบบฝึกใจที่สำคัญเพื่อสละละอัตตาตน ก็ในความเป็นแม่กับลูกนี้ . แม้เรื่องราวระหว่างกันจะมีความเจ็บปวด มีความผิดใจ มีความโกรธ และแม้การจากลา เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นประตูที่รอเปิดออก เพื่อค้นพบคุณค่าแท้ในสายใยระหว่างกัน คุณค่าที่จะอยู่กับเราเสมอ แม้กำแพงหรือระยะทางใดจะกั้นขวางเรา ทุกการพบเจอของทุกคนมีความหมาย แม้ชอบหรือไม่ก็ตาม การที่เราได้เป็นแม่และลูกต่อกัน ย่อมมีความหมายต่อการเติบโตทั้งสองฝ่าย มีบทเรียนและของขวัญพร้อมมอบให้แก่กัน ถึงแม้บางเรื่องอาจต้องใช้เวลายาวนานกว่าตระหนักได้ก็ตาม . บทความนี้เป็นตอนที่สองในหัวข้อ “8 คุณค่าที่เรามีดั่งแม่” เพื่อให้เรามองตนและมองแม่อย่างเข้าใจในคุณค่าต่อกัน และเรียนรู้สิ่งที่ความเป็นแม่ได้สอนเราทั้งสองฝ่าย นำไปสู่การตระหนักในบางคุณค่าที่เรามีและเป็น แต่อาจหลงลืมไป ผู้อ่านคนใดมีข้อคิดเห็นหรือความรู้สึกใดต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม… Continue reading 8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สอง)
8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)
8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก) ในลมหายใจนี้มีแม่อยู่เสมอ เมื่อเราหันหลับมาให้สิ่งที่ดีแก่หัวใจตนเอง หัวใจของแม่ก็ได้รับด้วยเช่นกัน เมื่อใดที่เรารู้รักตัวเองอย่างแท้จริง เมื่อนั้นเรากำลังแสดงความกตัญญูและรักแก่แม่เราด้วย เมื่อใดก็ตามที่จิตใส่ใจลมหายใจ เรากำลังให้ความเคารพกับชีวิตที่เราได้รับมา ร่างกายนี้ส่วนหนึ่งเดินทางมาจากท่าน เราทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวของกันอยู่เสมอ ไม่ว่าท่านอยู่ไกลจากเราเพียงไหน หรือกำแพงหนึ่งใดกั้นใจของเราเป็นบางคราวก็ตาม . การระลึกถึงพระคุณแม่นั้น มิใช่เพียงให้เราได้แสดงความรักและความเคารพเท่านั้น แต่เพื่อให้เราตั้งใจน้อมนำสิ่งที่ดีแบบท่าน ซึ่งซ่อนอยู่ในตัวเราด้วยเช่นกัน ทำให้ได้ดั่งท่าน และน้อมนำมาเป็นแบบอย่าง . มิว่าเราเป็นชายหรือหญิง คุณสมบัติและคุณค่าที่ดีในความเป็นแม่ ต่างเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว เมื่อใดที่เราเพาะบ่มเมล็ดเหล่านี้และปลูกมันลงบนแผ่นดินของชีวิต เรากำลังทำหน้าที่ลูกด้วยการนำของขวัญที่ดีที่สุดจากแม่ มอบให้แก่ตนเองและผู้คนรอบข้าง . บทความนี้เป็นตอนแรกของหัวข้อ คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” ผู้อ่านคนใดต้องการแลกเปลี่ยนข้อคิดและความรู้สึกอื่นๆ นอกเหนือจากเนื้อหาดังต่อไปนี้ สามารถแบ่งปันกันได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . . 1 เราทุกคนคือผู้ให้กำเนิด ผู้มอบของขวัญแก่โลกใบนี้ : พระคุณของแม่ที่ล้ำค่าที่สุดอย่างหนึ่งคือการมอบโอกาสให้เรามีลมหายใจบนโลก ให้กำเนิดเด็กน้อยคนนี้ย่างก้าวบนผืนแผ่นดินเพื่อมอบดอกไม้นานาคืนแก่ผืนดินเกิดในวันข้างหน้า . ในความเป็นแม่นั้นมีพลังสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นเหมือนศิลปินที่วาดตัวเราขึ้นมา ดุจงานศิลป์ที่มีสีสันหลากหลาย ความสร้างสรรค์นี้เองก็มีอยู่ในตัวลูกเช่นกัน… Continue reading 8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)
5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนที่สอง)
