
เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 57
: เรียนการเขียนบำบัด สู่การสร้างสรรค์ชีวิต
… 12 สัปดาห์ จรดปากกาผ่าตัดหัวใจ เปลี่ยนให้เห็นคุณคนใหม่ สำรวจโลกภายในจิตใจ ด้วยการเขียนที่ไม่ธรรมดา
… เรียนการเขียนบำบัด (Writing Therapy) แล้วต่อยอดสู่การฝึกเขียนงานสร้างสรรค์ ดูแลหัวใจ ได้รู้จักตัวเอง ได้พลังเพื่อผลักดันชีวิตก้าวต่อไป
… แล้วคุณจะรู้ว่า การเขียนให้อะไรมากกว่าที่คิด และการเปลี่ยนชีวิตเริ่มได้ด้วยมือของตนเอง
เรียนออนไลน์ภาคค่ำทาง Zoom เวลา 1 ทุ่มครึ่ง สัปดาห์ละ 2 คืน
เริ่ม 14 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
หลักสูตรนี้เกี่ยวกับอะไร
“เขียนเปลี่ยนชีวิต” เป็นหลักสูตรสอนการเขียนบำบัด (Writing Therapy) เพื่อพัฒนาจิตใจและการเปลี่ยนแปลงตนเองในด้านต่างๆ อาทิ การรู้จักตนเอง การก้าวข้ามจากความเคยชิน การเยียวยาความรู้สึกเชิงลบ การรักและเห็นคุณค่าในตนเอง และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยได้ประยุกต์กับหลักการทางจิตวิทยา ผสมผสานเป็นหลากหลายเทคนิคการเขียนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ตนเอง
สอนโดย ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ที่ได้เริ่มสอนเรื่องนี้เมื่อปี 2555 และได้ทำการศึกษาร่วมกับพยาบาลชำนาญการเกี่ยวกับการใช้การเขียนบำบัดเพื่อพัฒนาสุขภาวะผู้ต้องขังเรือนจำ และเผยแพร่กิจกรรมการเขียนบำบัดในช่องทางที่หลากหลาย มาอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการปัญญ์ สเปซ และกิจกรรมในความร่วมมือกับองค์กรการกุศลต่างๆ
หลักสูตรนี้เป็นกิจกรรมการเขียนด้วยเทคนิคที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนได้สร้างการเปลี่ยนแปลงจากภายในตนเอง การเขียนในที่นี้จะไม่ใช่การเขียนเพื่อสร้างผลงาน แต่จะเป็นการสื่อสารกับตนเองอย่างลึกซึ้ง เป็นการเขียนเพื่อให้เราได้ดูแลตนเอง สร้างพลังเชิงบวกให้แก่ใจ และเปิดมุมมองความคิดต่อตัวเองและชีวิตให้กว้างขึ้นผ่านการจรดปลายปากกา กล่าวคือการเขียนลักษณะนี้จะทำให้เราได้เป็นหมอ ครู และเพื่อนรักที่ดีของตนเอง โดยแบ่งออกเป็น 4 เนื้อหาหลัก ได้แก่ เขียนเยียวยา, เขียนค้นตน, เด็กน้อยภายใน และ เขียน.ข้าม.ขอบ
Writing Therapy ดีอย่างไร
“หมอในมือ เพื่อนข้างกาย ไปได้ทุกที่ มีราคาไม่แพง แฝงคุณค่ามากมาย”
การเขียนบำบัด (Writing Therapy) เป็นเครื่องมือที่ได้รับการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ อาทิพบว่า การเขียนบำบัดส่งเสริมการดูแลความหลังฝังใจ ฝันร้าย และประสบการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา และช่วยพวกเขาค่อยๆเชื่อมโยงกับกิจกรรมและสถานที่ที่พวกเขาพยายามปฏิเสธ (Klein & Boals, 2001; Sloan & Marx, 2004) ฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ผู้ที่วัยเด็กประสบกับความเจ็บป่วยเรื้อรัง (Schwartz & Drotar, 2004) และ ผู้ที่เพิ่งผ่านความสัมพันธ์ที่แตกสลาย (Lepore & Greenberg, 2002)
การเขียนบันทึกยังส่งผลให้ผู้ที่เพิ่งถูกขับออกจากงานได้กลับมาทำงานใหม่ (Spera et al, 1994) หยุดงานน้อยลง (Francis & Pennebaker, 1992) มีค่าเฉลี่ยเกรดสูงขึ้น (Cameron & Nicholls, 1998) ศักยภาพโดยรวมด้านกีฬาสูงขึ้น (Scott et al, 2003 และแม้กระทั่งมีความจำดีขึ้น (Klein & Boals, 2001)
ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ได้ศึกษาร่วมกับพยาบาลชำนาญการกับกลุ่มผู้ต้องขังแดนหญิงที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เมื่อปี 2566 พบกว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการเขียนบำบัดอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาในด้านการฟื้นตัวจากความทุกข์ในอดีต การมีมุมมองเชิงบวกกับตนเอง ความสามารถปรับตัวในการอยู่ในเรือนจำ ความสามารถในการดูแลจัดการความรู้สึกของตนเอง การยอมรับและเข้าใจคนอื่น ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับกลุ่มและสังคม และการเห็นคุณค่าของตนเองจากสิ่งที่ทำและผลกระทบต่อส่วนรวม มีความเข้าใจในคุณค่าของตนเองมากขึ้น สามารถกำหนดเป้าหมายในอนาคตและการชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าและมีความสุข

สิ่งที่จะได้รับในการอบรม
- ดูแลจิตใจของตนเอง เติมเต็มความสุข คลี่คลายความทุกข์ และรักตนเองมากยิ่งขึ้น
- รู้จักตนเองในด้านต่างๆ เพื่อรู้ทัน รู้ใช้ และรู้วาง ในศักยภาพและข้อจำกัดด้านต่างๆ และตระหนักในเบื้องหลังหรือแก่นที่ซ่อนอยู่ของสิ่งที่ตนเป็น
- เยียวยาปมในอดีต ปลดล็อกสิ่งที่ดีในช่วงวัยเด็ก และเห็นแนวทางในการเติมเต็มความต้องการที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ
- ก้าวข้ามความเชื่อ ความรู้สึกมีข้อจำกัด เห็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและชีวิต
- ฝึกการเขียนบำบัดในรูปแบบต่างๆ และต่อยอดสู่การฝึกเขียนงานสร้างสรรค์
กำหนดการอบรม
เรียนทุกคืนวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 19.30 – 21.30 น. เริ่มคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 รวมทั้งหมด 24 คืน (สามสัปดาห์เว้นหนึ่งสัปดาห์)
เรียนออนไลน์ด้วยโปรแกรม Zoom แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 เนื้อหา
ควรเข้าเรียนอย่างน้อย 12 คืน โดยห้ามขาดสองคืนแรกสำหรับนักเรียนใหม่
ผู้เรียนที่เข้าร่วมอย่างน้อย 12 คืน และได้สรุปการอบรมปิดท้าย จะได้รับเอกสารเพิ่มเติมและสิทธิ์เรียนต่อยอด
เนื้อหาที่ 1 (ปูพื้นฐาน) : เขียนเยียวยา – เขียนเพื่อรักษาใจตน
คืนวันพุธ – พฤหัสบดี วันที่ 14-15, 21-22 และ 28-29 พฤษภาคม 2568
เวลา 19.30 น. – 21.30 น.
นักเรียนใหม่ที่ไม่เคยอบรม ต้องเข้าเนื้อหานี้อย่างน้อย 2 คืนแรก ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าอบรมต่อได้
เนื้อหานี้เป็นการเรียนเขียนบำบัด หรือ Writing Therapy ตั้งแต่พื้นฐาน ฝึกการเขียนเพื่อดูแลความรู้สึกในหัวใจ สำรวจจิตใต้สำนึก ด้วยเทคนิคหลายแบบเพื่อสำรวจความสุขและความทุกข์ในชีวิตที่ผ่านมา และใช้เทคนิคการเขียนทางจิตวิทยาเพื่อสื่อสารกับร่างกายและบ่มเพาะการรักตัวเอง
เนื้อหาที่ 2 : เขียนค้นตน – เขียนเพื่อค้นพบตัวเอง
คืนวันพุธ – พฤหัสบดี วันที่ 11-12, 18-19 และ 25-26 มิถุนายน 2568
เวลา 19.30 น. – 21.30 น.
