สรุป โครงการ พัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด กลุ่มผู้ต้องขังแดนชายในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ประจำปี 2567

สรุป โครงการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด

กลุ่มผู้ต้องขังแดนชายในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ประจำปี 2567

 

โดย สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ในความร่วมมือกับ โรงพยาบาลบางบ่อ และ เรือนจำกลางสมุทรปราการ

ระยะเวลาดำเนินโครงการ

เดือน มิถุนายน 2567 – กันยายน 2567 (รวม 8 วัน)

 

วัตถุประสงค์โครงการ

ส่งเสริมสุขภาวะทางปัญญาแก่ผู้ต้องขังแดนชายที่มีโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง ผ่านกระบวนการเขียนบำบัด พร้อมทั้งศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อให้เครื่องมือนี้เป็นประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยและบุคคลทั่วไป เป็นที่แพร่หลายในสังคมมากขึ้น

 

กลุ่มเป้าหมายโครงการ

ผู้ต้องขังเพศชาย อายุไม่เกิน 60 ปี มีทักษะอ่านออกเขียนได้ในเบื้องต้น มีโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง แต่มีสุขภาวะทางกายและจิตที่พร้อมทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ และ สมัครใจที่จะเข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนาตนเองหรือดูแลจิตใจของตน

สรุปผลโครงการ

 

โครงการ พัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัดกลุ่มผู้ต้องขังแดนชายในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ประจำปี 2567 นับเป็นโครงการพัฒนาสุขภาวะของผู้ต้องขังด้วยการเขียนบำบัดเป็นครั้งที่ 4 ที่โครงการสถาบันธรรมวรรณศิลป์ ได้จัดร่วมกันกับโรงพยาบาลบางบ่อ และเรือนจำกลางสมุทรปราการ โดยปีนี้ได้จัดการอบรมนับตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึง เดือน กันยายนเป็นจำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 2 วัน รวมเป็นจำนวน 8 วัน โดยใช้การเขียนบำบัดในรูปแบบ Narrative Writing (การเขียนเล่าเรื่อง), Reflection Writing (การเขียนใคร่ครวญ), Persuasive Writing (การเขียนจูงใจ) และ Article Craft (การเขียนงานสร้างสรรค์) พร้อมกับการส่งเสริมการเขียนบันทึกในชีวิตประจำวัน โดยมีผู้ต้องขังเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 27 คน

 

จากการเข้าร่วมโครงการการเขียนบำบัดเพื่อพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา เมื่อวิเคราะห์จากข้อความบันทึก งานเขียน และการแลกเปลี่ยนของผู้เข้าร่วมแล้ว พบว่าผู้เข้าร่วมได้พัฒนาความสามารถในการรู้จักและยอมรับตนเองผ่านการทบทวนชีวิต มองเห็นทั้งข้อดีและข้อผิดพลาดในอดีต รู้จักความต้องการของตนเองมากขึ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายชีวิตที่มีคุณค่าและมุ่งเน้นการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม มีการพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์ การตัดสินใจเลือกความต้องการที่เหมาะสม การควบคุมอารมณ์ การปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้เข้าร่วมยังแสดงถึงความตระหนักในจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อม เช่น การตั้งใจไม่กระทำผิดซ้ำ การเสียสละเพื่อส่วนรวม การรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ความต้องการขอโทษและแสดงความรักต่อพ่อแม่ คนรัก ลูก และครอบครัว มีความตั้งใจพัฒนาตนเป็นคนที่ดีมากขึ้น เห็นคุณค่าของผู้อื่น การแสดงน้ำใจ และการให้อภัย อีกทั้งยังสะท้อนถึงการใคร่ครวญความเป็นจริงของชีวิตและหลักธรรมอย่างมีวิจารณญาณ เช่น ความเป็นไปทางสังคม ความสำคัญของการทำตามกฎหมายและการไม่เอาเปรียบผู้อื่น การเตรียมตัวตาย เป็นต้น ทั้งหมดล้วนสะท้อนถึงการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาของผู้เข้าร่วมโครงการ


