ข้อความของผู้ต้องขังเรือนจำ ในหัวข้อ “สิ่งที่อยากฝากบอกแก่โลกใบนี้”

 

ทุกสิ่งสอน “ธรรมะ” ให้แก่เรา แม้พวกเขาจะอยู่ในที่ต่ำหรืออบาย หรืออยู่ในเรือนจำก็ตาม ข้อความของผู้ต้องขังเรือนจำ ในหัวข้อ “สิ่งที่อยากฝากบอกแก่โลกใบนี้” อาจให้ข้อคิดบางอย่างไม่มากก็น้อย อาจทำให้ใครสักคนมีสติก่อนที่จะปล่อยให้ความโลภ โกรธ หลง ชักนำไปในทางที่ไม่สมคุณค่าที่ยังมีลมหายใจในวันนี้

บันทึกในกิจกรรมโครงการ พัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด กลุ่มผู้ต้องขังแดนชายในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ประจำปี 2567 (ครั้งที่ 4 ของโครงการ)

.

“ชีวิตเราเกิดมาแสนสั้นนัก จงรู้จักทำความดีเร่งขวนขวาย อีกไม่ช้าไม่นานเราก็ตาย สูญสลายเป็นธุลีและผงดิน จงกลัวบาป ละอายต่อบาปก่อน และหลังจากนั้นเราจะเริ่มทำความดี ความดีจะติดตามเราไปทุกภพชาติ ความดีจะขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เช่นกันกับการใช้ชีวิตให้มีความสุข เราจำเป็นต้องมีศีล มีคุณธรรม คนที่มีศีลธรรมย่อมเป็นผู้ปกติสุข ซึ่งต่างจากผู้ไม่มีศีลธรรม ย่อมมีแต่ความกระวนกระวายใจ มีแต่ความทุกข์ ความเบียดเบียน เช่นนั้นแล้วความสุขที่แท้จริงเกิดอยู่ที่ใจ ใจเราเป็นที่ตั้ง หากใจเป็นปรกติสุข ย่อมนำมาซึ่งความสุขทั้งตัวเองและผู้อื่น สุดท้ายนี้ขอมอบข้อความนี้ไว้เพื่อใครที่ได้อ่าน และทำความเข้าใจในบทความที่มีประโยชน์นี้ เพื่อประโยชน์ของพวกเราสาธุชนทั้งหลายผู้ซึ่งเจริญด้วยธรรม”

“ผมอยากฝากเอาไว้ว่า คนเราทุกคนเกิดมามีรักโลภโกรธหลงเหมือนกัน แต่ต้องคำนึงเอาไว้ว่าเราไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ใครเขา เราควรยึดมั่นในสิ่งที่เราทำลงไป และควรทำสิ่งดีๆให้กับโลกใบนี้ด้วย ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่”

“จากประสบการณ์ของผมเองครับ ผมอยากฝากเรื่องของผมเองคับ เรื่องมีอยู่ว่าก่อนที่ผมจะเริ่มมาติดคุกครั้งแรก ผมก็เสียใจมากคับที่ทำให้พ่อและแม่ของผมผิดหวัง ผมเสียใจมากคับ ผมทำให้แม่ของผมต้องเสียน้ำตาหลายรอบมากเลยคับ ผมอยากบอกทุกคนว่า ถ้าเลือกได้อย่างไปยุ่งกับมันเลยคับยาเสพติด เพราะมันจะทำให้สูญเสียทุกอย่าง อย่างเช่นตัวผมเองคับ ที่มันเกิดขึ้นจริงกับผมรอบนี้ ผมต้องสูญเสียตาของผมเองครับ และก็ญาติๆ ของผมต้องเสียคนรักไปโดยที่เราทำไรไม่ได้เลยครับ และต้องทำให้แม่ของผมเสียทั้งน้ำตาเสียเงินส่งผมตลอด 5 ปีคับ ผมสงสารแม่คับ อยากออกไปช่วยแม่ อยากไปดูแม่คับ อยากให้ท่านมีความสุขกัน อยากฝากไว้ ต้องรีบทำตอนที่ท่านยังอยู่ อย่ารอช้าก่อนจะเสียใจกัน”

“อยากขอโทษพ่อแม่ ผมอยากจะบอกพ่อกับแม่ของผมว่าสิ่งที่พ่อแม่นั้นทำคือสิ่งที่ดีทุกอย่าง ไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่าเลี้ยงเรามาไม่ดี จริงๆแล้วทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผมคือสิ่งที่ผมเลือกเองทั้งนั้น สิ่งที่ไม่ดีพ่อกับแม่ไม่เคยให้ผมทำเลย ผมเคยคิดนะว่าออกไปผมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาเยอะๆ เพื่อดูแลพ่อและแม่ อยากมีรถมีบ้านและก็มีความสุขเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่วิธีหาเงินของผมมันผิดจึงทำให้ครอบครัวของผมไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ตอนนี้พ่อกับแม่ต้องลำบากกว่าเดิมอีก ต้องมาคอยส่งเสียผมอีก จิตใจพ่อแม่ก็แย่ลง ร่างกายก็แย่ลง ผมอยากขอโทษเค้าจริงๆ ครับ”