เนื้อหานี้เป็นการเรียนการเขียนแบบ Self-Reflection เพื่อสำรวจตัวตนที่หลากหลายและโลกภายในที่ซ่อนอยู่ ด้วยกิจกรรมการเขียนที่ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น ทั้งสิ่งที่เป็นเบื้องหลังและศักยภาพที่มีในตัวเรา และกิจกรรมการเขียนร่วมกับการฝึกจินตภาพเพื่อสำรวจจิตใต้สำนึก กับแบบฝึกหัดการสนทนากับเสียงภายใน ที่ทำให้ได้ฟังเสียงหัวใจและค้นหาคำตอบจากปัญญาญาณ
เนื้อหาที่ 3 : เด็กน้อยภายใน – เขียนเพื่อปลดล็อกใจ
คืนวันพุธ – พฤหัสบดี วันที่ 9-10, 16-17 และ 23-24 กรกฎาคม 2568
เวลา 19.30 น. – 21.30 น.
เนื้อหานี้เป็นการสำรวจเรื่องราวในอดีตและปลดล็อกตัวเองด้วย Inner Child Journal เพื่อเยียวยาปมวัยเด็ก และปลดล็อกศักยภาพแห่งความเป็นเด็กที่ซ่อนในตัวเรา การสนทนากับเด็กน้อยภายในและการเติมเต็มความต้องการภายในใจ บ่มเพาะการรักตนเอง การเข้าใจสิ่งที่ฉุดรั้งไว้ และเติบโตจากอดีตที่ผ่านมา
เนื้อหาที่ 4 : เขียน.ข้าม.ขอบ – เขียนเพื่อข้ามเซฟโซน
คืนวันพุธ – พฤหัสบดี วันที่ 6-7, 13-14 และ 20-21 สิงหาคม 2568
เวลา 19.30 น. – 21.30 น.
เนื้อหานี้เป็นการฝึกออกนอกกรอบความคิด สร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเอง ด้วยการเขียนบำบัดเทคนิค Kinesthetic Writing และต่อยอดจากบันทึกส่วนตัวสู่การเขียนสร้างสรรค์ หรือ Creative Wrtiting เพื่อออกจากพื้นที่ปลอดภัย และการก้าวข้ามขีดจำกัดทางความคิดต่างๆ เป็นพลังใจไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
รูปแบบการเรียน
- ในแต่ละคืนประกอบด้วยกิจกรรมการเขียน การฟังบรรยายจากครู และการสนทนาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมเรียน
- ผู้เข้าอบรมจะต้องสามารถเขียนบันทึกตามกิจกรรมที่กำหนด และสามารถร่วมแบ่งปันความรู้สึกและข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ เพื่อเป็นการเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมเรียน
- โดยกิจกรรมการเขียน จะต้องใช้การเขียนด้วยมือลงสมุด (ขนาดประมาณครึ่งเอสี่ขึ้นไป) หรืออุปกรณ์แท็บเล็ตที่ใช้ปากกาสไตรัสเท่านั้น
- สามารถส่งบันทึกเพื่อให้ครูอ่านและแนะนำรายบุคคลได้หลังจบการอบรมแต่ละสัปดาห์ โดยครูจะแจ้งรายละเอียดวิธีการส่งในการอบรม
- เรียนครบอย่างน้อย 2 เนื้อหา รับใบประกาศจบหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต และได้รับแบบฝึกหัดออนไลน์สำหรับฝึกเขียนเปลี่ยนชีวิตต่อด้วยตนเอง ในเนื้อหาที่ได้เข้าร่วม
ค่าลงทะเบียน
ค่าลงทะเบียนตามบริจาค ไม่มีขั้นต่ำ !! หรือสมทบ 990 บาทขึ้นไป เพื่อรับเว็บไซต์คู่มือเขียนบำบัดในแต่ละเนื้อหาที่เข้าร่วม (รวมมากกว่า 70 แบบฝึกหัดในแต่ละเนื้อหา)
รายได้จากการอบรมนี้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าวิทยากรแล้ว นำไปใช้ในโครงการเพื่อการกุศลต่างๆ ของสถาบันธรรมวรรณศิลป์ อาทิ โครงการประกวดงานเขียนเยาวชน รางวัลธรรมวรรณศิลป์ เพื่อมอบทุนการศึกษา, โครงการปัญญ์ สเปซ และการอบรมเพื่อการกุศล โดยเราเป็นโครงการที่ดำเนินงานด้วยรายได้จากการจัดกิจกรรม ไม่พึ่งพาการขอรับทุนจากบริษัทหรือองค์กรใด