อ้างอิงจากองค์ประกอบของสุขภาวะทางปัญญาจากการวิจัยของโครงการ ความสุขประเทศไทยและธนาคารจิตอาสา ร่วมกับ ภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้ง 16 ด้าน พบว่าสอดคล้องกับองค์ประกอบข้อที่ 1 – 5 และ 7 – 16 จึงสรุปได้ว่ากระบวนการเขียนบำบัดร่วมกับกิจกรรมผ่านประสบการณ์กลุ่มและการให้เวลาบันทึกส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาสุขภาะทางปัญญาของผู้ต้องขัง

รวมเว็บไซต์ข้อมูล

อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ลิงก์ด้านล่าง

โครงการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด
กลุ่มผู้ต้องขังแดนหญิงในเรือนจำสมุทรปราการ

โครงการการเขียนบำบัดร่วมกับกระบวนการจิตปัญญาศึกษา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเอชไอวี

งานเขียนของผู้ต้องขัง สิ่งที่อยากฝากบอกแก่โลกใบนี้

 

“ผมชื่อโจ้ ผมเป็นคนจ.กาญจนบุรี ผมได้แฟนคนสมุทรปราการ (คลองด่าน) เรา 2 คนได้มาอยู่ด้วยกันที่คลองด่าน เรา 2 คนรักกัน อยู่ด้วยกกัน ผมทำงานอยู่ร้านอาหารซีฟู้ด ผมมีภาระหลายอย่าง เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ บางครั้งบางทีเงินที่ได้จากการทำงานไม่พอ ผมเลยมาขายยาบ้าให้อยู่รอด แต่ก็ได้แค่ ชั่วครั้งคราว แล้ววันที่ผมหมดอิสรภาพก็มาถึง ผมโดนจับ เมียผมมาเยี่ยม แค่ครั้งเดียว ผมไม่คิดเลยว่า สิ่งที่ผมพยามทำให้ความรักอยู่กันนานๆ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับผมเลย ผมอยากฝากพวกเพื่อนๆว่า อย่าหลงผิด อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวครับ จากเด็กบ้านนา”


“ผมอยากฝากเอาไว้ว่า คนเราทุกคนเกิดมามีรักโลภโกรธหลงเหมือนกัน แต่ต้องคำนึงเอาไว้ว่าเราไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ใครเขา เราควรยึดมั่นในสิ่งที่เราทำลงไป และควรทำสิ่งดีๆให้กับโลกใบนี้ด้วย ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่”


“ผมอยากเห็นโลกใบนี้มีแต่ความสนุก มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทันสมัยไปควบคู่กับธรรมชาติที่สดชื่น อยากให้ทุกคนบนโลกมีแต่ความสงบสุข ทุกคนสามารถเลือกใช้ชีวิตที่ตัวเองต้องการไม่มีการแบ่งชนชั้น ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้ ทุกชาติ ทุกศาสนา แบ่งปันวัฒนธรรม แบ่งปันความสุข ถ้าโลกใบนี้มีแต่ความสุข โลกของเราก็จะน่าอยู่มากขึ้น #เราจะสร้างความสุขให้แก่โลกใบนี้ไปด้วยกัน”


“ก็อยากบอกผู้หญิงคนนึงให้เค้ารู้ว่าที่ผ่านมาที่ได้พูดคุย ได้อยู่ด้วยกันมาสุขบ้างทุกข์บ้าง เราก็ผ่านพ้นมาด้วยกัน ถึงเค้าคนนั้นจะไม่ได้อยู่ก็ตามแต่ภาพความทรงจำที่ดีมันก็ยังติดตาตรึงใจอยู่ทุกวัน ภาพความทรงจำเหล่านั้นมันก็เป็นแรงผลักดันให้เราผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆมาได้ด้วยดีก็อยากจะขอโทษเค้าเหมือนกันที่ทำตัวไม่ดี แต่ความรู้สึกดีก็ยังมีให้เสมอ ถึงเราจะห่างไกลก็ตาม “อยากเตือนใจ” อยากจะบอกว่าให้รักษาความรักและดูแลให้ดีอยู่กันด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน”


