บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (5)

 

 

” เมื่อเริ่มคิดจะฝึกด้วย”การเขียนภาวนา” ก็ได้แต่มีความสงสัยในเบื้องต้นกับวิธีการไม่ให้คิดแล้วจะเขียนเป็นคำตอบได้อย่างไร? จะเขียนมันต้องคิดก่อนหรือเปล่า? แต่แล้ว..คำตอบก็มาให้รับรู้ได้ด้วยตัวเองในขณะที่ลงมือทำตามขั้นตอนที่บทเรียนให้มา รู้สึกเหมือนการได้ทำสมาธิที่มีการกำกับด้วยสติและการตื่นรู้จากการเขียนที่มีหัวข้อความคิดโฟกัสให้แคบลงกำกับความคิดไว้ด้วย การเขียนภาวนาให้ความรู้สึกของการได้นิ่งสงบในบางขณะได้โดยไม่ต้องคิดล่วงหน้า ไม่ต้องเตรียมการณ์ รู้ว่าต้องทำเพียงหายใจเข้าให้อยู่กับความรู้สึกนั้น หายใจออกก็ให้เขียน เพิ่งรู้ว่า..การเขียนโดยไม่คิดทำได้ไม่ยากอย่างที่กลัวล่วงหน้าไว้ก่อน อาจไม่ลื่นไหลและติดขัดในตอนเริ่มต้น แต่เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง รู้สึกดีและสนุกการได้ทำแบบฝึกหัดมาก รู้สึกได้ถึงความรู้สึกและใจที่นิ่งขึ้น และรับรู้ได้ถึงความอยากทั้งหลายทั้งปวงในสิ่งที่คิดและทำได้อย่างชัดเจนมาก ไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตที่พยายามและตั้งใจทำให้ดีที่สุดมากเกินไป นอกจากส่งผลไม่ดีต่อใจและความคิดแล้วยังส่งผลต่อกายได้ด้วย
.
” ความอยาก คือตัวการสร้างความกดดันให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัวมานานมาก เริ่มรู้สึกได้ถึงการปล่อยวางในสิ่งที่ทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่รู้สึกผิดและคิดโทษตัวเองเหมือนที่เคยเป็น สามารถบอกกับตัวเองได้ว่า..เมื่อเราทำดีที่สุด ณ เวลานั้นแล้ว ก็ควรปล่อย ละและวางให้เป็น รู้สึกได้อีกว่าความคิดในการเลือกที่จะโฟกัสและเรียงลำดับความสำคัญกับสิ่งที่ต้องทำในชีวิตประจำวันชัดเจนขึ้นกว่าเดิมมาก เหมือนจะมีสติกับการรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้เร็วกว่าเดิม เข้าใจที่มาของปัญหาและแก้ปัญหาที่เจอได้ในเวลาไม่นาน ไม่จ่อมจมกับอารมณ์นั้นจนทำให้เกิดปัญหาในใจยาวนานเหมือนที่เคยเป็น มีความเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกภายในในการรับมือกับสิ่งที่มากระทบใจและความรู้สึกชัดเจนจนสามารถถาม-ตอบกับตัวเองให้มีบทสรุปได้
.
” การอบรมนี้ทำให้ ได้ฝึกการรู้จักที่จะหยุดความอยาก ความพอได้มากขึ้นกว่าเดิม ได้รับรู้ถึงความพยายามที่ทำให้เกิดความกดดันภายในตนได้อย่างชัดเจนมาก ได้ทบทวนตัวเองในหลายเรื่องราว รู้จักที่จะละ วางและปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่เป็นได้บ้าง อาจยังไม่สมบูรณ์นักแต่รู้สึกได้ถึงการมีแนวทางในการที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขตามที่เป็นได้มากกว่าเดิมมากๆ สามารถที่จะสร้างความสงบในใจด้วยการอยู่นิ่งๆได้ ไม่ทุรนทุรายและต้องมีอะไรทำตลอดเวลาเพื่อให้รู้สึกว่า“ดี”เหมือนที่เคย สบายตัว สบายกาย สบายในการคิดและตัดสินใจขึ้นอย่างมากมาย
.
