” ความรู้และความประทับใจที่ได้รับในการอบรม อย่างแรกก็คือ เป็นกิจกรรมท่ีเราได้เปิดประสบการณ์ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ การที่จะเข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นั้น หากมีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝนจากครูบาอาจารย์หลายสำนักที่มีวิธีการสอนแตกต่างกันก็จะช่วยทำให้เราเข้าใจสิ่งนั้นได้ดีขึ้น ค่อยๆปะติดปะต่อเชื่อมโยงสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆ เหมือนต่อภาพจิกซอว์ ความยากง่ายขึ้นอยู่กับความตั้งใจ จำนวนแผ่น และลวดลายที่เราเลือก การที่จะต่อภาพนั้นให้เสร็จสมบูรณ์ได้นั้นก็ต้องสังเกต เรียนรู้ ลองผิดลองถูก ลงมือฝึกฝนในรูปแบบต่างๆกว่าจะได้ภาพที่สวยงามตามอย่างต้นแบบ กิจกรรมเขียนภาวนาก็เป็นหนึ่งวิธีการที่ดีและน่าสนใจมากค่ะ
.
” อย่างที่สองคือ ชอบที่กิจกรรมในละขั้นมีหัวข้อให้เลือกเยอะ เลือกได้ตามความสนใจ เป็นสิงที่ชอบมากค่ะ เพราะการที่คนเรามีโอกาสได้เลือกที่จะทำหรือเลือกที่จะไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นทุกคนย่อมต้องมีเหตุผลให้กับตัวเองเสมอ การได้เลือกหัวข้อได้ทดลองปฏิบัติจากในสิ่งที่ชอบที่สนใจสำหรับเราถึือว่าตรงใจมากค่ะ ตามสไตล์ของคนที่ไม่ขอบถูกบังคับ ถ้าจะทำอะไรทุกอย่างต้องเริ่มจากความสนใจเป็นหลักค่ะ ^__^ เมือเรียนรู้จากสิ่งที่ชอบแล้ว การที่จะเปิดใจเรียนรู้สิ่งที่ไม่ชอบหรือไม่ถนัดก็น่าจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างมีสองด้านเป็นคู่เทียบเพื่อให้เห็นความแตกต่าง เพื่อให้เข้าใจ ได้เรียนรู้ความเป็นไป และได้ประโยชน์จากความต่าง ไม่ว่าจะเป็นความสุข- ความทุกข์ ดีใจ-เสีย ดี-ชั่ว เร็ว-ช้า ชอบ-ไม่ชอบ เป็นต้น
.
” อย่างสุดท้ายคือ ชอบคำแนะนำต่างๆที่ครูโอเล่ตอบกลับมาค่ะ ประมาณว่าส่งการบ้านไปแต่ละครั้งก็จะรอลุ้นว่า ครูโอล่จะเขียนอะไรกลับมายังไงบ้าง การรู้จักตัวเองผ่านสายตาผ่านความคิดของตัวเอง กับการได้เห็นภาพของตัวเองผ่านสายตาผ่านความคิดของผู้รู้ผู้ที่มีประสบการณ์ย่อมเป็นภาพสะเทือนที่จะช่วยให้เรารู้จักตัวเราเองได้อย่างเป็นกลาง ไม่มีอคิตไม่โอนเอียงคิดเข้าข้างตัวเองค่ะ ที่สำคัญก็คือคำแนะนำต่างๆ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้รู้ว่า ในการฝึกปฏิบัติแต่ละครั้งนั้นสิ่งใดที่เราทำได้ดีแล้วและสิ่งใดที่เราต้องเพ่ิมเติม ต้องกลับมา ทบทวน การได้รับคำชมเป็นกำลังใจที่ดีมากค่ะ ส่วนสิ่งที่ต้องกลับมาทำซ้ำกลับมาหาคำตอบเพิ่มเติมก็ช่วยให้เราได้มองทุกอย่างกว้างขึ้น รอบด้านมากขึ้นค่ะ
.