“อยากฝากทุกคนไว้เกี่ยวกับเข้ามาอยู่ในนี้ เรือนจำ มันไม่ดีเหมือนตอนเราอยู่ข้างนอก ในนี้ไม่มีอิสระเป็นของตน ลำบากจะกิน จะนอน จะเยี่ยว จะเดิน จะนั่ง ยังทำไม่ได้ เดินกระแทกตีนก็มีเรื่อง พูดจาไม่เหมือนอยู่ข้างนอก พูดอะไรก็ได้ อยู่ในนี้จะต้องระวังคำพูด ไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเรารักตัวเอง ชีวิตผมเริ่มติดคุกมาตั้งแต่อายุ 35 จนตอนนี้ 50 ก็ยังติดคุกอยู่ ถ้าใครได้อ่านบันทึกฉบับนี้ ขอให้รู้ไว้ว่า ถ้าข้างในสบาย ผมคงไม่อยากรีบออกไปแน่นอน รอบนี้จะเป็นรอบสุดท้ายของชีวิตผมแน่ อยากอยู่กับลูกกับเมียกับแม่ ก่อนจะทำอะไรผมขอให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนจะทำนะครับ”


“โลกแต่ละใบในความคิดของแต่ละคนนั้น มีหลายแบบหลายเรื่องราว ดีบ้าง เลวบ้าง สมบูรณ์บ้าง ขาดเกินบ้าง ปะปนกันไป โลกในความคิดของแต่ละคนนั้นย่อมอยากให้โลกของตัวเองดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด แม้ในความเป็นจริง ความสมบูณ์แบบหรือดีที่สุดนั้น มันไม่มีอยู่จริง มีสมหวัง และวันที่ต้องมีความผิดหวังเหมือนกัน


“ถ้าเปรียบเทียบหรือยกตัวอย่าง คงไม่ต้องคิดถึงใคร มองย้อนดูตัวเราเองก็เป็นพอ คนๆ 1 เกิดมา ผ่านฝน ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาได้ 40 ปี กว่าจะมาถึงวันนี้ช่างมีเรื่องหรือเหตุการณ์อะไรป่านเข้ามาในชีวิตมากมาย มีทุกข์ มีสุข สมหวัง ผิดหวังมาบ้าง แต่เราก็ผ่านมันมาได้ ขอแค่เรายอมรับให้ได้เป็นพอ
#อีกฝั่งของท้องฟ้า ยัง…มีคนเฝ้าคอย วาซั่น#”


“มีครั้งหนึ่งตัวผมได้อยู่บ้าน มีรุ่นพี่โทรมาชวนไปทำบุญ ผมถามว่าไปทำที่ไหนและเมื่อไร เขาบอกว่าไปพรุ่งนี้ ผมถามวัดไหนเขาบอกว่าวัดพระบาทน้ำพุ ผมก็คิดนะเอ่อไปดีไม่ไปดีว่ะ เพราะตัวผมไม่เคยไปทำบุญต่างจังหวัดเลย สรุปผมตอบตกลง แล้วผมบอกทำยังไงบ้าง เขาบอกว่าพี่เอาข้าวสาวไป 5 กระสอบ แล้วเขาถามผมเองจะเอาอะไรล่ะ แล้วผมก็ถามว่า ทำครั้งนี้ให้พระหรืออะไร พี่เขาบอกว่าจะให้เด็กที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ แม่ก็ไม่เคยทำนะ ผมก็เลยซื้อนมไป 6 ลัง พอไปถึงก็เห็นเด็กนอนป่วย เห็นสงสารเด็กมาก อีกใจผมก็ดีใจนะที่ผมช่วยแบ่งปันสิ่งของให้กับคนที่ด้อยกว่า รู้สึกดีใจมากและการที่ทำแบบนี้ผมได้ช่วยเหลือเด็กๆเหล่านั้น จากวันมาพี่ชวนผมทำบุญที่ไหน ผมไปหมด เพราะรู้แล้วว่าการที่เราแบ่งปันให้กับคนที่แย่กว่าเรามันเป็นสิ่งที่ดีมากครับ ที่ผมเล่าคือการจะบอกว่าถ้าเรามีหรือไม่เดือดร้อนอะไร ควรแบ่งปันช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า แค่นี้ละครับที่ฝากไว้ให้โลกใบนี้”