“ผมชื่อโจ้ ผมเป็นคนจ.กาญจนบุรี ผมได้แฟนคนสมุทรปราการ (คลองด่าน) เรา 2 คนได้มาอยู่ด้วยกันที่คลองด่าน เรา 2 คนรักกัน อยู่ด้วยกกัน ผมทำงานอยู่ร้านอาหารซีฟู้ด ผมมีภาระหลายอย่าง เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ บางครั้งบางทีเงินที่ได้จากการทำงานไม่พอ ผมเลยมาขายยาบ้าให้อยู่รอด แต่ก็ได้แค่ ชั่วครั้งคราว แล้ววันที่ผมหมดอิสรภาพก็มาถึง ผมโดนจับ เมียผมมาเยี่ยม แค่ครั้งเดียว ผมไม่คิดเลยว่า สิ่งที่ผมพยามทำให้ความรักอยู่กันนานๆ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับผมเลย ผมอยากฝากพวกเพื่อนๆว่า อย่าหลงผิด อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวครับ จากเด็กบ้านนา”

“โลกแต่ละใบในความคิดของแต่ละคนนั้น มีหลายแบบหลายเรื่องราว ดีบ้าง เลวบ้าง สมบูรณ์บ้าง ขาดเกินบ้าง ปะปนกันไป โลกในความคิดของแต่ละคนนั้นย่อมอยากให้โลกของตัวเองดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด แม้ในความเป็นจริง ความสมบูณ์แบบหรือดีที่สุดนั้น มันไม่มีอยู่จริง มีสมหวัง และวันที่ต้องมีความผิดหวังเหมือนกัน

“ถ้าเปรียบเทียบหรือยกตัวอย่าง คงไม่ต้องคิดถึงใคร มองย้อนดูตัวเราเองก็เป็นพอ คนๆ 1 เกิดมา ผ่านฝน ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาได้ 40 ปี กว่าจะมาถึงวันนี้ช่างมีเรื่องหรือเหตุการณ์อะไรป่านเข้ามาในชีวิตมากมาย มีทุกข์ มีสุข สมหวัง ผิดหวังมาบ้าง แต่เราก็ผ่านมันมาได้ ขอแค่เรายอมรับให้ได้เป็นพอ”

“มีครั้งหนึ่งตัวผมได้อยู่บ้าน มีรุ่นพี่โทรมาชวนไปทำบุญ ผมถามว่าไปทำที่ไหนและเมื่อไร เขาบอกว่าไปพรุ่งนี้ ผมถามวัดไหนเขาบอกว่าวัดพระบาทน้ำพุ ผมก็คิดนะเอ่อไปดีไม่ไปดีว่ะ เพราะตัวผมไม่เคยไปทำบุญต่างจังหวัดเลย สรุปผมตอบตกลง แล้วผมบอกทำยังไงบ้าง เขาบอกว่าพี่เอาข้าวสาวไป 5 กระสอบ แล้วเขาถามผมเองจะเอาอะไรล่ะ แล้วผมก็ถามว่า ทำครั้งนี้ให้พระหรืออะไร พี่เขาบอกว่าจะให้เด็กที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ แม่ก็ไม่เคยทำนะ ผมก็เลยซื้อนมไป 6 ลัง พอไปถึงก็เห็นเด็กนอนป่วย เห็นสงสารเด็กมาก อีกใจผมก็ดีใจนะที่ผมช่วยแบ่งปันสิ่งของให้กับคนที่ด้อยกว่า รู้สึกดีใจมากและการที่ทำแบบนี้ผมได้ช่วยเหลือเด็กๆเหล่านั้น จากวันมาพี่ชวนผมทำบุญที่ไหน ผมไปหมด เพราะรู้แล้วว่าการที่เราแบ่งปันให้กับคนที่แย่กว่าเรามันเป็นสิ่งที่ดีมากครับ ที่ผมเล่าคือการจะบอกว่าถ้าเรามีหรือไม่เดือดร้อนอะไร ควรแบ่งปันช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า แค่นี้ละครับที่ฝากไว้ให้โลกใบนี้”

.

ติดตามกิจกรรมการเรียนรู้ดีๆ ที่เพจ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ และไลน์แอด @khianpianchiwit

 

ตารางกิจกรรม