” การอบรมนี้ทำให้ได้ฝึกกำหนดลมหายใจของเราเองให้ช้าลง พยายามมีสติระลึกรู้ตัวให้ได้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะเวลาเขียนบันทึกที่ต้องเขียนตอนลมหายใจออกเท่านั้น ได้ฝึกทำในส่ิ่งที่ขัดแย้งกับความคุ้นเคย เช่น การมองจากสิ่งที่ตาเห็น ไม่ใช่ใจรู้สึก และได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ได้เรียนรู้ เพื่อเข้าใจตัวเองผ่านการเขียน ”
.
คุณศุภรัตน์ (หนุ่ย) อาชีพ อาจารย์
.
.
” พบการอบรมนี้โดยบังเอิญ รู้สึกสนใจชื่อคอร์ส เขียนเปลี่ยนชีวิต อยากรู้ว่าการเขียนจะช่วยเปลี่ยนเราได้อย่างไร และการเรียนแบบกึ่งออนไลน์รู้สึกว่าเหมาะกับตัวเอง ชอบที่มีครูคอยชี้แนะ รู้สึกอุ่นใจเพราะบางครั้งการเผชิญหน้ากับตัวเองก็ดูน่ากลัว ระหว่างการอบรมรู้สึกแปลกใจในความเปลี่ยนแปลงของตัวเองที่เราสังเกตเห็น ตอนแรกแอบคิดว่ามันจะเป็นผลจากการเขียนจริงเหรอ แต่มาถึงตอนนี้ก็แน่ใจว่าเป็นการเขียนเปลี่ยนชีวิตเราจริงๆ มันเหมือนการผจญภัยในจิตที่ซับซ้อนของเราเอง โดยมีบันทึกเป็นผู้ชี้ทาง และมีคำแนะนำของครูเป็นอาวุธ
.
” ฝึกการมีสมาธิตั้งแต่การเริ่มปรับลมหายใจก่อนเขียน ฝึกสติจากการที่ต้องเขียนเฉพาะลมหายใจออก ฝึกลดความเป็น perfectionist ของตัวเอง เขียนโดยไม่วางแผนล่วงหน้า เขียนโดยไม่แก้ไขยามที่รู้สึกว่าข้อความที่เขียนยังไม่ถูกใจ นึกถึงคำครูที่ว่าเมื่อรู้ตัวว่าเขียนไม่ตรงกับลมหายใจออกให้เริ่มต้นใหม่ โดยไม่ต้องไปสนใจกับที่ผ่านมาแล้ว ฝึกการทบทวนตัวเองจากข้อเขียนของเราเอง ฝึกทบทวนตัวเองกับบทเรียนที่ครูให้มา ฝึกแม้กระทั่งการเขียนขณะใจไม่พร้อมจนใจกลับมาพร้อม
.
” เริ่มจากความรู้สึกแปลกใจถึงการเปลี่ยนแปลงของเรา โดยปกติในช่วงประมาณห้าโมงเย็นถึงหกโมงเย็น เมื่อเราอยู่คนเดียว เราจะรู้สึกเหงาและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก และเราไม่ชอบตัวเองเลยเมื่อรู้สึกแบบนั้น หลังจากเขียนไป 2 หัวข้อ เราสังเกตว่าเราไม่มีอารมณ์นั้นเข้ามาอีกเลย เรายังไม่แน่ใจว่าเกิดจากการเขียน เพราะหัวข้อที่เขียนก็ดูไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เราตั้งใจลองให้ตัวเองเปิดใจในการทำหัวข้อต่อๆไป ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับคนที่มีความซับซ้อนแบบเราและมันมีความกลัวเข้ามาทุกขณะที่เรารู้สึกว่าต้องเผชิญหน้ากับตัวเองหรือต้องกลับไปนึกถึงเรื่องที่เราพยายามคิดว่าเราลืมไปแล้ว ถ้าให้ลองเปรียบเทียบความรู้สึกเหมือนเราว่ายน้ำไม่เก่ง เราว่ายน้ำไปยังที่เราหยั่งไม่ถึง เราไม่รู้ว่าน้ำลึกแค่ไหน เรากลัว เรารู้สึกว่าต้องจมน้ำตายแน่ แล้วครูบอกให้เราตั้งสติแล้วพิจารณาดูว่าน้ำไม่ได้ลึกเหมือนอย่างที่เราคิด และเราสามารถว่ายข้ามมันไปได้ ครูทำให้เราอุ่นใจและมั่นใจขึ้น กล้าทำตามที่ครูบอก และเมื่อเราทำได้ เราชอบตัวเราเองมากขึ้น
.