อ่านรายละเอียดโครงการเพื่อการกุศลของเรา ได้ที่
สมัครเข้าร่วม
– ทักแชท Inbox เพจเฟสบุ๊ค “สถาบันธรรมวรรณศิลป์”
หรือทางไลน์ id : @khianpianchiwit
– แจ้งสมัครการอบรม “เขียนเปลี่ยนชีวิต” พร้อมแจ้งข้อมูล ได้แก่ ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น อีเมล และเหตุผลในการสมัครของท่าน
– เมื่อทางเราได้รับข้อมูลแล้วทีมงานจะแจ้งบัญชีสมทบค่าลงทะเบียน เพื่อยืนยันการเข้าร่วมเรียน
วิทยากร
ครูโอเล่ อนุรักษ์ เม่นหรุ่ม C.Ht
ผู้อำนวยการ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ วิทยากร นักเขียน นักสะกดจิตบำบัด ผู้สอนการเขียนบำบัดในชื่อชุดหลักสูตร “เขียนเปลี่ยนชีวิต” สอนการสะกดจิตบำบัดและการโปรแกรมจิตตัวเองในชุดหลักสูตร “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” (30 รุ่น) นอกจากนี้ก็ยังเปิดอบรมในเนื้อหาต่างๆ อาทิ การรู้จักตนเอง การเจริญสติภาวนา การพัฒนาครู และภาวะผู้นำ แก่บุคคลหลากหลายอาชีพ โดยได้รับ Certified Hypnotherapist
เป็นผู้เขียนคอลัมน์ออนไลน์ “ไกด์โลกจิต” ผู้ร่วมศึกษาการเขียนบำบัดเพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ HIV (เสนอผลการศึกษาสองครั้ง) และผู้ศึกษาค้นคว้าเรื่องการเขียนภาวนา (เปิดสอน 14 รุ่น และกำลังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยการเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านการเขียนภาวนา)
สิ่งที่ผู้เรียนรุ่นก่อนได้รับ
“ได้เข้าเรียนแล้วรู้สึกเหนือความคาดหมายค่ะ ลึกซึ้งกว่าที่คิดไว้ ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆในการพูดคุยกับภายในเรา รวมทั้งได้เรียนรู้จากคำถามและการแชร์ของเพื่อนๆด้วยค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นอีกกลุ่มความสัมพันธ์นึงที่เรามีนัดพบกันทุกสัปดาห์ตลอดระยะเวลา3เดือน ดีจังค่ะ ได้พัฒนาตัวตน ให้ฝึกฟังอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ชอบตอนที่เขียนแล้วไม่ให้กลับไปอ่านทวนค่ะ รู้สึกว่าได้อยู่กับปัจจุบันดี รู้สึกว่าเปิดกว้างในการยอมรับตนเองและผู้อื่นมากขึ้นค่ะ เข้าใจและยอมรับความเป็นไปต่างๆตามความเป็นจริงได้ง่ายขึ้นค่ะ”
“รู้สึกโชคดีที่ได้เข้าเรียนหลักสูตรเขียนเปลี่ยนชีวิต เรียนแล้วเปลี่ยนชีวิตจริงๆ ค่ะ โดยเริ่มจากเปลี่ยนวิธีคิด ที่ผ่านมาเราเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อม คำพูดที่คนรอบข้างกำหนดว่าเราเป็นคนเช่นไร ทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่รักตัวเอง คิดว่าเราเป็นคนเดียวในโลกที่กำลังเผชิญกับปัญหา เมื่อเรียนแล้วและได้เข้ากลุ่มย่อยทำให้พบว่าเราไม่ใช่คนเดียวในโลกที่เศร้าหวาดกลัวไม่มั่นใจในตัวเอง เพื่อนๆก็เป็น ที่เคยคิดว่าปัญหาเราใหญ่มาก พอฟังเรื่องราวของเพื่อนๆ ก็พบว่าบางคนหนักกว่าเราเยอะ ได้ฟังความคิดของเพื่อนๆ ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นเข้มแข็งขึ้น การอบรม”เขียนเปลี่ยนชีวิต” ในครั้งนี้ช่วยดึงสติให้เห็นคุณค่าในตัวเองและมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น มิได้ช่วยคนแค่ 1 คนแต่เป็นการช่วยครอบครัวและคนรอบข้าง สังคมของผู้เรียน รวมไปถึงโลกใบนี้ค่ะ”