5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต #ไม่ต้องเข้าคอร์สหรูก็รู้ได้ (ตอนที่สอง) หนทางไม่เคยมืดมน ยกเว้นเราจะ “ปิดตา” ตนเสียเอง เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับเมล็ดพันธุ์หรือศักยภาพที่ไม่จำกัด ยกเว้นเราจะ “ปิดกั้น” ตนไว้ด้วยความเชื่อว่า …ฉันทำไม่ได้… หรือ …ฉันเป็นแค่… . เมื่อเรา “ปิดใจ” ต่อตัวเอง ปีกที่ซ่อนอยู่ในตัวเราก็ไร้โอกาสได้กางออก เราจึงรู้สึกว่าชีวิตไม่มีหนทางเลือกเอาเสียเลย ทั้งที่เราเป็นผู้เลือกหันหลังให้ . เราอาจมีวันสับสน แต่ไม่มีวันอับจน ตราบใดใจไม่ “ปิดประตู” ทางออกไว้ด้วยการคิดและความเชื่อที่เฝ้าย้ำตอกตำชีวิตจนตรอก ทางออกอยู่ที่ใจเราเสมอ อำนาจวิเศษและการอบรมสะกดจิตใดใด เพียงชี้ทางหวนกลับมาที่ใจของเรา . อย่า “ปิดบัง” ตัวเองจากความจริง และสิ่งที่เราทำได้แม้ไม่สมบูรณ์แบบ ด้วยการตัดสินและการคาดคั้น ให้ชีวิตเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้เราหายใจและกางปีกของตนออกได้ อยู่อย่างไรจึงมีความหมายโดยไม่ต้องมีเงื่อนไข มิใช่ให้ชีวิตคือพื้นที่ “ปิดฉาก” ลมหายใจด้วยข้อผูกรัดที่เราคล้องหัวใจตนเอง . บทความนี้นำเสนอต่อเนื่องอีกสองข้อสุดท้ายจากตอนที่ผ่านมา เป็นข้อคิดเพื่อการเปลี่ยนความเชื่อและความคิด เพื่อเปลี่ยนชีวิตของเรา ผ่านส่วนหนึ่งของแก่นความรู้การสะกดจิตและพลังแห่งจิตใจ มิว่าคอร์สราคาแพงหรือการอบรมเพื่อการกุศลต่างมีหลักการร่วมอย่างเดียวกัน ผู้อ่านคนใดต้องการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในหัวเรื่องเดียวกันนี้อย่างไรก็สามารถบอกเล่าได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . .… Continue reading 5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนที่สอง)
5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนแรก)
5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต #ไม่ต้องเข้าคอร์สหรูก็รู้ได้ (ตอนแรก) เผยเบื้องหลังคอร์สสะกดจิต อำนาจที่เรามีอยู่แล้วในตนเอง ไม่ว่าเราเข้าอบรมคอร์สถูก คอร์สแพง หรือเรียนด้วยตนเอง หากเข้าใจแก่นหลักอย่างถ่องแท้ เราย่อมไม่ตกอยู่ใต้อำนาจการสะกดจิตจากใคร แม้แต่สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในตัวเองก็ตาม . บ่อยครั้งที่เราใช้ชีวิตอย่างหุ่นชักใย เราไม่มีอิสระและความสุขอย่างแท้จริง ถูกชักพาไปทางโน้นทางนี้ที เดี๋ยวก็เป็นความคาดหวังจากคนอื่น เดี๋ยวก็สิ่งกระตุ้นเย้าแหย่จากสื่อหลายๆ ทาง หรือบางครั้งเราอาจนึกสงสัยว่า เพราะอะไรเราจึงทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้เต็มที่ หรือเหตุใดชีวิตถึงต้องมาติดอยู่แบบนี้ เราถูกผูกมัดด้วยหลายสิ่ง โดยเฉพาะข้างในตัวเราเอง . คนต่างต้องการ “อิสรภาพ” และความสุข แต่หัวใจกลับพาทำสิ่งที่ตรงข้าม สร้าง “เงื่อนไข” มากมายให้แก่ตัวเองเพื่อจะมีความสุข แต่ผลยิ่งทำให้เราไกลจากความพอใจในตนเองมากขึ้นทุกที จนกว่าเราจะหันหลับมาดูแล นัก “สะกด” จิตในตัวเอง ที่ “สกัด” กั้นศักยภาพและอำนาจที่มีอยู่แล้ว . อำนาจที่จะมีความสุขและอิสระอยู่ใจเราเสมอ . บทความนี้นำเสนอ 3 ข้อคิดแรกซึ่งเป็นทั้งแง่คิดและวิธีการ ก้าวข้ามพ้นไปจากขอบความเชื่อที่ตนติดอยู่ หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นหรือมีเทคนิคใดเพิ่มเติมจากบทความ สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามช่องทางที่เหมาะสม .… Continue reading 5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนแรก)