ความประทับใจจากการอบรม “เขียนเปลี่ยนชีวิต” รุ่นที่ 50

 

ความประทับใจจากการอบรม

“เขียนเปลี่ยนชีวิต” รุ่นที่ 50

จากผู้เรียนที่จบการศึกษาทั้ง 6 ท่าน เมื่อวันที่ 15 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์ 2565

 

 

@คำถามสรุป… รู้สึกอย่างไรบ้างกับระบบคะแนนกุญแจในการอบรม (ไม่บังคับ) , ความรู้สึกและความประทับใจในการอบรม / หลังอบรม

จาก อรหทัย อร : มีกำลังใจ ทำต่อเนื่อง ประทับใจ ที่ครูตอบไวมาก สนใจและพยายามอ่านลายมือที่อ่านยาก ให้ทั้งกำลังใจ และให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา ช่วยให้เราได้เรียนรู้จากสิ่งที่เราคิดและเขียนออกมา

จาก มธุรพร บุ๋ม : เป็นกำลังใจในการตอบคำถาม ระบบการจัดการอบรม เช่น การแจ้งเตือนก่อน/หลังการอบรม การเตรียมตัวเพื่อเข้าอบรม และคำแนะนำจากวิทยากร หัวข้อบันทึกช่วยฝึกฝนและขัดเกลา สะท้อนความเป็นเด็กน้อย และก้าวข้ามขอบความคิด

จาก สิริลักษณ์ ปู : ชอบระบบกุญแจเพราะเหมือนเราได้รับของขวัญจากการลงมือทำเพื่อตัวเอง ความประทับใจในการเรียนกับครูทุกครั้งคือการได้ผ่านประสบการณืจากโจทย์ที่เราเลือกมาลงมือทำ การได้สื่อสารกับตนเองจนคลี่คลายปมบางเรื่องออกไปในทุกๆการอบรมที่เข้าร่วมมา ครั้งนี้ก็นได้ยอมรับตัวเองในหลายด้านมากขึ้น เห็นและยอมรับตัวเองมากขึ้น แต่การยึดมั่นในสิ่งที่เป็นก็ลดน้อยลง ไม่เก็บเอาเรื่องที่ผ่านมาเป็นอารมณ์ที่ต้องเอาชนะตัวเองหรือคนอื่น

จาก ปฏิญญา ติ๊ก : รู้สึกสนุกดี และเห็นถึงความก้าวหน้าของตัวเอง หมายถึงทำให้เราตั้งใจทำการบ้าน ประทับใจความเอาใจใส่ของอาจารย์โอเล รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ และการเขียนทำให้เราเห็นตัวเองชัดขึ้น ทั้งวิธีคิดบางอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองคิดแบบนี้ หลังอบรมทำให้เรารักตัวเองเห็นคุณค่าตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองมีศักยภาพมากพอที่จะทำบางสิ่งบางอย่างได้

จาก นลินธร เอ๋ : ในความรู้สึกส่วนตัวก็ชอบค่ะ เพราะจากคะแนนกุญแจจะเห็นได้ว่าเราทำได้ดีมากน้อยเพียงไหน ความรู้สึกที่ได้ คือ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ได้ลงมือทำ ขอบคุณคุณครูที่ได้ให้การสะท้อนกลับมาแบบตรง ๆ รู้สึกสบายใจ หลังอบรมก็รู้สึกดีใจ คิดไม่ผิดที่ลงคอร์สเขียนอีกครั้ง ได้มีการสำรวจใจทั่ว ๆ ได้มีเวลาลงลึกในสิ่งที่ยังติดอยู่ และ เบาสบาย

จาก จิตชนก ขลุ่ย : ได้ย้อนกลับไปทบทวนวัยเด็ก ได้ใช้เวลาจมกับช่วงเวลานั้น เพื่อได้ทำความเข้าใจ ตัวเอง และคนรอบข้าง เข้าใจบริบทในตอนนั้น ว่าแต่ละคนเลือกแสดงอออก ด้วยเหตูผล ลึกๆ คืออะไร

 