“ฉันดีใจที่ได้เรียนครบทุกหัวข้อ เพราะฉันชอบมากทุกหัวข้อเลย แต่ถ้าต้องเลือก ฉันขอเลือกหัวข้อที่นำพาฉันก้าวข้ามความเป็นตัวเองได้มากที่สุด นั่นก็คือ หัวข้อ “เขียนข้ามขอบ” โดยเฉพาะกิจกรรมเขียน/วาดตามจังหวะชีวิต กิจกรรมนำพาวาดขีดเขียนทะลุความเป็นตัวตน จนฉันตระหนักรู้ได้ว่า ความเป็นตัวฉันนั่นแหละคือ “ขอบ” สำคัญที่ฉันต้องก้าวข้าม การยึดติดกับสิ่งเดิมๆที่ตัวเองกำหนดไว้เป็นมาตราฐานสิ่งที่เรียกว่า “ดี” “เหมาะสม” โดยไม่รู้ว่า นี่แหละคือ กรงขังที่ปิดกั้นฉันจากอิสรภาพและจินตนาการ การได้ใช้คำใหม่หรือให้ความหมายใหม่ กับสิ่งที่เรากำหนดไว้ ช่วยเปิดมุมมอง ปรับทัศนคติให้ทุกอย่างผ่อนคลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากสิ่งที่ดูซีเรียส กลายเป็น ประโยคขำขัน ตลกดีค่ะ ”
“รู้สึกขอบพระคุณคุณครูโอเล่ ที่วางโครงสร้างหลักสูตรให้พวกเราค่อยๆ รู้จักตัวตนที่เราคุ้นเคยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย สู่การตระหนักรู้ถึงตัวตนที่เราไม่คุ้นเคยเป็นพื้นที่เสี่ยงที่เราไม่กล้าก้าวข้ามออกไป ครูค่อยๆจูงมือพาเราก้าวข้ามขอบความเป็นตัวตน ความเชื่อ ทัศนคติ สอนให้เรียนรู้วิธีการยืนหยัดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอย่างอิสระและปลอดภัย ขณะเดียวกันครูไม่ลืมที่จะสอนให้เรารู้จักใช้ประสบการณ์การเรียนรู้ แบ่งปันให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น”
“เด็กน้อยภายใน พาฉันกลับไปพบตัวเองตอนเป็นเด็กน้อย ที่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ ขำกับเรื่องเดิมๆจนปวดท้อง ฉันได้ตระหนักรู้ว่า เด็กคนนั้นหายไป กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความสุข กลัวความผิดพลาด ความทุกข์หม่นๆลึกๆ นั่นเป็นเพราะฉันยึดติดอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยเดิมๆ ความอบอุ่น ความรักความไว้ใจที่ได้รับมาโดยตลอด ฉันไม่กล้าเผชิญความเสี่ยงใดๆที่จะทำให้ฉันสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป การเรียนจากคอร์สนี้ช่วยให้ฉันเปลี่ยนทัศนคติจากการยึดติดฉุดรั้ง เด็กน้อยช่วยส่งพลังผลักดันให้ฉันรู้สึกขอบคุณ และมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ความผิดพลาดที่ฉันหนีมาตลอด ไม่ใช่สิ่งที่ลดทอนคุณค่าในตัวฉัน สิ่งที่บั่นทอนคุณค่าในตัวฉันคือ การที่ฉันไม่กล้าเผชิญความจริง หลีกหนีปัญหา ต่างหาก จากจุดนี้ ฉันรู้แล้วว่า ฉันจะไม่มีวันมีความสุขถ้าฉันยังจมอยู่กับปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข ฉันได้พัฒนาตัวเองด้วยการกล้ากลับมาวางแผนแก้ไขปัญหาคั่งค้างที่ซุกไว้”