“ผมอยากฝากญาติพี่น้อง ของผมให้ดูแล ลูกของผมและให้ดูแลพ่อ แม่ ของ และญาติพี่น้องของผมก่อนผมจะตาย ผมอยากเจอหน้าลูกของผมเป็นครั้งสุดท้าย และญาติพี่น้องของผม และผมอยากเจอหน้าแม่ของผมสักครั้ง ก่อนจะลาจากโลกใบนี้ไป”


“สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือบทเรียนของชีวิตการที่เราทำสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วได้เข้ามาอยู่ในเรือนจำทำให้ผมกลับไปคิดทบทวนสิ่งที่ทำผิดพลาดมาเพื่อที่จะกลับไปแก้ไขในสิ่งที่ผมทำผิดจะได้แก้ไขชีวิตของตัวเอง ทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้นก็ทำให้ผมได้รับบทเรียนในการที่ผมทำผิดพลาดในครั้งนี้ครับ”


“ผมย้อนกลับไปได้ผมจะไม่ประมาทและทำตัวใหม่จะไม่ให้สิ่งที่ผมทำกลับมาทำให้ผมไม่มีความสุข ถ้าเลือกได้ผมขออยู่ข้างนอกและทำงานสุจริตไม่ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตั้งใจทำงานและสร้างครอบครัวใหม่เป็นคนดีต่อสังคมและรักตัวเองให้มากที่สุด ขอบคุณครับ”

 

“ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” การได้เข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ เรือนจำกลางสมุทรปราการ ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามา ผมมีความกังวลและมีความกลัว มันกลัวไปหมดทุกอย่าง สมองมันคิดไปต่างๆนาๆ คิดถึงภาพผู้คุมหน้าตาดุๆโหดๆ คิดถึงผู้ต้องขังขาใหญ่ ที่รอยสักเต็มตัว คิดว่าเราจะกิน จะนอนยังไง จะโดนกลั่นแกล้งรึป่าว หรือแม่ว่าจะโดนอัดถั่วดำรึป่าว มันกลัวและระแวงไปหมด 3 เดือนกว่าๆที่ผมจะทำใจยอมรับความจริงได้กับสิ่งที่ต้องเจอ และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานที่แห่งนี้ได้ เจอทั้ง เรื่องดี เรื่องร้าน คนดี คนไม่ดี คนเอาเปรียบ คนเห็นแก่ตัว ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นสั่งสอนให้เรา เข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ และการเอาตัวรอดมาได้จนถึงวันนี้”


“อยากขอโทษพ่อแม่ ผมอยากจะบอกพ่อกับแม่ของผมว่าสิ่งที่พ่อแม่นั้นทำคือสิ่งที่ดีทุกอย่าง ไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่าเลี้ยงเรามาไม่ดี จริงๆแล้วทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผมคือสิ่งที่ผมเลือกเองทั้งนั้น สิ่งที่ไม่ดีพ่อกับแม่ไม่เคยให้ผมทำเลย ผมเคยคิดนะว่าออกไปผมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาเยอะๆ เพื่อดูแลพ่อและแม่ อยากมีรถมีบ้านและก็มีความสุขเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่วิธีหาเงินของผมมันผิดจึงทำให้ครอบครัวของผมไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ตอนนี้พ่อกับแม่ต้องลำบากกว่าเดิมอีก ต้องมาคอยส่งเสียผมอีก จิตใจพ่อแม่ก็แย่ลง ร่างกายก็แย่ลง ผมอยากขอโทษเค้าจริงๆ ครับ”