@คำถามสรุป… สิ่งที่ได้ฝึกฝนและพัฒนาตนเอง , ข้อคิดและบทเรียนสำคัญสำหรับตนเอง

จาก อรหทัย อร : การเขียน ความคิดออกมาแบบไม่หยุดปากกา ทำให้รู้จักความคิดเดิมๆ ในหัวเราเอง รู้ว่าเรายังมีความกลัวแม้ตอนจะเริ่มเขียน ได้ฝึกอยู่กับความกลัวนั้นและทำมันออกมาใหม่ ได้ลองคิดอีกด้าน คิดไปจนเลยสิ่งที่เราคิดว่าเราคิดถึงเช่นคิดเป็นสัตว์ ตัวเล็กๆ ที่มองเรา หัดมองตัวเองจากมุมมองอื่น ความคิดมักมีแบบแผนเดิมๆ ชีวิตที่คิดแบบเดิม กระทำแบบเดิม ย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลายอย่างในชีวิตที่เกิด ไม่จำเป็นต้องกำหนดชีวตเราเสมอไป ถ้าเราได้เรียนรู้การเท่าทันความคิดตัวเอง การลองคิดต่างจากเดิมหรือ ยอมรับว่าจริงๆเราก็มีความคิดต่างแบบนั้นในหัว (เพียงแต่มันไม่ถูกดึงออกมาเพราะเราไม่ได้ใช้มันบ่อยๆ ) ย่อมช่วยให้เราข้ามขอบชีวิตเดิมของเราได้

จาก มธุรพร บุ๋ม : “เด็กน้อยภายใน ได้ก้าวข้ามความกลัว คลายความกังวล ไปอีกระดับหนึ่ง (ก่อนหน้านี้ได้ลบล้างความกลัว จากเขียนรักษาใจ) การดูแลและจัดการอารมณ์เสียที่อาจเกิดขึ้นหรืออารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ มีพลัง ความคิดสร้างสรรค์ มีความสดใส ร่าเริง
ก้าวข้ามขอบ เปิดมุมมองความคิด จินตนาการ เปิดพื้นที่ใหม่ๆ เริ่มต้นทำสิงใหม่” การทบทวนตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้รู้จัก เข้าใจ เด็กน้อยภายในที่อยู่ในตัวเรา ใช้ความสามารถและทักษะที่มีในตัวเรา การเปิดมุมมองความคิดและจินตนาการ การเป็นนักฝันและนักเดินทางตามหาฝันซึ่งต้องมีการลงมือทำอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง การก้าวข้ามขอบความคิดของตัวเอง การเริ่มต้นใหม่เริ่มได้ตลอดเวลา การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ช่วงแรกอาจจะยังไม่ชิน ทำไปเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ ก็ชำนาญ อย่างไรก็ตาม การทำอะไรต่างๆ อาจประสบความสำเร็จ มีข้อผิดพลาด หรือล้มเหลว ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ยึดติด มีสติอยู่กับปัจจุบัน สุขทุกข์อยู่ที่ใจ

จาก สิริลักษณ์ ปู : สิ่งที่ได้ฝึกฝนในการเรียนครั้งนี้คือการมีวินัย เข้มแข็งแต่ไม่เคร่งครัดจนแข็งกร้าวกับตัวเอง ยืดหยุ่นแม้ไม่ได้ดังใจ ยอมรับเมื่อไม่เป็นตามที่คาดหวังทั้งเรื่องของตนเองและความคาดหวังต่อคนอื่น รับรู้ว่าบางเรื่องไม่ต้องทำอะไรหรือเร่งร้อนแก้ไข เพียงอยู่กับมันสักพักมันก็คลี่คลายไปเองได้ บทเรียนสำคัญคือการเข้าใจปมที่เรามีต่อคนที่เรารัก รู้ว่าทำไมถึงโกรธได้มากมายกับเรื่องเพียงนิดเดียว เพราะเราสะสมความคิดพื้นฐานว่าเขาไม่ได้รักเราเหมือนก่อน เราอยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม เรียนรู้ว่าทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลง แม้วันนี้เขาไม่ได้รักเราเท่าเดิมแต่เขาดูแลเราดีกว่าเดิมมาก เรามัวแต่อยากให้เขารักเเหมือนเดิมจนมองข้ามความดีที่เขาทำทุกๆวัน

จาก ปฏิญญา ติ๊ก : “ฝึกการตัดสินตัวเองให้ช้าลง
ฝึกการคุยกับตัวเองเช่น เวลาเรารู้สึกไม่ชอบอะไรบางอย่าง เราก็จะถามตัวเองว่า แล้วไง ถ้าชอบแล้วไง แต่ไม่หมกมุ่นกับความรู้สึกไม่ชอบนั้น
ฝึกมองหาคุณค่าของคน สัตว์ สิ่งของ โดยการคิดและเขียน
การเขียนครั้งนี้ทำให้เห็นวิธีคิดของตัวเองชัดขึ้น โดยเฉพาะการมองและให้ค่าตัวเอง
กล้าในการพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น มีความสุขในการเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น