“ตัดคนใจร้ายออกจากชีวิตได้ง่ายขึ้น รักตัวเองมากขึ้น ใครที่ไม่รักก็คือไม่รัก ไม่บังคับหรือตั้งคำถามอีกต่อไป อ่อนโยนกับตัวเอง ปล่อยและช่าง…มากขึ้นจากที่เคยกดดันตัวเองให้เพอร์เฟ็กต์ในเรื่องต่างๆ จากการที่เข้ากลุ่มย่อยและรับฟังคนอื่นได้รับรู้ว่าคนอื่นเจอเรื่องหนักกว่ามากเค้ายังผ่านไปได้ เรื่องของเราแค่นี้เอง ปล่อยวางได้ ใจก็เบาลง”
“รู้เป้าหมายของตัวเองชัดขึ้น ได้ให้อภัยตัวเองและคนอื่นๆในอดีต มองเห็นตัวเองในตอนนี้ ชื่นชมและภูมิใจ มรกำลังใจในการลงมือทำของตัวเองต่อไป ที่สำคัญ คือได้ประยุกต์สิ่งที่อาจารย์สอนลงในงานของตัวเองด้วย เป็นความรู้เพื่อเป็นประโยชน์ให้คนอื่นต่อไปอีกหลายคนค่ะ”
“ฉันชอบทุกหัวข้อที่เข้าร่วม เพราะอาจารย์จริงใจและละเอียดในการสอนทุกหัวข้อ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เทคนิคที่ชอบมากที่สุดคือการได้วาดรูปตามความคิดและอารมณ์ และการเขียนโดยไม่หยุดพัก เพราะเป็นอะไรที่ดูจริงใจ ตรงไปตรงมากับตัวเองดี สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในใจสามารถระบายออกมาได้อย่างไหล่ลื่น อีกทั้งคือไม่มีคำว่าผิดหรือถูกในการเรียนแม้แต่นิดเดียว สอนให้เราเปิดรับทุกอย่างที่เป็นไปในตัวเอง… “เขียนเยียวยา” หัวข้อแรกเกี่ยวกับความสุข ยอมรับเลยว่าตอนแรกฉันเข้ามาเรียน มีแต่ความทุกข์จากที่ทำงาน อาจารย์ให้ทบทวนความสุขที่เคยมีทำให้ฉันพบความสุขง่าย ๆ ที่ลืมเลือนไปนานแสนนาน ฉันได้ทำความเข้าใจในมุมมองใหม่ ว่า การเขียนคือการฟัง การเขียนถึงตัวเองคือการรับฟังตัวเอง ฉันเพิ่งมาเห็นว่าตัวเอง เอาแต่หลีกหนีจากความทุกข์ในใจมาโดยตลอด… “เขียนค้นตน” การมีตัวช่วยทั้งการตั้งคำถามสืบค้น การเปรียบเทียบตัวเองผ่านสิ่งต่าง ๆ และการแลกเปลี่ยนกับเพื่อน เป็นตัวช่วยทำให้เราเห็นมิติของตัวเองในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น ช่วงนี้ฉันมักมองตัวเองแข็งกระด้างทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แต่พอฟังเพื่อนก็เห็นความอดกลั้นภายในที่เข้มแข็ง และยังมีอีกด้านที่อ่อนโยนที่เรามักละเลยไป เราได้มีโอกาสให้เขาออกมาตามกิจกรรมที่อาจารย์นำพาไปและรับรู้ถึงการมีอยู่ของทั้งหมดในตัวเอง…”
“หัวข้อ “เด็กน้อยภายใน” ฉันชอบหัวข้อนี้ตรงที่ได้ขยายจินตนาการออกไปกว้างไกล เลยขอบเขตที่ฉันคิดว่าตัวเองทำได้เพียงเท่านี้ การเขียนถึงนางฟ้าทำให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการกลับมาปลอบใจตัวเองได้อย่างดี การแต่งเรื่องราวต่าง ๆ สร้างความสนุก ปลุกให้เราโลดแล่นไปในโลกอีกใบตามใจที่เราอยากจะทำ และแน่นอนว่ามัน imply เข้ากับโลกความจริงด้วย อาศัยการกล้าคิดจินตนาการนั้น ทำให้เห็นความฝัน ความหวัง และแก่นบางอย่างในการใช้ชีวิตของตนเองในวัยโตนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ พอได้ทบทวนความทุกข์ในวัยเด็กกลับพบว่า