บางส่วนจากข้อสอบการสะท้อนตนเอง กลุ่มเรียนเดือน ก.ค. ชุดที่ ๕

“เมื่อผมได้มาลองมองย้อนกลับไปจากจุดนี้ตอนนี้ ก็ทำให้เห็นตัวเองทั้งหมด ว่าจริงๆตัวผม รู้สึกไม่เต็มที่กับกิจกรรมไม่ใช่จากอาจารย์ทั้งสองท่านหรือจากเพื่อนในห้อง แต่เป็นตัวผมเองที่ไม่พร้อมจะเต็มร้อยกับทุกเรื่องในตอนนี้ เพราะผมเพิ่งเลิกกับแฟนไป ทำให้ผมจิตใจไม่สงบ ตั้งใจกับอะไรซักอย่างไม่ได้ รู้สึกเคว้ง
การกระทำของผมที่ทำเป็นปกติในห้องนั้น ผมมองย้อนว่ามันคือการพยายามที่จะปกปิดตัวเอง แกล้งทำเป็นว่าปกติแล้วโอเค ในการทำกิจกรรมผมก็เผลอ ปล่อยอารมณ์โกรธที่อึดอัดออกมาใส่เพื่อน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีเลย ผมคิดว่าในบางครั้งผมก็คงจะเป็นผู้นำแบบกระทิง ที่ขี้โมโหง่าย หงุดหงิดง่ายตอนที่ผมกระทำมันควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อทำไปแล้ว มามองย้อนดูทีหลังแล้วผมคิดว่าไม่โอเค มันไม่ดีเลย
ทำให้ผมรู้ตัวว่าตอนนี้ควรจะควบคุมและอารมณ์บางอย่างก็ไม่ควรเก็บไว้จนทำให้ ข้างในมันรู้สึกอึดอัด อะไรที่ปล่อยได้ก็ควรจะปล่อย อะไรที่เก็บได้ก็ควรจะเก็บ คือตัวของผมต้องรู้ตัว รู้สติ ที่จะควบคุมตัวเอง โดยไม่บังคับตัวเองเกินไปและไม่ปล่อยตัวเองจนเกินไป”

 