” สิ่งที่เราเขียนในการอบรมนี้ ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นบางมุม บางเหตุการณ์ เราตั้งใจจะบันทึกต่อไป เพื่อให้บันทึกเป็นตัวนำทางว่าจะพาเราไปพบอะไร ”
.
คุณนันทวรรณ (นก) อาชีพ พนักงานบริษัท
.
.
” หลักสูตร เขียนภาวนา เป็นหลักสูตรที่เรียนแล้วรู้สึกได้พัฒนาตัวเองมากที่สุดค่ะ เป็นหลักสูตรที่ชอบที่สุดและอยากเรียนมากที่สุดค่ะ ความประทับใจคือเวลาเราปฏิบัติบางครั้งอาจพบเจอปัญหาหรือบางทีอาจมองไม่เห็นในปัญหานั้น แต่ครูโอเล่จะช่วยมองช่วยดูและให้คำปรึกษาได้เป็นอย่างดีค่ะ ชอบที่ครูจะมีนิทานคำสอนต่างๆมาให้อ่านเป็นข้อมูลและแง่คิดที่ดีค่ะ
การได้ทำงานไปโดยไม่ต้องรอครูตรวจก็มีข้อดีในแง่ที่จะทำให้นักเรียนที่อยากทำสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอ ทำให้ไม่เสียเวลาค่ะ และถ้ามีปัญหาหรือคำแนะนำครูก็จะมาคอยให้คำปรึกษา ซึ่งจริงๆแล้วชอบที่จะฟังคำสอนจากครูค่ะ เพราะจะทำให้เราได้มุมมองที่แตกต่างจากที่เราคิดและเข้าใจ ขอบคุณคุณครูโอเล่มากนะคะ ที่สร้างหลักสูตรที่ดีเช่นนี้ค่ะ
.
” การอบรมนี้ทำให้ฝึกการรอคอยอย่างมีสติ การเขียนเช่นนี้ทำให้เราได้มีโอกาสทบทวน ผ่อนพัก และดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องเร่งรีบ ทำไปอย่างมีสติ สบายๆและใจเย็นขึ้นค่ะ สิ่งที่เขียนจะสะท้อนออกมาจากการปฏิบัติของเราเอง เรารู้สึกอย่างไรจะออกมาระหว่างการเขียนภาวนานั่นเองค่ะ ชอบค่ะ ดีมากค่ะ มีสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้มากขึ้น มีสติคอยรู้จิตที่ไหลไปทางอายตนะต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ
จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น เห็นความทุกข์มากขึ้นทั้งกายและใจค่ะ เริ่มรู้สึกถึงใจที่อยากน้อยลง การดิ้นรนแสวงหาให้กายและใจเป็นสุขก็น้อยลงไปเรื่อยๆค่ะ เริ่มเห็นโลกห่างออกไป โลกไม่มีสาระอะไร เห็นความสุขความทุกข์ที่เข้ามาในชีวิตล้วนเป็นของชั่วคราว มาแล้วไปทั้งสิ้น มาไม่นานก็ไป เปลี่ยนแปลงเกิดดับตลอดเวลา ไม่นิ่ง ไม่มีอะไรที่คงทนถาวรเลยค่ะ ”
.
คุณวันเพ็ญ (อ่อง) อาชีพ แม่บ้าน
.
.
บทเรียน และความประทับใจจากการอบรม “เขียนภาวนา” ในหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต กึ่งออนไลน์ รุ่นที่ ๒๗
www.dhammaliterary.org