“เรื่องที่อยากฝากไว้ก่อนผมจะไม่มีวันที่ได้พูดกับใครอีก ! คือฝากบอกกับพ่อและแม่พี่น้องของผมว่าผมเสียใจที่ไม่มีโอกาสจะใด้ตอบแทนท่านเพาะตอนนี้ผมต้องมาใช้เวรกรรมที่ผมทำเอาไว้อยู่ข้างในนี้ เวลาทุกนาทีชั่งมีความหมายมากสำหรับผมตอนนี้ รู้สึกเสียดายที่ตัวเองคิดผิดมาตลอดและยังทำให้ครอบครัวต้องพังเพราะความมักง่ายของตัวเอง ผมก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตใหม่เหมือนคนอื่นได้อีกเมื่อไร สุขภาพร่างกายก็ไม่ค่อยดี แต่ก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อทุกคนที่เรารัก อยากกอดลูกอีกสักครั้งและพูดกับเค้าว่าพ่อรักเค้าทั้ง 2 คนมาก จากใจของพ่อคนนึง #ไม่จากกันวันนี้ วันหน้าก็จากกันอยู่ดี”


“จากประสบการณ์ของผมเองครับ ผมอยากฝากเรื่องของผมเองคับ เรื่องมีอยู่ว่าก่อนที่ผมจะเริ่มมาติดคุกครั้งแรก ผมก็เสียใจมากคับที่ทำให้พ่อและแม่ของผมผิดหวัง ผมเสียใจมากคับ ผมทำให้แม่ของผมต้องเสียน้ำตาหลายรอบมากเลยคับ ผมอยากบอกทุกคนว่า ถ้าเลือกได้อย่างไปยุ่งกับมันเลยคับยาเสพติด เพราะมันจะทำให้สูญเสียทุกอย่าง อย่างเช่นตัวผมเองคับ ที่มันเกิดขึ้นจริงกับผมรอบนี้ ผมต้องสูญเสียตาของผมเองครับ และก็ญาติๆ ของผมต้องเสียคนรักไปโดยที่เราทำไรไม่ได้เลยครับ และต้องทำให้แม่ของผมเสียทั้งน้ำตาเสียเงินส่งผมตลอด 5 ปีคับ ผมสงสารแม่คับ อยากออกไปช่วยแม่ อยากไปดูแม่คับ อยากให้ท่านมีความสุขกัน อยากฝากไว้ ต้องรีบทำตอนที่ท่านยังอยู่ อย่ารอช้าก่อนจะเสียใจกัน”


“ชีวิตเราเกิดมาแสนสั้นนัก จงรู้จักทำความดีเร่งขวนขวาย อีกไม่ช้าไม่นานเราก็ตาย สูญสลายเป็นธุลีและผงดิน จงกลัวบาป ละอายต่อบาปก่อน และหลังจากนั้นเราจะเริ่มทำความดี ความดีจะติดตามเราไปทุกภพชาติ ความดีจะขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เช่นกันกับการใช้ชีวิตให้มีความสุข เราจำเป็นต้องมีศีล มีคุณธรรม คนที่มีศีลธรรมย่อมเป็นผู้ปกติสุข ซึ่งต่างจากผู้ไม่มีศีลธรรม ย่อมมีแต่ความกระวนกระวายใจ มีแต่ความทุกข์ ความเบียดเบียน เช่นนั้นแล้วความสุขที่แท้จริงเกิดอยู่ที่ใจ ใจเราเป็นที่ตั้ง หากใจเป็นปรกติสุข ย่อมนำมาซึ่งความสุขทั้งตัวเองและผู้อื่น สุดท้ายนี้ขอมอบข้อความนี้ไว้เพื่อใครที่ได้อ่าน และทำความเข้าใจในบทความที่มีประโยชน์นี้ เพื่อประโยชน์ของพวกเราสาธุชนทั้งหลายผู้ซึ่งเจริญด้วยธรรม …
พรพจน์”

คำตอบจากผู้ต้องขังในกิจกรรม แผนภาพผีเสื้อ :

คุณค่าในตนและการพัฒนาตัวเอง

 

