หายใจเข้า ทุกลมหายใจคือการตัดสินใจ
หายใจออก ทุกการตัดสินใจคือความรับผิดชอบต่อชีวิต
เมื่อเราจรดปลายปากกา ทุกถ้อยคำที่ลากเส้นขดม้วน ตรงและโค้ง คือการเลือกและการตัดสินใจ ทุกๆ เสี้ยวเวลาแห่งการเขียน เปี่ยมด้วยความรับผิดชอบและการกล้าเข้าแลก
ชีวิตเราอยู่กับการตัดสินใจเกือบตลอดเวลา ตั้งแต่ยามเช้าเราเลือกว่า จะหยิบสวมเสื้อผ้าใด ทักทายคนในครอบครัวอย่างไร กินข้าวเช้ากับอะไร จะรับมือกับปัญหาจราจร เดินทางไปทำงาน และจัดการกับภาระงานตลอดทั้งวันอย่างไรบ้าง เราต้องตัดสินใจนับตั้งแต่ตื่นนอนจวบจนสิ้นวัน สถานการณ์ต่างๆ มาให้เราได้เลือกได้ตัดสินใจรู้สึก นึกคิด และลงมือทำ
ชีวิตเราขึ้นอยู่กับปัจจัยนานา ทว่าสิ่งสำคัญนั้นคือการตัดสินใจของเราเอง
ทุกขณะใจ มีการเลือกและการตัดสินใจแทบตลอดเวลา เมื่อเราพบเจอสิ่งมากระทบความรู้สึก จิตใจเลือกเฟ้นท่าที คิด รู้สึก และตอบโต้ ทุกความรู้สึกในใจเรามิใช่ความรับผิดชอบของผู้อื่น แต่เกิดจากการเลือกของตัวเราเอง เราเลือกสร้างความรู้สึกนั้นขึ้นมา โดยอาศัยสิ่งแวดล้อมภายนอกเป็นเครื่องปรุง
หายใจเข้า หัวใจคือหน้ากระดาษ และจานอาหาร เรามีวัตถุดิบจากภายนอกตัว นำมาคลุกเคล้าและสร้างผลงานเขียนหรืออาหารจานใหม่ด้วยมือเราเอง
หายใจออก จิตใจเรามีศักยภาพแห่งการสร้างสรรค์ เราคิด รู้สึก และปรุงแต่งภายในตลอดเวลา เหมือนสมุดบันทึกที่เราเลือกเขียนสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเราเอง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเราคือผลของการเลือกของตัวเราเอง
ทุกขณะที่เราจรดปลายปากกาลง มิว่าลงบนหน้ากระดาษสมุดบันทึกหรือกระดาษแห่งจิตใจ ทุกคำที่เขียน คือการตัดสินใจของตัวเรา เราเลือกเองในทุกคำที่ปรากฏ การเลือกของเราเกิดเป็นถ้อยคำและบรรทัด ก่อเกิดความคิดและความรู้สึกรู้สา เชื่อมโยงความหมายในหัวใจจากถ้อยคำนอกตัว นี่ล้วนคือพลังของการเลือก
เราเลือกรู้สึกและคิดอย่างไร ย่อมปรากฏให้เห็นบนหน้ากระดาษและพื้นที่ใดใดก็ตามที่สามารถสะท้อนจิตใจเราได้ ในที่นี้ การเขียนคือกระจกบานหนึ่งที่สะท้อนกระบวนการคิดและความรู้สึกรู้สาของตัวเรา เมื่อเราย้อนมอง ย่อมเห็นการเลือกนานาปรากฏ การเลือกเหล่านี้มีผลต่อตัวเรา ต่อมุมมองที่มองตนเอง ต่อมุมมองที่มองยังผู้อื่นและโลก การเลือกเหล่านั้นมีผลต่อการกระทำและการใช้ชีวิตที่ผ่านมา เมื่อเราย้อนมอง เราจึงเห็น จากนั้น การตระหนักรู้จะถามคำถามในใจว่า แล้วเราจะเลือกอย่างไรต่อไป