“ข้อคิดและบทเรียนที่ได้คือ การเกิดมาเป้นคนของคนส่วนใหญ่ชีวิตช่วงวัยเด็กสำคัญมาก เราจะจดจำบางอย่าง เป้นการเลือกจำของเรา และนำมันมากำหนดบางสิ่งบางอย่างให้กับชีวิตตนเอง การได้กลับไปดู ไปเห็นสถานการณ์ชีวิตในวัยเด็กในสายตาของผู้ใหญ่ และในสายตาและความรู้สึกของเด็กน้อย ทำให้เราเข้าใจต้นตอความคิดบางอย่างที่เราเฝ้าบอกตัวเอง บางอย่างเราบอกถูก บางอย่างผิด ซึ่งจริงๆไม่มีอะไรผิดถูก และไม่มีอะไรทำร้ายเรา เราเติบโตมาด้วยการตัดสินบางอย่างด้วยตัวเราเอง
การได้กลับไปรู้จักเส้นทางชีวิตของตนเอง ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น ก่อนเรียนเราคิดว่าเรารู้จักตัวเองดีแล้ว แต่มีบางแง่มุมที่เราคิดว่า ไม่อยากรู้จัก บางครั้งมันคือจุดอ่อนของเรา เช่นตอนนี้บางครั้งก็อยากอยู่ไปวันๆ ทำงานไปเรื่อยๆเพราะวัยเรา อายุมากแล้ว แต่พอนึกถึงวัยเด็ก เด็กตัวเล็กๆทำบางอย่างได้มากกว่าผู้ใหญ่ ด้วยแรงจูงใจ แรงผลักดันเล็กๆเอง แค่นึกอยากกินมะม่วงเธอสามารถลุกจากที่นอนตีสามตีสี่ ตอนนี้ตื่นแต่เช้า มาออกกำลังกายแม้ว่าอากาสจะหนาว น่านอนห่มผ้าต่อ และวางแผนจะทำเพจ

จาก นลินธร เอ๋ : สิ่งที่ได้ฝึกฝน คือ ได้ระบายสิ่งที่ค้างคาในใจออกมา ไม่เก็บอีกต่อไป มันทำให้เราจะไม่กลับไปคิดถึงสิ่งที่ค้างคาใจอีก เพราะเราได้ค้นหา สาเหตุ สำรวจใจเรา และได้ตอบคำถามในใจไปหมดแล้ว พัฒนาตนเองในการใส่ใจในรายละเอียดของเหตุการณ์นั้น ๆ มากขึ้นไม่ได้มองแบบผ่าน ๆ ข้อคิดที่ได้ คือ เราจะไม่ก้าวต่อไปในการเติบโตในใจ ถ้าเรายังไม่ได้จัดการกับสิ่งที่ยังติดอยู่ บทเรียนสำคัญสำหรับตัวเอง คือ ถ้าหาคำตอบจากคิดไม่ได้ ให้ลงมือเขียน ไม่น่าเชื่อว่ามันทำให้เราได้สำรวจใจเราแบบลึกซึ้งมากกว่าความคิด

จาก จิตชนก ขลุ่ย : ได้ฝึกการใคร่ครวญ และ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ของการเติบโต การกระทำ เพื่อการเอาตัวรอด ของตัวเอง ความจริง ที่เราต้องยอมรับเพื่อเข้าใจตัวเอง ฝึกให้ผ่อนคลาย อภัย เมตตา กับตัวเอง และได้เข้าใจว่าเราในช่วงเวลานี้ต้องการสิ่งใดเพื่อการพัฒนาด้านในของเราให้เติบโตขึ้น เปิดใจและรับความจริงของสังขาร ว่าทุกอย่างย่อมเสื่อมไปตามเวลา กำลังกายอาจทดถอย แต่กำลังใจ ต้องเพิ่มขึ้น เราไม่ได้ เกิดมาเพื่อแค่มีชีวิต แต่เรามีโอกาส ที่ถึงพร้อมทุกเรื่อง เพื่อการปฏิบัติภาวนา อย่าปล่อยให้เวลาสูญเปล่า เรามีสิทธิที่จะมีอิสระ ที่จะทำอะไรก็ได้ ชีวิตเรา ๆ ต้องเลือกเอง เชื่อมั่นในสัญชาตญาณ และกล้าเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่จะได้พบ

 

 

[ติดตามการอบรมของเรา]

https://www.dhammaliterary.org/open-course/