1. สิ่งที่ฉันดีพอแล้ว : ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ให้คนอื่น มีจิตอาสา รักครอบครัว เคยช่วยคนจมน้ำ ฉันจะกลับไปเป็นคนดีของครอบครัวและสังคม เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ไม่สร้างเรื่องให้กับตัวเอง มีความเมตตา มีความกตัญญู ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เอาเปรียบใคร ใจเย็น รับฟังผู้อื่น แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เอื้อเฟื้อ การพูดให้ความเคารพคนอื่น รักเพื่อน เป็นเพื่อนที่ดี ไม่เอาเปรียบเพื่อน ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำความดีโดยไม่คิดว่าจะได้ดี เชื่อฟังพ่อแม่

 

2. สิ่งที่ฉันต้องดีมากขึ้น : รักครอบครัวให้มากขึ้น เชื่อฟังพ่อแม่ให้มากขึ้น อะไรที่มันผิดพลาดไปแล้วฉันจะกลับไปเป็นคนดีของสังคมและขอโทษพ่อแม่ลูกเมีย ฉันจะกลับไปดูแลครอบครัวให้ดีกว่านี้ ต้องเป็นคนรักครอบครัวและคนรักให้มากที่สุด ทำให้คนอื่นเห็นความสำคัญของเรามากขึ้น ความอยากได้นู่นอยากได้นี่ รักตัวเองให้มากกว่านี้ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ แก้ไขปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น นึกถึงครอบครัวให้มาก เชื่อฟังพ่อแม่ ใจเย็นมากกว่านี้ ฟังเหตุและผล อดทนขยัน มุ่งมั่น รักพ่อแม่ กตัญญู รักตัวเอง ความซื่อสัตย์ การออมทรัพย์ ฟังครอบครัวมากขึ้น ทำอะไรให้นึกถึงครอบครัวคนที่เรารัก ทำเพื่อลูก มองอนาคต เป็นผู้นำครอบครัว เป็นพ่อที่ดี ไม่ทำผิดกฎหมาย ต้องเป็นคนดีให้มากขึ้น ทำดีให้มากขึ้น ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ

 

3. สิ่งที่ฉันควรให้อภัยตัวเอง : ให้อภัยการกระทำที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าทำดีหรือไม่ดี ก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ จะกลับไปเริ่มต้นใหม่และทำแต่สิ่งที่ดีๆ เพื่อครอบครัวตลอดไป อยากกลับไปขอโทษสิ่งที่ทำไม่ดีกับแม่พ่อต้องเสียใจ ให้อภัยตัวเองที่ปกปิดเรื่องนี้กับครอบครัว สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป สร้างใหม่กับชีวิตที่เหลือ เรื่องที่ทำให้เข้ามาอยู่ในนี้ ทำให้แม่ร้องไห้ ทำตัวเองใหม่อยู่ร่วมกับสังคมไม่ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย เลิกโทษตัวเองกับเรื่องที่ผ่านมาที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ การทำลายความรักความเชื่อใจของคนรอบข้าง การทำลายชีวิตของตนเอง การทำร้ายคนที่เรารัก ความเห็นแก่ตัว การทำให้ลูกมีปัญหา อดีตเคยเป็นสามีที่แย่ เป็นลูกที่แย่ เป็นพ่อที่แย่ ปัจจุบันคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ต้องมีความรักและเข้าใจคนอื่น ให้อภัยตัวเองที่ทำเรื่องที่ไม่ดี

 

4. สิ่งที่ฉันสามารถให้โลกใบนี้ได้ (คนอื่น ครอบครัว เพื่อน สังคม) : ให้ได้ทุกอย่างเท่าที่จะให้ได้ โดยไม่ทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน ฉันจะทำแต่ความดีให้ครอบครัวและสังคมและจะดูแลครอบครัวตลอดไป เป็นคนดีของสังคม ช่วยทำให้โลกน่าอยู่ เป็นคนที่ทำดีกับสังคมเท่าที่จะทำได้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ช่วยเหลือสังคม เช่น ดูแลผู้สูงอายุ ทำความดี ไม่ทิ้งขยะ ปลูกต้นไม้ ลดการใช้ถุงพลาสติก ทำทุกอย่างเพื่อสังคมและครอบครัวคนที่เรารัก ใช้ความรักกับครอบครัวให้มากขึ้น ความสงบสุข เสียงดนตรี ความรัก มีความเมตตาต่อสัตว์ เข้าวัดทำบุญ ให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่เอาเปรียบคนอื่น รู้จักให้แบ่งปัน