มี pattern ที่คล้ายกับตอนโต ตอนทำงาน มันต้องกลับไปพูดคุยกับตัวเองในตอนนั้นเพื่อทำความเข้าใจบางอย่างใหม่ด้วยเช่นกันนะ เพราะมันน่าจะช่วยให้ความทุกข์วัยเด็กได้รับการรับฟัง และได้รับความเข้าใจ…”เขียนข้ามขอบ” ลีลาในการเรียนหัวข้อนี้ช่วยให้ energy สดใส สดชื่นขึ้นมาก เหมือนออกแบบให้เราไปรับพลังงานในแบบต่าง ๆ ผ่านการเคลื่อนไหว ผ่านการเขียน ช่วยให้ระบายอารมณ์อัดอั้นได้ดี ภายใต้ความทุกข์ กิจกรรมช่วยให้เห็นถึงความน่าประหลาดใจที่แอบซ่อนอยู่ ทำให้เห็นความจริงอีกฝั่งที่ไม่ได้ปรากฎขึ้นมา”
เงื่อนไขและข้อตกลง
- ผู้สมัครมีความตั้งใจร่วมกิจกรรมการอบรมอย่างเต็มที่ โดยได้อ่านรายละเอียดทั้งหมดและสมัครด้วยตนเอง พร้อมมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ กับการทำกิจกรรมในการอบรมโดยทางโครงการไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- เนื่องจากการอบรมจะต้องมีการปฏิบัติเกือบทุกช่วง ดังนั้นจึงขอให้งดเว้นการเรียนคอร์สนี้พร้อมกับการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การขับรถ การทำงาน หรือการเรียนซ้ำซ้อน
- เมื่อชำระค่าลงทะเบียนแล้วไม่มีการยกเลิก ขอเลื่อน หรือคืนเงินมิว่ากรณีใดๆ เพื่อรักษาสิทธิ์ในการเข้าร่วมการอบรมของผู้สมัครคนอื่นๆ มิให้ถูกกันที่ไว้ ยกเว้น กรณีที่ชำระค่าลงทะเบียนแล้วทางโครงการมีการยกเลิกหรือเต็มจำนวนรับสมัครจะมีการคืนค่าลงทะเบียนเต็มจำนวน
- หากมีความประพฤติไม่เหมาะสมหรือส่งผลเสียต่อผู้เข้าเรียนคนอื่นๆ และอาจารย์ผู้สอน ทางโครงการจะเชิญออกจากการอบรมโดยไม่มีการชดเชยใดๆ เพื่อความเรียบร้อยและความสำรวมระวังในการฝึกฝน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องทานยา หรือต้องพึ่งพาการดูแลเป็นกรณีพิเศษ โปรดแจ้งปรึกษาโครงการก่อนสมัครเข้าร่วมเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมร่วมกัน

ศึกษาความรู้การเขียนบำบัด
ติดต่ออบรมให้กับองค์กร/กลุ่มบุคคล
ทางโครงการรับเชิญอบรมให้กับองค์กรหรือกลุ่มบุคคลตามระยะเวลาและเป้าหมายที่ต้องการ โดยอาจมีการประยุกต์ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เช่นการเขียนแบบ Visual Notes, กิจกรรมฝึกการทำงานเป็นทีม, การทำสมาธิและการเจริญสติ ผ่านศิลปะและการเขียน เป็นต้น
องค์กรและกลุ่มบุคคลที่เราได้เคยอบรมให้ : เจ้าหน้าที่เครือข่ายองค์กรงดเหล้า สคล., กิจกรรมการอบรมของ มูลนิธิกัลยาณการุณย์ (5 รอบ), กลุ่มเพื่อนรัก (ผู้ป่วย) โรงพยาบาลบางบ่อ, ผู้ต้องขังแดนหญิงเรือนจำสมุทรปราการ (2 รอบ) กลุ่มพยาบาล ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี, พนักงานบริษัท Bangkok Pacific Steel (2 รอบ), คณะครูโรงเรียนอนุบาลช้างน้อย (3 รอบ) ฯลฯ
ติดต่อได้ที่ ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์
เฟสบุ๊ค : www.facebook.com/khianpianchiwit/
เว็บไซต์ : www.dhammaliterary.org
อีเมล : dhammaliterary@gmail.com