/ นายอิสระ สมทรง มหาวิทยาลัยบูรพา

 
“จากที่ดิฉันได้เข้าร่วมในกระบวนการเรียนการสอนในรายวิชาหลักและทฤษฎีการสื่อความหมายด้วยภาพ ได้มองเห็นตัวเองหลายด้าน ทั้งด้านที่ดิฉันรู้คนอื่นก็รู้คือดิฉันเป็นที่สดใส ร่าเริง มีความสุขอยู่เสมอ ด้านที่ดิฉันรู้แต่คนอื่นไม่เคยรู้คือฉันเป็นคนที่คิดมาก คิดทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในรอบตัวดิฉันไม่ว่าเป็นเรื่องของฉันหรือเรื่องของคนอื่นดิฉันจะเก็บมาคิดแล้ววางแผนแก้ไขสิ่งนั้นแสมอ โดยที่คนอื่นไม่ค่อยรับรู้ว่าดิฉันคิดหรือเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะดิฉันจะมีพฤติกรรมที่ปกติอยู่เสมอ ด้านที่ดิฉันไม่รู้แต่คนอื่นรู้คือดิฉันจะมีอาการมือสั่นโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอโดยดิฉันไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใดทำไมสิ่งนี้เกิดขึ้นกับร่างกายของฉัน คนอื่นมักจะบอกว่าดิฉันตื่นเต้น หรือกลัวอะไรบ้างอย่างอยู่หรือป่าว แต่สำหรับดิฉันแล้วดิฉันว่าฉันไม่ได้ตื่นเต้นหรือหลัวอะไร แต่ไม่รู้ทำไมดิฉันมีอาการมือสั่นฉันยังตอบตัวเองไม่ได้สักทีกับเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้น ด้านดิฉันไม่รู้และคนอื่นไม่รู้ คือพฤติกรรมการทำตัวเฉยๆเมื่อมีเหตุการณ์ที่น่ารังเกียจเกิดขึ้น ดิฉันว่าเป็นพฤติกรรมที่จะบอกว่าฉันไม่ต้องการที่จะรับรู้สิ่งนั้น
และดิฉันได้รู้จักตนเองหลายมุมรวมถึงในบ้างมุมที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ใช่ดิฉันหรือป่าว ดิฉันเป็นแบบนี้จริงเหรอ ดิฉันทำแบบนี้ดีไหมหรือไม่ดีนะ อย่างไรก็ตามดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นมากกับการที่ฉันได้รู้จักตนเอง เพราะมันทำให้ดิฉันได้ปรับปรุงพฤติกรรมบ้งอย่างของดิฉันได้ทัน โดยดิฉันได้ไม่เสียที่ฉันคิดว่ามันสำคัญกับดิฉันมากถ้าดิฉันเสียสิ่งที่ไปดิฉันคงพราดสิ่งที่ดีไปทั้งชีวิตเป็นแน่ ทำให้ดิฉันมีสติมีสมาธิในการใช้ชีวิตกับทุกๆวันนี้เป็นอย่างดีกว่าเดิมค่ะ
ในความเข้าใจชีวิต นี้เป็นสิ่งสำคัญกว่าอื่นใด กับคำนี้ นั่นสิจะบอกอย่างไรดีค่ะ ดิฉันไม่รู้นะค่ะกับคำว่าการเข้าใจชีวิตสำหรับคนอื่นเป็นเช่นไร แต่กับดิฉันแล้ว ชีวิตคือลมหายใจ คือความสุขและความทุกข์ต่างก็เกิดขึ้นได้กับการใช้ชีวิตของเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกที่จะสุขหรือทุกข์มันกว่ากัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดิฉันเชื่อว่าเป็นคือผลของการกระทำของดิฉันทั้งหมด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีอย่างไรก็ตามมันคือผลที่ดิฉันควรจะยอมรับทุกประการ ดังนั้นก่อนที่ดิฉันที่ปฎิบัติอะไรเมื่อไหร่อย่างไรเพราะไรดิฉันจะคิดไตรตรองเสมอด้วยสติและปัญญาที่มีดิฉันควรจะรอบครอบทุกเวลาเท่าที่จะทำได้”

 

/ นางสาวสุปราณี วุฒิกาญจน์ มหาวิทยาลัยบูรพา

 

“อย่างแรกเลยคือเปิดการ์ดตรงหน้า3ใบ ไม่รู้ว่าจะแปลกไหม ถ้าจะบอกว่า การ์ดพวกนั้นเหมือนสื่อถึงความรู้สึก ภายในตัวเราได้ และการ์ดที่อยู่ตรงกลางที่อาจารย์วิทยากรให้เลือก (ส่วนนี้ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้) ข้าพเจ้าได้เลือก ช่วยเหลือผู้อื่น และ ไว้ใจได้ดี น่าจะประมาณนี้ และอาจารย์วิทยากรได้ถามว่าแล้วเราจะได้สิ่งนี้อย่างไร ข้าพเจ้าสามารถตอบได้อย่างเต็มปากเลยว่า ข้าพเจ้าสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้เสมอเท่าที่ความสามารถของข้าพเจ้าจะทำได้ และยิ่งความไว้ใจเรามีให้ทุกคนเสมอ แต่บางที่ข้าพเจ้าก็แอบคิดว่า ทำไมเราให้ความไว้ใจแก่เขา แต่ทำไมเขาไม่มีความไว้ใจให้แก่เราบ้าง หรือเราคิดมากไป บางทีตัวข้าพเจ้าเองก็ควรปล่อยวางบ้าง
ในห้องเรียนทำให้ข้าพเจ้าเห็นตัวเองแล้วว่าเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง และยังมีความสับสนในตัวเองอยู่ ตอนที่อาจารย์วิทยากรบอกให้หยิบสีๆหนึ่งขึ้นมา ในตอนนั้นข้าพเจ้าได้หยิบสีเทา มันทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า ตัวเราเองยังสับสน งุนงง คือเหมือนทุกอย่างยังไม่สุด แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอย่างนั้นคืออะไร มันเหมือนกับว่า ท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำท่าเหมือนฝนจะตก แต่สุดท้ายก็อาจจะไม่ตก เหมือนเอาแน่เอานอนไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้ข้าพเจ้ายังมีเรื่องให้คิดมาก อย่างการหาที่ฝึกงานอยู่ เลยทำให้ทุกอย่างมันดูสับสน งุนงงไปหมด
แต่ทั้งหมดทั้งมวลในบรรดาความสับสน งุนงงของตัวข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าค้นพบอยู่สิ่งหนึ่งคือ การทำให้พ่อแม่มีความสุข และสุขสบาย ท่านเหนื่อยกับเรามามากแล้ว เราควรจะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างถึงที่สุด และพ่อแม่คือแรงบันดาลใจ ที่จะทำให้ข้าพเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีเป้าหมายอีกครั้งค่ะ”