จดหมายถึงตัวเองของผู้ต้องขัง

 

“ถึงตัวฉันเอง ฉันอยากเตือนตัวเองให้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง อย่าประมาทกับการใช้ชีวิตและต้องมีความมั่นใจกับสิ่งที่เราลงมือทำ ไม่ว่าทำอะไรก็ตามขอให้เรามั่นใจไว้ และสิ่งสำคัญก็คือต้องให้กำลังใจตัวเองเสมอ”


“เมื่อได้จดหมายฉบับนี้แล้ว โปรดอย่าลืมหาความอบอุ่นหรือมอบความอบอุ่นให้กับคนที่รักและทำให้คนอื่นยอมรับกับสิ่งที่เราทำให้ และอย่าลืมแสวงหาการเรียนรู้ให้กับตัวเอง”


“เลิกเกเรได้แล้วนะ เรามีภาระเพิ่มขึ้นแล้ว ทำให้ลูกมีความสุข อย่าตามเพื่อนให้มาก ทำอะไรก็คิดให้ดี เราโตขึ้นมากแล้วไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทำอะไรก็ให้มีสติอย่าใจร้อน มันจะทำให้เราของเราแตกแยกอีกบทเรียนเราก็ผ่านมาหลายอย่างแล้ว คำตอบที่ได้ก็คือไม่เหลือใคร เพราะฉะนั้นทำอะไรคิดถึงลูกและแม่ให้มาก สู้ๆนะ”


“อย่าทำตัวให้เป็นภาระคนอื่น อย่าคว้าอะไรที่มันไม่ใช่ของเรา อย่าคิดอย่าทำอะไรที่ทำให้ทุกอย่างมันหมดหนทางที่จะแก้ไข”


“ถ้าได้ดูหรืออ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว ลองคิดดูสิว่าเราได้เดินทางมาถึงจุดไหนแล้ว มาถึงเป้าหมายหรือยัง มีความมั่นคงมากแค่ไหน และมีกัลยาณมิตรที่ดีกี่คน ลองย้อนกลับไปดูว่าเราได้อะไรมาบ้างช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเราก็หวังว่านายจะได้ทั้งสามข้อนะเพื่อน ขอให้โชคดี”


“ทำทุกอย่างให้เรามีความสุข รู้จักใช้ชีวิต มีคนในครอบครัวให้กำลังใจเรา และต้องรู้จักค่าของตัวเราเอง”


“ถึงตัวเองในอนาคตอีกห้าปีข้างหน้า ความจริงใจ เป้าหมาย สม่ำเสมอ ขอให้ข้อความนี้ ได้กลับมาผมอ่านในอนาคต เตือนความจำย้ำเตือนในความตั้งใจที่จะดำเนินชีวิตในช่วงวัยกลางคนอย่างดี อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อน ถึงตอนนั้นจะไม่มีใครให้อยู่ด้วย น่าจะต้องใช้ชีวิตคนเดียว ต้องเข้มแข็งเป็นคนดี ทำตามตั้งใจ ฝึกสมาธิวิปัสสนาให้สำเร็จอย่าให้เสียชาติเกิดมาทั้งที ชาตินี้ต้องได้อะไรก่อนกลับไป”


“ทำอะไรควรคิดให้ดีดีนะ เป็นคนดีของครอบครัวและสังคม อย่าเอาแต่ใจ ถ้าวันนี้มึงสำเร็จก็ขอบคุณกูด้วยที่ ตั้งเป้าหมายและทำทุกวิถีทางเพื่อความสำเร็จ ทั้งการเงินการงานความรัก แต่อีก 5 ถึง 10 ปียังไม่สำเร็จยังทำตัวไม่ดี มึงก็ด่ากูได้เลยด่าแรงๆ เพราะเรื่องพวกนี้ไม่มีใครทำให้ชีวิตมึงเป็นแบบไหน มันขึ้นอยู่กับตัวกูเองในวันนี้แหละ จงรักษาครอบครัวที่กูรักต่อจากกูด้วยนะ จากใจจริง”