” รู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงได้จากความรู้สึกภายในอย่างชัดเจน มีความสงบในใจมากขึ้น สามารถแยกแยะอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากปัญหาที่มากระทบได้เร็วขึ้น จนแก้ปัญหาและสรุปให้จบได้นุ่มนวลกว่าเดิม ด้วยการคิดทบทวนอย่างไม่ยึดติด ไม่คิดปรุงแต่ง ไม่คิดล่วงหน้า ไม่คาดการณ์ มองเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ปล่อยวางได้เป็น และมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุของความทุกข์ที่เกิดจากความอยากรู้ อยากเห็น อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ จนทำให้ใจทุกข์ตรมกับสิ่งที่เป็นแต่เห็นไม่ทั้งหมดจากความทะนงตนกับการไม่วางใจ ไม่ไต่ถามให้รู้แจ้งจนจบปัญหาได้ ได้แต่สะสมและเก็บกดความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจจนกลายเป็นกองทุกข์ขนาดใหญ่มหึมา จนกลับมาทำร้ายใจและกายได้อย่างยาวนาน ได้แต่พร่ำบอกกับใจตัวเองว่า..ถ้าขาดสติและรู้ไม่เท่าทันเหมือนที่เคย นึกไม่ออกเลยจริงๆว่า..ชีวิตที่เหลืออยู่มันจะมีความสุขได้อย่างไร?”
.
คุณณิชชาวีร์ (ณิช) อาชีพ นักธุรกิจ
.
.
” สิ่งที่ครูเขียนสะท้อนกลับมา ทำให้เราได้มองเห็นความงามในอีกแง่หนึ่งที่เรามีแต่เรามองไม่เห็น ไม่มีใครมาชึ้จุดให้เรามอง ขอบคุณคุณครูสำหรับข้อคิดคำแนะนำต่างๆที่ผ่านมาค่ะ
.
” ชอบทุกหัวข้อที่บันทึก บางหัวข้อถึงแม้จะยากในตอนแรก แต่เมื่อมีการทบทวนได้รับการชี้แนะ กลับมาทำซ้ำอีกครั้ง จะเห็นความกระจ่างชัดในข้อธรรมที่ปรากฎ งดงามและมีคุณค่า หัวข้อ จารึกนาม เป็นหัวข้อเปิดใจ ให้รับรุ้และเข้าใจในตนเองมากขึ้น, หัวข้อ ผ่อนคันเร่ง ได้มุมมอง เห็นโลกชัดขึ้น กว้างขึ้น , หัวข้อ การเริ่มต้นและลมหายใจ อยู่กับปัจจุบันได้ดีที่สุด , หัวข้อ ความอยากและยึด เห็นข้อธรรมที่ชัดเจนที่สุด , หัวข้อ จดหมายถึงแม่ ระบายความในใจและร้องไห้มากที่สุด , หัวข้อ ทุกข์และความไม่รู้ เข้าใจถึงการรับมือและปกป้องคนเองจากทุกข์ที่เคยทำผ่านมา
.
” การอบรมทำให้ใจเย็นลง อารมณ์เย็นลง เป็นอิสระมากขึ้น ไม่ผูกติดกับอารมณ์ที่เข้ามามากเหมือนแต่ก่อน ทำให้คนรอบข้างเย็นลงตามไปด้วย
มีความสุขกับปัจจุบันได้ง่ายขึ้น ความตึงเครียดลดลง เมื่อเกิดความตึงเครียด รู้ตัวได้ไวขึ้นกว่าแต่ก่อนสามารถจัดการอารมณ์โดยการเฝ้าดู ไม่ปรุงแต่งเพิ่ม แล้วเห็นมันหายไป รู้สึกมีพลังในการทำงานและใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่เศร้าซึมเหมือนแต่ก่อน การงานที่คั่งค้างก็เริ่มลงมือสะสาง”
.
คุณรภัสสา (เอ) อาชีพ ทันตแพทย์
.
.
” รู้สึกได้ขุดค้นสิ่งที่อยู่ภายในใจตัวเองออกมา ทำให้คลี่คลาย เบาใจ เท่าทันความรู้สึกตัวเอง ได้เห็นปมที่ตกค้างในใจ ได้กลับมาอยู่กับตัวเอง มีเพียงลมหายใจกับตัวอักษรเท่านั้น ได้เห็นความคิด อารมณ์ ตะกอนในใจ รู้ทันความทุกข์และหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง ไม่จมอยู่กับอารมณ์มากเกินไ
.