 

/ นางสาวปุณยาพร ประชานอก มหาวิทยาลัยบูรพา

 
“รายวิชานี้เป็นรายวิชาที่ทำให้ได้อยู่กับตัวเองและได้รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าเรากำลังทำอะไร และความรู้สึกที่แท้จริงที่อยู่ข้างในของเราคืออะไรกันแน่ ซึ่งแน่นอนเลยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราทุกคนไม่เคยได้หยุดไม่เคยได้หยุดเพื่อคุยกับตัวเองหรือได้มาสำรวจตัวเองว่าจริงๆแล้วตัวเราต้องการอะไร ตัวเรารู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่สิ่งที่ดิฉันได้เห็นและรู้จักตัวเองคือ การได้รู้ ข้อดีของตนเองที่เรามีข้อดีอะไรบ้าง ข้อเสียของตนเอง ข้อดีที่เราไม่มี ข้อเสียที่เราไม่ดี สิ่งเหล่านี้ทำเป็นตัวบ่งบอกถึงการรู้จักตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะการรู้จักตัวเองจะต้องรู้ถึงความรู้สึกของเราว่าเราคิดอย่างไร จริงๆแล้วเราต้องการอะไร สุดท้ายแล้วเราเป็นคนอย่างไร ควรพัฒนาและแก้ไขข้อเสียเหล่านั้นอย่างไร เข้าใจชีวิตของเราโดยการหาถึงความต้องการและเป้าหมายจุดมุ่งหมาย ความฝันของเราว่าเราจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามที่เราต้องการ ซึ่งชีวิตของฉันไม่จำเป็นว่าจะต้องมีอะไรที่เหนือคนอื่นหรือให้คนอื่นมาคอยอิจฉา สิ่งที่คิดคือ การเรียนหนังสือให้จบ เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า เพื่อพ่อแม่ และเพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อแม่ อะไรก็ได้ที่ทำแล้วชีวิตมีความสุขและประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจเพราะดิฉัน เชื่อว่าคนเรามี ความฝัน และจุดหมายปลายทางกันทุกคน สิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำในอนาคต คือ การมีหน้าที่การงานทำเพื่อเลี้ยงดู พ่อแม่ น้องและครอบครัวให้มีความสุข ภารกิจที่สำคัญของตัวฉันคือ ส่งน้องเรียนแทนพ่อกับแม่ เพราะท่านอายุมากแล้ว ทำงานเหนื่อยก็มากแล้ว จึงอยากให้ท่านใช้ชีวิตที่สุขสบายบ้าง”

 

/ นางสาวจารุวรรณ์ ไร่ปิ่น มหาวิทยาลัยบูรพา