หายใจเข้า การเลือกในหัวใจจากสิ่งที่เข้ามากระทบ ทำให้เกิดความรู้สึก นึก และคิด ก่อเกิดท่าทีและการกระทำหลังจากนั้น ทุกขั้นตอนมีการเลือกของตัวเราอยู่ทั้งสิ้น ในเวลาแทบเพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาที เราเลือกจากหัวใจและเลือกลงมือทำ การเลือกทุกระดับจากภายในสู่ภายนอก ก่อให้เกิดผลต่อชีวิตเราด้านต่างๆ
เมื่อเราพบเจอสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจ เราเลือกรู้สึกไม่รังเกียจ เลือกคิดปรุงในใจว่าเราไม่น่ามาเจอสิ่งนี้เลย สิ่งนี้มีผลร้ายต่อเราเหลือเกิน เราไม่อยากเข้าใกล้เลย จะทำให้สิ่งนี้ไปให้พ้นได้อย่างไร เราเลือกต่อว่าจะลงมือทำเพื่อขับไล่ไสส่งสิ่งนี้ เราเลือกลงมือทำ แล้วเราอาจหลบหลีกสิ่งดังกล่าวได้สำเร็จ หรือไม่สำเร็จ เราอาจเริ่มรู้สึกทุกข์ร้อนใจและเลือกรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ บางทีความโกรธอาจเกิดขึ้นจากการเลือกของตัวเราเอง เราเลือกรู้สึกเดือดดาล เราเลือกนำไฟเข้ามาแผดเผาในตัว แม้เราหลบหนีจากสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจได้สำเร็จ ท่าทีการหลบหลีกยังคงอยู่ในใจเรา ทำให้เรารุ่มร้อนราวถูกเผาไหม้คราวเจอสิ่งแบบเดียวกัน การหลบหลีกของตัวเราอาจทำให้เราพลาดการเรียนรู้หรือได้รับประโยชน์ที่ซ่อนเร้นในสิ่งนั้น การเลือกคิดและเลือกมองในแง่ลบเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ อาจทำให้เราจมปลักอยู่กับอคติหรือมุมมองด้านลบแต่ฝ่ายเดียว
หายใจออก ชีวิตที่ผ่านมา มิว่ายามใด สุข ทุกข์ ร้อน หรือเย็น ล้วนเป็นผลจากการเลือกหรือการตัดสินใจจากตัวเรา เราเองที่เลือกความทุกข์เพื่อให้บทเรียนต่างๆ แก่ตัวเรา การเลือกแต่ละครั้งทำให้เกิดร่องความคุ้นชิน หรือ ความคุ้นเคยของการเลือกแบบนี้ เราจึงเลือกหรือตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ ได้ไวขึ้น เร็วขึ้น จนเราก็แทบไม่รู้สึกตัวว่าเลือกอยู่ เช่นเดียวกับการปรุงแต่งความรู้สึกในใจ เราเลือกสร้างสรรค์ความรู้สึก นึก และคิดด้วยตนเองมายาวนาน จนตัวเราแทบไม่รู้สึกว่าเลือกหรือตัดสินใจ
ในเมื่อ การเลือกและการตัดสินใจ มีผลต่อชีวิตเรามหาศาล และการตัดสินใจหลายอย่างเราแทบไม่รู้เท่าทันตัว เราจึงต้องฝึกกลับมาสังเกตการณ์เลือกและการตัดสินใจของเรา สังเกตว่าเราเลือกอย่างไร และการเลือกนั้นให้ผลอย่างไร ทั้งในระดับของหัวใจและท่าทีภายนอก เพื่อรู้ตัวและเพื่อเลือกใหม่ในทิศทางที่เกื้อกูล
สำหรับผู้สนใจการเขียนเพื่อการพัฒนาชีวิตและบุคคลต่างๆ ที่ใฝ่ใจกลับมารู้เท่าทันการเลือกของตนเอง ลองเลือกใช้เวลาในการทบทวนการเลือกที่ยากลำบากในชีวิตที่ผ่านมา มีช่วงเวลาใดบ้างที่เราลังเล ช่วงเวลาใดที่เราสับสน บันทึกเหตุการณ์และความรู้สึก