” การจมอยู่กับอารมณ์ทำให้เราไม่เห็นความเป็นจริง ตราบใดที่เราไม่ถอยออกมา ให้ความเป็นธรรมกับตัวเอง เราจะไม่สามารถแก้ปัญหา หรือออกจากความทุกข์ได้เลย การทำอย่างไม่คาดหวังผล หรือความสำเร็จช่วยลดทอนความทุกข์ได้ครึ่งหนึ่ง ”
.
คุณศิริพร (มุก) อาชีพ นักพยากรณ์
.
.
” การเขียนดึงเรากลับมาอยู่กับตัวเองได้ ดึงมาที่ลมหายใจ จากเป็นคนที่ชอบคิดดราม่าให้ตัวเองจมกับอารมณ์ แย่ๆ เหมือนเสพติดความเศร้า แต่พอมาได้เริ่มเขียนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้จมกับสภาวะแบบนั้นนานนัก แรกๆอึดอัดมากเพราะกลั้นลมหายใจ แต่เมื่อเขียนไปเราเริ่มรู้จักจังหวะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องมีเนื้อหาดีอะไร แต่แค่อยู่กับลมหายใจก่อน
.
” ชอบตอนที่ครูให้กลับมาแก้ไข ให้เขียนเรื่องราวดีๆของคนที่เรานึกถึง มันมีความรู้สึกด้านบวกเกิดขึ้น ลื่นไหลไปตามจริง ไม่ใช่ความคิดไม่ใช่การวางแผนพยายามเขียนให้ตรงตามหัวข้อ ได้เห็นภาพดีๆทั้งที่ตัวเองชอบมองอะไรในแง่ร้าย ชอบกังวล ชอบกลัวอะไรล่วงหน้าเกินเหตุ แต่ตอนที่เขียนเรารู้สึกว่ามีสิ่งดีๆตั้งเยอะทำไมเราไม่เคยโฟกัส เลย…
ชอบตอนที่เขียน”ดวงตาลิขิต”เขียนสิ่งที่เห็นโดยไม่แสดงความรู้สึกเห็นอะไรเขียนแบบไหนแค่เขียนไม่ต้องคิด รู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายและอยู่กับลมหายใจมากที่สุด
.
” เรากลัวการที่ต้องอยู่คนเดียวการอยู่กับตัวเองกลัวที่จะได้เห็นได้รู้ว่าตัวเองรู้สึกอะไรต้องโทรหาเพื่อนคุย ต้องดูหนัง เล่นเฟส
คุยไลน์ สุดท้ายก็กลับมาคิดวนๆซ้ำๆอยู่ดี แต่การเขียนให้เราอยู่กับตัวของเราเอง ยอมรับทีละลมหายใจ ถ้าฝืน ถ้าอยากเขียนมาก เขียนนาน เอาจะอึดอัดจะเหนื่อย เราจะค่อยๆปรับจนรู้จังหวะรู้พอดี รู้ว่าแค่นี้เหมาะกับเรา ที่ประทับใจและชอบคือ ทำให้ไม่ผลักไสการอยู่คนเดียว มีเวลาก็เขียนอะไรเล่นคะไปดูหนัง ก็เขียน ดูรูปสวยๆที่เราถ่ายไว้ก็เขียน แต่ไม่ได้ตรงกับหัวข้อที่ครูให้เขียน เขียนเรื่อยเปื่อย มีความสุขคะ”
.
” ตั้งใจอย่างมากที่จะเขียน ไดอารี่ สิ่งที่ประสบพบเจอเล่าเรื่องต่างๆผ่านภาพถ่าย จากสถานที่ต่างๆที่เราไป ความรู้สึก ของเรา แต่ใช้การเขียน ทีละลมหายใจเข้ามาช่วย ไม่ได้คาดหวังอะไรแค่อยากอยู่กับตัวเอง และไม่ให้อารมณ์ต่างๆจากความคิดมากลากเราไปทางนู้นทีทางนี้ที วุ่นวายใจไม่สงบเลยแต่พอได้เขียนรู้สึกดีขึ้นมาก ”
.
คุณพัชรี (โนรี) อาชีพ เภสัชกร
.
.
บทเรียนและความประทับใจ การอบรม “เขียนภาวนา” ในหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๒๗www.dhammaliterary.org