ให้การเขียนพาเราเลือกทบทวนตนเองว่า สาเหตุก่อนเกิดเหตุการณ์นี้เกิดจากการเลือกและการตัดสินใจของตัวเราอย่างไร เราหวังอะไรจากการเลือกและการตัดสินใจนั้น และเมื่อเกิดเหตุการณ์เราเลือกทำอะไร ให้ผลอย่างไร
สะท้อนตนเองหลังบันทึก เราได้เรียนรู้อะไรจากการเลือกในครั้งนั้น และเราจะเลือกอย่างไรให้พอดีหรือเติบโตกว่าเดิม
หายใจเข้า ทุกลมหายใจมีการเลือก เราอาจให้เวลาตัวเองกลับมาพิจารณา การเลือกที่เราทำได้ดี การตัดสินใจที่เราทำได้ดี เราเคยทำอะไร และสิ่งใดเกื้อกูลให้เราเลือกและตัดสินใจได้ดี สำรวจปัจจัยนั้นทั้งภายนอกและภายใน
ขอให้เราระลึกรู้ว่า ทุกการเขียนคือการฝึกตัดสินใจ ทุกคำบนหน้ากระดาษคือการเลือกและการตัดสินใจของตัวเราเอง การตัดสินใจคืออำนาจ อำนาจนั้นอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว
หายใจออก เราจะเป็นสายน้ำที่ไหลที่ล่องไหลไปตามเหตุและปัจจัยแวดล้อมนานาอย่างไร เราเลือกด้วยตัวเรา แม้ในสถานการณ์ที่ยากยิ่ง ซึ่งดูเหมือนมีสิ่งต่างๆ สร้างกรงขังตัวเราหนาแน่น แต่มิมีสิ่งใดพรากอำนาจแห่งการเลือกไปจากตัวเราได้ เรายังมีสิทธิ์ที่จะเลือกทำและเลือกอยู่ภายใต้แรงกดดันและการกรอบบังคับ ตั้งแต่ความรู้สึกนึกคิดในจิตใจ จนถึงท่าทีภายนอกว่าเราจะรับมืออย่างไร
เรามิอาจขยายหรือปรับแต่งหน้ากระดาษสมุดได้มากนัก แต่เราเลือกได้ว่าจะเขียนลงในหน้ากระดาษนั้นอย่างไรบ้าง อำนาจของการเขียนคือพลังของการตัดสินใจ ถ้อยคำมิได้ถูกคุมขังด้วยเส้นบรรทัด
การฝึกตัดสินใจต้องทำทุกวันคืนของชีวี คือทักษะพื้นฐานสำคัญของชีวิต เราอาจเลือกตัดพ้อต่อว่าปัจจัยภายนอกที่บั่นทอนชีวิตเราได้ เราอาจเลือกท้อแท้และใช้ชีวิตสิ้นหวังหมดพลังได้ เราย่อมเลือกที่จะแก้ปัญหาและพัฒนาตัวเราได้เช่นกัน
เพราะชีวิตคือการรับผิดชอบของตัวเราเอง อิสระนั้นมีอยู่ในใจเรา ทุกการเลือกให้ผลลัพธ์ ทุกการตัดสินใจก่อเกิดชีวิตเรา
เราจะเลือกและตัดสินใจเพื่อชีวิตเราอย่างไร เราจะให้สิ่งใดแก่ชีวี สิ่งที่เราได้เคยเลือกและตัดสินใจแล้วเกิดจากการเห็นคุณค่าใสตนเอง หรือไม่เห็นคุณค่าในตนเอง เกิดจากการหนีความทุกข์ หรือเผชิญหน้าต่อความจริง
หายใจเข้า เรากำลังเลือกหายใจ เลือกอ่าน ปรุงแต่งความรู้สึก นึก และคิด หายใจออก เราเลือกอยู่ด้วยเช่นกัน
ภาพประกอบจากการอบรมนักศึกษาเกี่ยวกับการเขียนเพื่อรู้จักตัวเอง
คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา #11